Skip links

Soft Power News

วงการ T-POP ไทยร้อนไฟลุก หลังช่อง 3 เปิด BEC MUSIC เข้ามารันวงการแล้วหนึ่ง!!!

วงการละครกับวงการเพลงในบ้านเรานั้นถือเป็น 2 อุตสาหกรรมที่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกันโดยมิอาจแยกออก ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นขาใหญ่วงการเพลงย่านอโศกโดดเข้ามาทำ GMMTV, เราได้เห็น RS เข้ามาสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพให้รับชมผ่านทางหน้าจอช่อง 8 แล้วขาใหญ่วงการทีวีอย่างช่อง 3 ถ้าจะโดดข้ามมาชิมลางวงการเพลงบ้าง มันก็ไม่น่าใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด…จริงใหม https://theattraction.co/wp-content/uploads/2024/05/การเดินทางครั้งใหม่ของเสียงดนตรี-เริ่มต้นที่นี่-พบกับ-BEC-Music.mp4#t=0.02 ตัวอย่างการอัพคลาส อัพเลเวล จากนักแสดงไปสู่ศิลปินที่สร้างฐานแฟนคลับอันเหนียวแน่นในวงกว้าง เคสที่เห็นได้ชัดก็มาจากนักแสดงซีรีส์วายหลายๆ เรื่องในบ้านเรา ที่ค่อยๆ สร้างชื่อเสียง จนตอนนี้โด่งดังไปถึงระดับนานาชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พีพี-บิวกิ้น, เจมิไนน์-โฟร์ท, กลัฟ คณาวุฒิ และอีกหลายคน ถ้าใครนึกชื่อออกก็ช่วยคอมเมนต์เพิ่มเติมใต้โพสต์ให้หน่อยน้าาา ด้านช่อง 3 เอง ด้วยคุณภาพของทรัพยากรนักแสดงที่มีอยู่ หลายคนก็ฉายออร่าศิลปิน T-POP มาให้เห็นบ้างแล้วก่อนหน้า การเทิร์นโปรจาก “นักแสดง” ก้าวสู่คำว่า “ศิลปิน” จึงเป็นอีกหนึ่ง Potential ที่ผู้บริหารช่อง 3 นั้นตั้งเป้าเอาไว้ โดย “คุณดิว” ปิ่นกมล มาลีนนท์ ผู้บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าค่ายเพลง BEC MUSIC ถึงจะเป็นค่ายเพลงน้องใหม่ แต่ก็มีศิลปินที่ได้เปิดตัวและมีงานเพลงไปแล้วก่อนหน้าถึง 3 คน การันตีด้วย 5 ซิงเกิ้ลยอดนิยมที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากแฟนเพลง   เริ่มตั้งแต่ ปี 2022 “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” มาพลิกบทบาทครั้งสำคัญ สวมวิญญาณ “ศิลปิน” ปล่อยซิงเกิล “BABYBOO” และ “100%” ปี 2023 “โบว์ เมลดา สุศรี ได้ปล่อยผลงานเพลง “แฟนผมน่ารัก” และเพลง “แนะนำให้เป็นแฟนเรา” ออกมาขยี้ใจคนมีความรักจนกลายเป็นเพลงฮอตฮิตติดชาร์ตในทุกคลื่นวิทยุ และคว้ารางวัลจากเวทีประกาศผลงานเพลงหลากหลายเวที  ปี 2024 ค่ายเพลง BEC MUSIC ได้ตอกย้ำความปังอีกครั้ง โดยนำยูทูบเบอร์สาวที่ควบตำแหน่งนางเอกป้ายแดง “เก๋ไก๋ สไลเดอร์” มาจับไมค์ปล่อยเพลงรัก

