Skip links

Travel

ภูเก็ตสร้างชื่อ!  คว้ารางวัล “เมืองเทศกาลโลก” ประจำปี 2024

จังหวัดภูเก็ต ได้รับการประกาศให้เป็น “เมืองเทศกาลโลก (World Festival and Event City)” ประจำปี 2024 โดยสมาคมเทศกาลและกิจกรรมระหว่างประเทศ (IFEA) การได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของภูเก็ตในการจัดงานระดับนานาชาติที่มีมาตรฐานระดับโลก โดย IFEA พิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การมีงานเทศกาลที่โดดเด่น การทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ และความสามารถในการสร้างเศรษฐกิจจากการจัดงานเทศกาล นอกจากภูเก็ตแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลนี้ด้วย ได้แก่ กวางจู เกาหลี, แม็คอัลเลน รัฐเท็กซัส, มิลวอกี รัฐวิสคอนซิน, และ ฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย, พิทต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ณ เมือง Pittsburgh สหรัฐอเมริกา โดย นายพัฒนชัย สิงหะวาระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ เป็นผู้รับมอบรางวัล ของจังหวัดภูเก็ตประเทศไทย รางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของชาวภูเก็ต แต่ยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ โดยแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้รับรางวัล “เมืองเทศกาลโลก” เป็นก้าวสำคัญของภูเก็ตและประเทศไทย ที่จะนำไปสู่การพัฒนาการจัดงานเทศกาลต่างๆ ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทยมากยิ่งขึ้น #TheAttraction #SoftPower #Phuket #Festival #TCEB #เมืองเทศกาลโลก #IFEA

ต่างชาติโหวต “เกาะช้าง” ยืนหนึ่ง สถานที่ “ฮันนีมูน” ที่ดีที่สุดในโลก

  เมื่อไม่นานมานี้ enjoytravel.com เว็บไซต์เพื่อการท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ ได้จัดอันดับ 20 สถานที่ฮันนีมูนที่ดีที่สุดในโลก โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนจาก ความน่าดึงดูดทางการท่องเที่ยว, ที่พัก, อาหาร/เครื่องดื่ม, แพ็คเกจฮันนีมูน, บรรยากาศของสถานที่ และความน่าจดจำ-ไม่ซ้ำที่อื่น . ปรากฏว่า เกาะช้าง จ.ตราด ประเทศไทย เข้าไปอยู่ในอันดับ 1 ของจุดหมายปลายทางแห่งการฮันนีมูนสำหรับคู่รัก โดย enjoytravel.com ระบุว่า เกาะช้าง มีธรรมชาติที่งดงามราวกับสวรรค์ริมชายหาด มีจุดชมวิว จุดดำน้ำ และกิจกรรมอื่นๆ และที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ . ทั้งหมดนี้ทำให้ เกาะช้างเอาชนะปาตาโกเนีย ประเทศชิลี และราชสถาน ประเทศอินเดีย ซึ่งถูกจัดให้เป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ . ก็ไม่แน่ว่า ถ้าสมรสเท่าเทียมประกาศใช้เมื่อไหร่ “เกาะช้าง” อาจจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักทุกเพศจากทั่วโลก ให้มุ่งมายังประเทศไทยก็เป็นได้  

เกาะสมุยจัดใหญ่งานไพรด์ 6 วันเต็ม “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL”