Premier League: Super Soft Power แห่งโลกกีฬา

เคยมีคำกล่าวว่า ประเด็นสนทนาที่จะทำให้ชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งได้รู้จักกันในเวลาอันสั้นนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่โยนเรื่องฟุตบอลไปในวงสนทนานั้น เพียงแค่นี้การสนทนาที่เหลือก็ไหลลื่นแล้ว เพราะการเปิดบทสนทนาเรื่องฟุตบอล เป็นวิธีการที่สามารถละลายกำแพงชายแปลกหน้าให้เจรจากันง่ายขึ้น อีกทั้งในขณะเดียวกันยังแสดงถึง “พลังอำนาจ” หรือ “Soft Power” ของโลกลูกหนัง โดยเฉพาะลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า หากกล่าวกันด้วยเรื่องของฟุตบอล จำนวนมากมักจะนึกถึงทีมในอังกฤษเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ แต่กว่าที่ฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก” จะกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาในชีวิตประจำวันของคนอีกมุมโลก ก็มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ทว่าเป็นผลลัพท์มาจากการวางแผน และดำเนินการตามกลยุทธ์ เพื่อให้เกาะอังกฤษมีลีกฟุตบอลมีคุณภาพ ที่สนุกสนาน น่าชม เริ่มตั้งแต่เงินทุนสนับสนุนที่มอบให้แต่ละสโมสรตามขั้นบันได(พิจารณาตามอันดับตารางคะแนน และความสมบูรณ์พร้อมของสโมสรนั้นๆ) กล่าวคือ ยิ่งทีมไหนอยู่อันดับสูงๆ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็ยิ่งได้รับเงินส่วนนี้เยอะ โดยตัวเลขในปัจจุบัน แม้แต่ทีมบ๊วยท้ายตารางก็ยังได้รับเงินส่วนนี้อยู่ในหลักร้อยล้านปอนด์ต่อฤดูกาลเลยทีเดียว และแน่นอนว่า เงินส่วนนี้แต่ละสโมสรก็นำไปปรับปรุงพัฒนาภาคส่วนต่างๆ ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นไป ตั้งแต่สนามแข่ง สนามซ้อม โรงยิม ศูนย์ฝึกเยาวชน ฯลฯ และที่สำคัญคือ นักเตะ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘สินค้า’ แห่งโลกลูกหนัง และเพื่อให้เกมการแข่งขันตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น การนำเข้าแข้งจากต่างชาติ จึงเป็นหนึ่งในวิธีการอันสามารถยกระดับคุณภาพลีกได้  ตัวอย่างเช่น work permit หรือใบอนุญาตทำงาน ซึ่งทางพรีเมียร์ลีกมีการผ่อนปรนมาตรการ ให้นักเตะต่างชาติสามารถเข้ามาค้าแข้งในเมืองผู้ดีได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น กระทั่งล่าสุด สมาคมฟุตบอลอังกฤษอนุญาตให้สโมสรลงทะเบียนนักเตะที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานได้ โดยทีมในพรีเมียร์ลีกได้รับโควตาให้ลงทะเบียนได้มากสุด 4 คน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในระดับชุมชน ให้เยาวชนในแต่ละพื้นที่ สามารถเข้าถึงการฝึกซ้อมอย่างมีมาตรฐานมากขึ้น และเมื่อฟุตบอลในประเทศเข้มแข็งแล้ว มีคุณภาพแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องการส่งออกสู่นอกประเทศ ซึ่งพรีเมียร์ลีกใส่ใจในเรื่องนี้ตั้งแต่เวลาการแข่งขัน โดยการเลือกเวลาการแข่งขันให้เหมาะสมกับกลุ่มคนดูในต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าการแข่งขันที่เกิดขึ้น จะมีตั้งแต่เที่ยงๆ บ่ายๆ จนถึงประมาณสองทุ่มเศษตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่คำนวนมาแล้วว่า แฟนบอลจากอีกซีกโลกยังสามารถรับชมได้โดยที่ไม่ดึกเกินไป หรือแม้แต่การจัดทัวร์ให้สโมสรต่างๆ กระจายไปปรีซีซั่นกันที่ทวีปอื่นๆ โดยมีนโยบายที่ชัดเจน อย่างในเอเชีย ในช่วงแรกมีข้อกำหนดว่า จะต้องมีสโมสรในพรีเมียร์ลีกไปปรีซีซั่นในเอเชียทุกๆ สองปี ซึ่งนั่นรวมไปถึงการสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในต่างแดนด้วย สิ่งนี้ก็ยิ่งเป็นการสร้างความผูกพัน เพิ่มฐานแฟนบอล และยิ่งเป็นการสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อประเทศด้วย เพราะคนจากต่างแดนก็จะมองว่า ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่ทันสมัย เปิดกว้าง ให้โอกาสแก่ความหลากหลาย และเป็นมืออาชีพ จากเหตุผลประการต่างๆ นี้ ทำให้ “พรีเมียร์ลีก” กลายเป็นเมืองหลวงของโลกลูกหนังที่ใครๆ ก็จะต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก และความเข้มแข็งของแบรนด์ดิ้งนี้

Moving ซีรีส์เกาหลีที่สุดแห่งปี จากงานประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 60

ดูซีรีส์เกาหลีปีหนึ่งก็ตั้งหลายเรื่อง เรื่องนี้ก็ใช่ เรื่องนั้นก็โดน แต่เรื่องไหนล่ะจะเป็นที่สุดแห่งปี เมื่อสายหนังมีออสการ์ที่ทั้งโลกจับตามองทุกปี สายซีรีส์เกาหลีก็มีงานประกาศรางวัลด้วยเหมือนกัน . Baeksang Arts Awards หรือ แพ็กซัง เป็นงานประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของวงการบันเทิงเกาหลีที่จะมอบรางวัลให้แก่ฝั่งภาพยนตร์ (Film) และฝั่งรายการโทรทัศน์ (Television) ทั้งซีรีส์ และรายการวาไรตี้ จากทั้งฟรีทีวี เคเบิลและสตรีมมิง กว่า 20 รางวัล . พูดให้เห็นภาพง่ายๆ แพ็กซังก็เหมือนรางวัลนาฏราช สาขาเกาหลี . ถึงแม้งานประกาศรางวัลนี้จะมีรางวัลฝั่งภาพยนตร์ แต่รางวัลเหล่านั้นก็จะไม่ถูกพูดถึงมากนัก เนื่องจากวงการบันเทิงเกาหลียังมีงานประกาศรางวัลสำหรับภาพยนตร์โดยเฉพาะอีก 2-3 งาน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจไปที่รางวัลฝั่งรายการโทรทัศน์มากกว่า โดยเฉพาะ “รางวัลแดซัง” . รางวัลแดซัง (Daesang หรือ 대상)  โดยในภาษาเกาหลี คำว่า ‘แด’ แปลว่า ใหญ่ ส่วน ซัง แปลว่ารางวัล รางวัลใหญ่ (Grand Prize) ที่เปิดโอกาสให้ซีรีส์ทุกเรื่อง รายการวาไรตี้ทุกรายการ และทุกคนในวงการบันเทิงมีสิทธิ์เสนอชื่อเข้าชิง . ไม่ว่าจะเป็นตัวซีรีส์/รายการวาไรตี้เอง นักแสดง คนเขียนบท ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ หรือพิธีกร ก็ล้วนมีสิทธิ์ลุ้นชิงรางวัลนี้กันทั้งนั้น ซึ่งจะเป็นรางวัลเดียวที่จะไม่ได้ประกาศชื่อเข้าชิง เหมือนรางวัลอื่นๆ ทำให้รางวัลนี้เป็นที่น่าจับตามองทุกปีว่าเรื่องใด รายการใด หรือใครจะเป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไป . รางวัลแดซัง จึงเป็นเหมือนแลนด์มาร์กประจำปีว่าอะไรคือที่สุดแห่งปี หรือเกิดอะไรขึ้นบ้างในปีนั้น อย่างในปี 2021 ไม่ว่าจะเปิดรายการใดก็เจอพิธีกรแห่งชาติ “ยูแจซอก” อยู่เสมอ พาให้เขาเดินขึ้นไปรับรางวัลแดซังในปีนั้น . ส่วนในปี 2022 ซีรีส์ที่ฝากปรากฏการณ์ไว้มากมายทั่วโลกอย่าง “Squid Game” ก็คว้ารางวัลนี้ไป . รวมถึงในปีที่แล้ว นักแสดง “พัคอึนบิน” ในบท ทนายอูยองอู จาก Extraordinary Attorney Woo ที่ถ่ายทอดมุมมองออทิสติกสเปกตรัมได้อย่างน่าสนใจก็รับรางวัลนี้ไปด้วยเช่นกัน … ในปี 2024 ที่ผ่านมา

เกาะสมุยจัดใหญ่งานไพรด์ 6 วันเต็ม “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL”