จองคิวแน่นยาวถึงปลายเดือน อาร์เอส มัลติเอ็กซ์  เตรียมฉลอง “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” – Let’s Join PRIDEradise เปลี่ยนเกาะสมุยเป็นเกาะสวรรค์  เปิดแลนด์มาร์กใหม่ให้ชาว LGBTQIAN+ เฉิดฉายได้แบบจัดเต็ม 6 วัน 6 คืน ตั้งแต่วันที่ 24 – 29 มิถุนายน 2024 ณ หาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี . เพื่อฉลองอีกก้าวของร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะมีการลงมติจากวุฒิสภาครั้งต่อไปในวันที่ 18-19 มิถุนายน “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” จึงจะกลายเป็นพื้นที่เฉลิมฉลองยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของปีนี้ . พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้ “PRIDE NATION SAMUI INTERNATIONAL FESTIVAL” กลายเป็นเฟสติวัลหลักที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ทั่วโลก เดินทางมายัง เกาะสมุย เกาะที่ขึ้นชื่อว่าหรูหรา (Luxury islands) อันดับต้นๆ ของโลกที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและวัฒนธรรม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ ด้านเฟสติวัลที่จะทำให้ “ไทย” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดกว้างต้อนรับทุกความหลากหลายทางเพศ . ตั้งแต่วันที่ 24- 28 มิ.ย. ทั่วทั้งเกาะจะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ งานสัมมนาเชิงสร้างสรรค์, จดทะเบียนสมรส, Installation Art ที่รอต้อนรับงานใหญ่วันสุดท้าย ในวันที่ 29 มิ.ย. ขบวนพาเหรดใต้แสงอาทิตย์ตก (Sunset Parade) ครั้งแรก ก่อนจะปิดท้ายด้วยมิวสิคเฟสติวัลอย่างยิ่งใหญ่จากตัวแม่ ตัวมัม ตัวลูกของชาว LGBTQIAN+  ไม่ว่าจะเป็น อิงฟ้า วราหะ, มิลลิ, Badmixy มิกซ์ เฉลิมศรี และแก๊งหิ้วหวี ร่วมด้วย ดีเจดังระดับโลก อย่าง Sick

มาแล้ว “Mother of The Bride” ภาพยนตร์ Netflix ถ่ายที่ภูเก็ตทั้งเรื่อง นักแสดงเผย อยากทำเท่ แต่แดดเมืองไทยร้อนโคตร!

เมื่อ “แม่เจ้าสาว” พบว่า “พ่อเจ้าบ่าว” คือรักแรกของเธอ งานวิวาห์อลวนจึงเกิดขึ้นในภาพยนตร์รอมคอมเรื่องล่าสุด “แม่เจ้าสาว” (Mother of The Bride) ซึ่งเรื่องนี้ Mark Waters ผู้กำกับชื่อดังจาก Mean Girls และ Freaky Friday พานักแสดงฮอลลีวูดยกกองมาถ่ายทำกันที่เกาะภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักตลอดทั้งเรื่อง โดยโลเคชั่นหลักที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้คือที่ อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท และอนันตรา ภูเก็ต วิลล่าส์ แต่กระนั้นก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองภูเก็ต อาทิ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เขาตะปู และที่สำคัญคือ ชายหาดภูเก็ต รวมไปถึง Soft Power ประจำชาติไทยแขนงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี อาหาร อีกทั้งในเรื่องยังมีซีนที่นักแสดงบางคนพูดภาษาไทยเล็กๆ น้อยๆ ให้คนไทยอย่างเราๆ ได้ชื่นใจกันอีกด้วย   ซึ่งทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับนโยบายมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับนักแสดงชาวต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศเป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีการเลือกใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่นถ่ายทำ พร้อมด้วยมาตรการการคืนเงิน หรือ Cash Rebate สูงสุดร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยกลายเป็น Landmark ที่สามารถดึงดูดกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างชาติ และนักท่องเที่ยวที่อาจจะมาตามรอยสถานที่ต่างๆ จากภาพยนตร์ / ซีรีส์ แต่ละเรื่อง   ทำนองเดียวกับที่ William Heinecke ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Minor International บริษัทแม่ของรีสอร์ทในเรื่อง ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าวว่า “ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ปรากฏการณ์ ‘set-jetting’ หรือการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ ที่นักท่องเที่ยวออกเดินทางมาตามรอยสถานที่ถ่ายทำหนัง ซีรีส์ หรือรายการทีวี เรื่องโปรด เราจึงมีเป้าหมายในการโปรโมทประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของภาพยนตร์ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในท้องถิ่น และผลประโยชน์ที่จับต้องได้ให้กับทีมงานฝ่ายผลิตทั้งในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อประเทศไทยประสบความสำเร็จ เราทุกคนถือว่าประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน”   อย่างไรก็ดี อุปสรรคในการถ่ายทำ นอกจากสถานที่ตามธรรมชาติที่ควบคุมได้ยากแล้ว ยังมีเรื่องอากาศร้อนที่นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง Benjamin Bratt ได้เปิดเผยว่า “เขา (คนไทย)