จองคิวแน่นยาวถึงปลายเดือน อาร์เอส มัลติเอ็กซ์  เตรียมฉลอง “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” – Let’s Join PRIDEradise เปลี่ยนเกาะสมุยเป็นเกาะสวรรค์  เปิดแลนด์มาร์กใหม่ให้ชาว LGBTQIAN+ เฉิดฉายได้แบบจัดเต็ม 6 วัน 6 คืน ตั้งแต่วันที่ 24 – 29 มิถุนายน 2024 ณ หาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี . เพื่อฉลองอีกก้าวของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะมีการลงมติจากวุฒิสภาครั้งต่อไปในวันที่ 18-19 มิถุนายน “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” จึงจะกลายเป็นพื้นที่เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของปีนี้ . พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้ “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” กลายเป็นเฟสติวัลหลักที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ทั่วโลก เดินทางมายัง เกาะสมุย เกาะที่ขึ้นชื่อว่าหรูหรา (Luxury islands) อันดับต้นๆ ของโลกที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ ด้านเฟสติวัลที่จะทำให้ “ไทย” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดกว้างต้อนรับทุกความหลากหลายทางเพศ . ตั้งแต่วันที่ 24- 28 มิ.ย. ทั่วทั้งเกาะจะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ งานสัมมนาเชิงสร้างสรรค์, จดทะเบียนสมรส, Installation Art ที่รอต้อนรับงานใหญ่วันสุดท้าย ในวันที่ 29 มิ.ย. ขบวนพาเหรดใต้แสงอาทิตย์ตก (Sunset Parade) ครั้งแรก ก่อนจะปิดท้ายด้วยมิวสิคเฟสติวัลอย่างยิ่งใหญ่จากตัวแม่ ตัวมัม ตัวลูกของชาว LGBTQIAN+  ไม่ว่าจะเป็น อิงฟ้า วราหะ, มิลลิ, Badmixy มิกซ์ เฉลิมศรี และแก๊งหิ้วหวี ร่วมด้วย ดีเจดังระดับโลก อย่าง Sick

“สยามพิวรรธน์” จัดใหญ่ ชวนนายกเศรษฐาร่วมเดินพาเหรดงาน Pride

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ – ศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม ร่วมกันเป็นองค์กรหลักจัดงานเฉลิมฉลอง Pride Month ภายใต้แคมเปญ “The Celebration : Right to Love” พร้อมด้วยองค์กรภาครัฐและเอกชน กว่า 50 องค์กร โดยมีคุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  เป็นประธานแถลงจัดงาน ร่วมด้วยคุณอรรณว์ ชุมาพร ประธานคณะทำงานบางกอกไพรด์,  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรุงเทพมหานคร, สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) และอื่นๆ อีกมากมาย   จัดใหญ่กว่าเดิมด้วยมหกรรมอีเว้นท์และกิจกรรมต่อเนื่อง ตั้งแต่ 31 พ.ค. จนตลอดทั้งเดือน มิ.ย.  เพื่อฉลองในโอกาสที่ประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียม นับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ – Bangkok Pride Parade – ขบวนเฉลิมฉลองสุดยิ่งใหญ่ที่จะร่วมกันแสดงความภาคภูมิใจในคอมมูนิตี้ LGBTQ+ ในวันที่ 1 มิ.ย. 2567 (แอบสปอยล์ว่าปีนี้นายกเศรษฐา ทวีสิน จะเข้าร่วมขบวนด้วย โดยปีนี้จะเป็นครั้งแรกของไทยที่จะมีนายกเข้าร่วมเฉลิมฉลองไปพร้อมกัน) – Drag Bangkok Festival 2024 – เฟสติวัลแดร็กครั้งแรกในไทยและเอเชียที่จะรวมศิลปินแดร็กทั่วโลก กว่า 500 ชีวิตมาแต่งแต้มสีสันให้เดือนนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายมากกว่าที่เคย – Bangkok Pride Forum 2024 – เวทีเสวนากว่า 20 เซสชั่น จากบุคคลและผู้แทนองค์กรที่ทำงานและเกี่ยวข้องกับด้านสิทธิ ของเหล่า LGBTQ+ และสตรี ทั้งไทยและต่างประเทศ  พร้อมพา “Teletubbies” คาแรกเตอร์หลากสีในวัยเด็ก มาเป็นเป็น Pride Ambassador ประจำปีที่จะร่วมเดินในขบวน Bangkok Pride Parade  และจะเปิด Teletubbies Café แห่งแรกในเอเชีย    – ICONSIAM “Pride

มาแล้ว “Mother of The Bride” ภาพยนตร์ Netflix ถ่ายที่ภูเก็ตทั้งเรื่อง นักแสดงเผย อยากทำเท่ แต่แดดเมืองไทยร้อนโคตร!