สงกรานต์เซ็นทรัลเล่นใหญ่ระดับโลก คว้า Miss Universe ช่วยโปรโมท พร้อมเวทีรำวงโชว์ของดี Thai Rhythm จาก Joeyboy

เมื่อวานนี้ (2 เม.ย.)  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวแคมเปญฉลองสงกรานต์มหาบันเทิงระดับโลก “THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2024” พร้อมกันทั้ง 41 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง ตั้งแต่วันที่ 2 – 21 เมษายนนี้ โดย ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า สงกรานต์เป็นเทศกาลสำคัญที่ UNESCO เพิ่งรองรับให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ของโลก ซึ่งปีนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด Bring Thainess to The World ดึงความเป็นไทยสู่ระดับโลก ซึ่งข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. คาดว่า ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 8 – 10 ล้านราย รวมถึงอาจสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 50,000 – 80,000 ล้านบาท นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่ตบเท้าเข้ามายังประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายน ยังเป็นโอกาสของการท่องเที่ยวทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง โดยมีการผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น และความเป็นไทยในหลากหลายรูปแบบมาอวดโฉมต่อต่างชาติทั้งหมดกว่า 1,000 กิจกรรมทั่วประเทศ ด้วยคีย์เวิร์ดสำคัญคือ Culture and Entertainment   ยิ่งไปกว่านั้น ความพิเศษในปีนี้คือการคว้า “เชย์นิส ปาลาซิโอส” Miss Universe 2023 มาในฐานะ Global Cultural Ambassador หรือนางสงกรานต์ระดับจักรวาล เพื่อหวังโปรโมทความเป็นไทย และผลักดันวัฒนธรรมไทยไปสู่ระดับสากล พร้อมกันนั้นยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านการทุ่มงบมหาศาล และเล่นใหญ่จัดเต็มกว่าที่ผ่านมา “เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าไทยก็มีของดี” ณัฐกิตติ์ กล่าวในช่วงท้ายของงานแถลงข่าว และแน่นอน ไฮไลท์สำคัญสำหรับช่วงวันสงกรานต์ที่แลนด์มาร์คสำคัญอย่าง centralwOrld ในปีนี้คืองาน “Thai Rhythm Songkran Festival 2024” ซึ่งนำทัพโดย
Tags

ไทยแลนด์ โอนลี่! เมืองลพบุรีตั้งกองกำลังพิเศษ ทลายลิงผูกขาด!! ประกาศสงครามติดอาวุธ พก ‘หนังสติ๊ก’ ปราบลิงมีอิทธิพล

ชาวบ้านเฮ! หลังบุกจับ “ไอ้เครา” มาเฟียลิงที่รีดส่วยของกินจนคนลพบุรีเดือดร้อน ได้สำเร็จ ส่วน “ไอ้ด้วนตูดแดง” พลเอกลิง หนีกบดานหลืบหลังคา คาดเตรียมทนายฟ้องกลับ หลังถูกแฉเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

(CW: สัตว์เลื้อยคลาน ตัวเงินตัวทอง)