เมื่อ “แม่เจ้าสาว” พบว่า “พ่อเจ้าบ่าว” คือรักแรกของเธอ งานวิวาห์อลวนจึงเกิดขึ้นในภาพยนตร์รอมคอมเรื่องล่าสุด “แม่เจ้าสาว” (Mother of The Bride) ซึ่งเรื่องนี้ Mark Waters ผู้กำกับชื่อดังจาก Mean Girls และ Freaky Friday พานักแสดงฮอลลีวูดยกกองมาถ่ายทำกันที่เกาะภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักตลอดทั้งเรื่อง โดยโลเคชั่นหลักที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้คือที่ อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท และอนันตรา ภูเก็ต วิลล่าส์ แต่กระนั้นก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองภูเก็ต อาทิ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เขาตะปู และที่สำคัญคือ ชายหาดภูเก็ต รวมไปถึง Soft Power ประจำชาติไทยแขนงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี อาหาร อีกทั้งในเรื่องยังมีซีนที่นักแสดงบางคนพูดภาษาไทยเล็กๆ น้อยๆ ให้คนไทยอย่างเราๆ ได้ชื่นใจกันอีกด้วย   ซึ่งทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับนโยบายมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับนักแสดงชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศเป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการเลือกใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่นถ่ายทำ พร้อมด้วยมาตรการการคืนเงิน หรือ Cash Rebate สูงสุดร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยกลายเป็น Landmark ที่สามารถดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างชาติ และนักท่องเที่ยวที่อาจจะมาตามรอยสถานที่ต่างๆ จากภาพยนตร์ / ซีรีส์ แต่ละเรื่อง   ทำนองเดียวกับที่ William Heinecke ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Minor International บริษัทแม่ของรีสอร์ทในเรื่อง ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปรากฏการณ์ ‘set-jetting’ หรือการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ที่นักท่องเที่ยวออกเดินทางมาตามรอยสถานที่ถ่ายทำหนัง ซีรีส์ หรือรายการทีวี เรื่องโปรด เราจึงมีเป้าหมายในการโปรโมทประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่น และผลประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับทีมงานฝ่ายผลิตทั้งในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อประเทศไทยประสบความสำเร็จ เราทุกคนถือว่าประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน”   อย่างไรก็ดี อุปสรรคในการถ่ายทำ นอกจากสถานที่ตามธรรมชาติที่ควบคุมได้ยากแล้ว ยังมีเรื่องอากาศร้อนที่นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง Benjamin Bratt ได้เปิดเผยว่า “เขา (คนไทย)

เตรียมเดรส ออกไปแดร็ก! Drag Bangkok Festival 2024

“Drag Bangkok Festival 2024” ครั้งแรกในไทยและเอเชียกับการรวมตัวศิลปิน Drag กว่า 500 ชีวิตจากทั่วทุกมุมโลก มาร่วมกันเฉลิมฉลองเดือนแห่งความหลากหลาย บนลานพาร์ค พารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2567 พร้อม เดินขบวนไปกับ Bangkok Pride Festival 2024 ในธีม “I’ve got the power” ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2567 ด้วยความร่วมมือและการสนับสนุนของ Yellow Channel ร่วมกับ Bangkok Pride และ ONESIAM (สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่)   แดร็ก (Drag) – อีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ที่สร้างชื่อเสียงให้ไทยกลายเป็นดินแดนแห่ง LGBTQIA+ เปิดกว้างให้ทุกคนนำเสนอตัวตนผ่านร่างกาย ด้วยศิลปะที่หลากหลาย ทั้งแต่งหน้า ทำผม ทำชุด เต้น ออกแบบโชว์ ลิปซิงก์และร้องเพลงตามที่ต้องการ แต่การเป็นแดร็กไม่ใช่เรื่องง่าย แค่แต่งตัวและลิปซิงก์ ตามสื่อโซเชียลมีเดียเราจะเริ่มเห็นศิลปินแดร็กที่สอนแต่งหน้า เปิดเบื้องหลังการทำชุดออกแบบโชว์ พาไปเดินซื้อผ้า ตัดชุด ทำวิกที่สำเพ็ง เราต้องหยุดดูและทึ่งกับการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินแดร็กไทยทุกครั้ง   ในปัจจุบัน ชุมชนแดร็กไทยเป็นที่รู้จักและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะ นอกจากแดร็กจะเป็นกระบอกเสียงให้กับชุมชน LGBTQIA+ ในไทยแล้ว แดร็กยังเป็นศิลปินอีกหนึ่งกลุ่มที่ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับตัวเองและผู้คนในวงการ รวมถึง แบรนด์ ร้านค้า หรือหน่วยงานและองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มหันมาทำงานร่วมกับศิลปินแดร็กเพิ่มขึ้น แดร็กจึงเป็นนักสร้างสรรค์อีกหนึ่งกลุ่มที่มีศักยภาพ ทั้งในด้านต่อยอดเศรษฐกิจ ศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีพลังดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้หันมาสนใจไทยในฐานะแลนด์มาร์ก LGBTQIA+ ได้อย่างแน่นอน  

บางกอกคณิกา โสเภณีสู้ชีวิต ผู้ผลิตสู้กองเซ็นเซอร์

บางกอกคณิกา ซีรีส์เรื่องใหม่ล่าสุดจากช่อง one31 บอกเล่าเรื่องราว การสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับของอาชีพหญิงโสเภณีย่านสำเพ็งที่ต้องการจะโบกมือลาอาชีพ เพื่อไปทำตามความฝันของตนเอง แต่การจะทำเช่นนั้นกลับไม่ง่าย เพราะสถานะทางสังคมที่ผูกพวกเธอไว้ พวกเธอจึงจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเธอ   “สายตาทุกคู่จงมองมา นี่คือดอกไม้งามที่ราคาแพงที่สุดแห่งหอบุปผาชาติ See for yourself!” เปิดเรื่องมาแม่ราตรี เจ้าของสำนักโสเภณีบุปผาชาติ ก็สปีคอิงลิช ทำให้เราสงสัยว่า โสเภณีไทย ในมุมมองต่างชาติสมัยนั้นเป็นอย่างไร ? การจะตอบคำถามนั้น อาจต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงการก่อตั้ง สำเพ็ง หรือ สามเพ็ง เป็นย่านการค้าของชุมชนชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานมาจากบริเวณคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดพื้นที่สำหรับสร้างพระบรมมหาราชวัง ในปีในปีพ.ศ.2325 นับแต่นั้นมา สำเพ็งจึงเต็มไปด้วยชาวจีนหลากหลายเชื้อชาติ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ชาย ย่านการค้าโสเภณีจึงถือกำเนิดขึ้น และกลายเป็นย่านที่มีชื่อเสียง   การค้าที่ใหญ่ที่สุดในสยามในช่วงเวลานั้น เกิดการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติมากมาย จึงเกิดโรงโสเภณีฝาหรั่งตามมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในแต่ละพื้นที่ จึงไม่ปรากฏแน่ชัดนักว่ามุมมองชาวต่างชาติที่มีต่อโสเภณีไทยเป็นอย่างไร แต่ก็มีบันทึกไว้ว่าอัตรา “ค่าคอร์ส” ของชาวไทยหรือจีนที่ต้องจ่ายคือ 2 สลึง-1 บาท หรือหากเป็นหญิงโสเภณีชั้นสูงจะต้องจ่ายในราคาถึง 5 บาท หากฝรั่งหรือญี่ปุ่นจะใช้บริการต้องจ่าย 2-4 บาท ซึ่งสูงกว่าชาวไทยหรือจีน แต่ถ้ามีการกำหนดไว้เช่นนี้ อาจหมายถึงโสเภณีไทยก็มีชื่อเสียงเลื่องลือมานานแล้ว   แม้ในสมัยนั้น อาชีพโสเภณีย่านสำเพ็งดูจะเป็นอาชีพที่เปิดเผย มีการจัดเก็บภาษีและพรบ.ป้องกันสัญจรโรค แต่อาชีพนี้ก็ยังคงเป็นอาชีพที่มีสถานะทางสังคมอยู่ล่างสุด เป็นที่รังเกียจของสังคมถึงขั้นที่ว่าห้ามชายแต่งเอาเป็นภรรยา “เมื่อโสเภณีถูกตีตราให้ต่ำยิ่งกว่าทาส พวกเธอจึงมิอาจได้รับสิทธิ์ความเป็นคน”   ละครเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นการกลับมาดูละครไทยในรอบหลายปี เนื่องด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจที่นำเสนอเรื่องราวอีกมุมหนึ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานอย่าง “นางคณิกา” หรือโสเภณี มาถ่ายทอดในมิติการต่อสู้เพื่อสิทธิในชีวิตของตนเอง พร้อมสอดแทรกวิถีชีวิตของชาวไทยสมัยนั้นได้อย่างลงตัว ทั้งชุดไทย อาหารไทย หรือที่พีคที่สุดก็คงจะเป็นการนำเพลง แสงสุดท้าย ของบอดี้สแลมมา re-arrange ผสานกับดนตรีไทย สำหรับใช้แสดงในโชว์แรกของพวกเธอ เพื่อสื่อถึงการดิ้นรนต่อสู้เพื่อสิทธิในชีวิตของตัวเอง จึงนับได้ว่าเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้ดีทีเดียว แม้ในจังหวะแรกจะรู้สึกประดักประเดิดในแง่ของช่วงเวลาเล็กน้อยที่เซ็ตติ้งเรื่องราวไว้ใน พ.ศ.2435 จนแอบสงสัยว่าพี่ตูนแมสมาตั้งนานแล้วเหรอเนี่ยยยย   ในแง่ของเนื้อหาละครจึงมีความดาร์กพอสมควร เพราะนำเสนอเรื่องราวของหญิงโสเภณีในสมัยนั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างเปิดกว้าง และหลุดจากกรอบละครประวัติศาสตร์เดิมที่มักจะถ่ายทอดเรื่องราวหญิงไทยตามขนบ แต่จะกว้างขนาดไหนก็ยังต้องผ่านกองเซ็นเซอร์ แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของ “กะหรี่” แต่คำว่า “กะหรี่” กลับถูกเซ็นเซอร์ซะงั้น งานนี้ นอกจากกะหรี่ในเรื่องต้องสู้เพื่อตัวเองแล้ว ช่อง

LOSO Original ในรอบ 23 ปี คอนเสิร์ตใหญ่ คอนเสิร์ตกลาง คอนเสิร์ตเสก

สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนๆ วงร็อครุ่นใหญ่ขวัญใจมหาชนอย่าง “วงโลโซ” ที่ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า สมาชิกยุคแรกเริ่มทั้งสามคน ประกอบไปด้วย เสก-เสกสรรค์ ศุขพิมาย (ร้องนำ, กีตาร์), ใหญ่-กิตติศักดิ์ โคตรคำ (กลอง) และ กลาง-ณัฐพล สุนทราณู (เบส) จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 23 ปี “28 YRS LOSO WE ARE THE ROCK & ROLL CONCERT”    หลังจากที่เดิมที สมาชิกรุ่นแรกเริ่มวงโลโซแยกทางกันไปเมื่อปี พ.ศ.2546 หรือ 20 กว่าปีก่อน ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ที่ยังอยากเห็นไลน์อัพในตำนานกลับมารวมตัวบรรเลงความเป็นร็อคแอนด์โรลให้แฟนๆ หายคิดถึง จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนเราจึงได้เห็นภาพของสมาชิกยุคแรกเริ่มได้กลับมาพบปะกันในฐานะ “เพื่อน” กันอีกครั้ง โดยในประเด็นนี้ “เสก โลโซ” ได้กล่าวเอาไว้ว่า “ผมไม่ได้เจอใหญ่กับพี่กลางนานแล้ว มีความคิดถึงกัน นัดเจอกัน ปรับความเข้าใจในเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา พอได้กอดกันน้ำตาซึม ก็รู้สึกว่าต้องมีคอนเสิร์ตใหญ่ ผ่านมา 2 ปี ก็คนติดต่อมาว่าจะทำคอนเสิร์ต ก็รับปากตกลง … ตอนนี้เรียกว่าตกผลึกแล้ว อายุก็ 50 กันแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ กลับมารวมตัวกันก็ดีใจและรักกันมากกว่าเดิม”   ส่วนทาง “ใหญ่-กิตติศักดิ์ โคตรคำ” มือกลองคู่บุญของ “พี่เสก” ก็เล่าถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ตอนโน้นเราทะเลาะกัน มันไม่ใช่เรื่องอื่น ส่วนมากจะมีปัญหากันเรื่องเงิน แต่เราไม่มีเรื่องพวกนั้น คือเราเป็นวงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย งานทั้งหมดเราเป็นคนทำเองหมด จะมีอีโก้ว่าไม่กลัวใครแค่นั้นเลย พอวันนึงเรากลับมาเคลียร์กันนิดเดียว นั่งคุยกัน ตอนนั้นพวกเรายังเด็ก”   และหากจะกล่าวถึง “วงโลโซ” ก็นับว่าเป็นวงดนตรีที่ก้าวไปสู่จุดสูงสุดในวงการเพลงไทย และยังเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะฟรอนต์แมนที่ทุกคนเรียกว่า “พี่เสก” ก็เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะ “ร็อคแอนด์โรลสตาร์” ซึ่งยากจะหาใครมาเปรียบ นอกจากนี้ ในทางดนตรี ก็มีการยกย่องว่า แนวทางของโลโซนี่เองก็เป็นการบรรจบกันระหว่างความเป็น “ร็อค” กับ “เพื่อชีวิต”

MCT Presents Songwriter Thailand Showcase 2024

งานนี้เพื่อนพ้องนักแต่งเพลงมารวมตัวกันอย่างคึกคัก ทั้ง ศิลปิน นักดนตรี โปรดิวเซอร์ โดยในการเปิดงาน มี ‘คุณวิเชียร ฤกษ์ไพศาล’ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติด้านดนตรี กล่าวเปิดงาน ประกาศผลักดันให้อุตสาหกรรมดนตรีให้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีของไทยและยกระดับคนทำงานในอุตสาหกรรม   การเสวนาช่วงแรกมี ‘คุณณฐพล ศรีจอมขวัญ’ (ก้อ) ‘คุณธารณ ลิปตพัลลภ’ (แทน ลิปตา) และ ‘คุณดนุภพ กมล’ (บอม Muzik Move) ผู้แทนจาก MCT ขึ้นมาพูดถึง ภาพรวมอุตสาหกรรมดนตรี และทำความรู้จัก MCT ช่วงที่สองเป็น Songwriter Inspiration Talk : Story behind the Song ได้นักแต่งเพลงแห่งยุค ซึ่งเป็นสมาชิกนักแต่งเพลงของ MCT ‘คุณปณิธิ เลิศอุดมธนา’ (ข้าว Fellow Fellow) และ ‘คุณอัจฉริยา ดุลยไพบูลย์’ (แอ้ม) QUEEN OF T-POP มาร่วมแชร์เบื้องหลังและที่มาของเพลงฮิตติดหูกันอย่างเป็นกันเอง ช่วงถัดมา เป็น Songwriter Trick & Tips ที่ได้ ‘คุณปิยวัฒน์ มีเครือ’ (ปู๋ นักร้องนำวง HENS) มาแนะนำวิธีหาแรงบันดาลใจ เพื่อช่วยปลดล็อกเมื่อแต่งเพลงแล้วถึงทางตันให้กับนักแต่งเพลงมือใหม่   จากนั้น การเสวนาช่วงสุดท้าย ‘คุณธารณ ลิปตพัลลภ’ ขึ้นมาพูดคุยบนเวทีอีกครั้ง ร่วมกับ ‘ผศ. ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ราชรักษ์’ ประธานหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอุตสาหกรรมบันเทิง มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ‘คุณวรภัทร วงศ์สุคนธ์’ (พัด วง Mean) ผู้บริหารบริษัท marr ในเครือค่ายเพลง LOVEiS Entertainment ในหัวข้อ เส้นทางและอนาคตของอาชีพนักแต่งเพลง แชร์ประสบการณ์ตลอดระยะเวลาการทำงาน