จาก พี่เงินพี่ทอง ที่คนไทยหลายคนไม่อยากเข้าใกล้ สู่ “อินฟลู” อันดับหนึ่งที่ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมามีตติ้ง หรือนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่ง “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่คนมองข้าม!?   หลังจากอาทิตย์ที่แล้วน้องหนาว – วินเทอร์ AESPA มาถ่ายรูปคู่กับพี่เงินพี่ทองที่สวนลุมไปแล้ว พาเหล่ามาย (ชื่อแฟนคลับศิลปินวงแอสป้า AESPA) ปักหมุดตามรอยกันใหญ่   พอมาอาทิตย์นี้ ถึงตาน้องแทยง NCT ที่มีโอกาสได้แอบถ่ายพี่เงินพี่ทองเอามือไพล่หลังว่ายน้ำสบายใจเฉิบกับเขาบ้าง   ก่อนหน้านี้ เตนล์ NCT กับมินนี่ (G)-IDLE เองก็เคยแนะนำพี่เงินพี่ทองให้เด็กเกาหลีได้รู้จักกันไปแล้ว ในฐานะสัตว์อีกหนึ่งตัวที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในไทย ในรายการยูทูบ ช่อง ODG ตอนนี้ https://www.youtube.com/watch?v=-qiAmSozQTA   ไม่รู้ว่าตึกชมพูและแทกุกไลน์ เขาแอบไปคุยกันหลังบ้านมาหรือเปล่า ทำไมอยู่ดีๆ กิจกรรมตามล่า “พี่เงินพี่ทอง” ถึงกลายมาเป็นเช็คลิสต์ใหม่ที่ต้องมาโดน และถ่ายภาพเก็บเป็นประสบการณ์ดีย์ๆที่หาที่ไหนไม่ได้แบบนี้

โคราช ขอต้อนรับ งานมหกรรมพืชสวนโลก หรือ “โคราช เอ็กซ์โป 2029” – Korat Expo 2029

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (The International Association of Horticultural Producers – AIPH) ประกาศให้สิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo)  หรือ “โคราช เอ็กซ์โป 2029” หลังจากทางคณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ ได้ลงพื้นที่ติดตามรับฟังข้อมูลจากตัวแทนภาครัฐและเอกชน ณ ที่ดินป่าสาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา  ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อคณะกรรมการฯ  พิจารณาเห็นชอบตามองค์ประกอบ และเงื่อนไขที่กำหนด  จึงอนุมัติให้สิทธิ์แก่เมืองโคราชเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ด้วยวงเงินงบประมาณการดำเนินงาน 4,280 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีของประเทศไทยชุดที่แล้วได้อนุมัติไป บนพื้นที่จัดงานกว่า 678 ไร่  ระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน 2572 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2573 รวมทั้งสิ้น 110 วัน โดยงานนี้ จัดภายใต้แนวคิด “ธรรมชาติและพรรณพืชเขียวขจี อนาคตแห่งโลกสีเขียว” (Nature & Greenery: Envisioning the Green Future) โดยจุดมุ่งหวังของการจัดงานในทางตัวเลข มีดังนี้ คาดหวังผู้เข้าชมงานราวๆ 2.6 – 4 ล้านคน ประมาณการเงินสะพัดกว่า 18,942 ล้านบาท หวังเพิ่มมูลค่า GDP 9,163 ล้านบาท และอาจก่อให้เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 3,429 ล้านบาท รวมถึงอัตราสร้างงาน 36,003 อัตรา อีกทั้งอานิสงส์ดังกล่าว ยังแผ่ไปถึง 16 อำเภอใกล้เคียงด้วย   การคว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมระดับโลก อาจจะสามารถยกระดับจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นเมืองต้นแบบด้านนวัตกรรมสีเขียวในอนาคต ตามที่ สยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวในฐานะเมืองเจ้าภาพไว้ว่า ขอขอบคุณรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กรมวิชาการเกษตร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

การท่องเที่ยวสายมู พลวัตทางความเชื่อ ถึงไม่เชื่อ…แต่ก็มู

การท่องเที่ยวสายมู เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสะพัดได้มหาศาล แต่เหตุไฉนสายมูบางรายจึงไปร่วมพิธีมูโดยไม่ได้ยึดถือความเชื่อนั้นๆ เป็นสรณะ? คงต้องเกริ่นก่อนว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวทางความเชื่อ / ความศรัทธา นับว่าเป็นกิจกรรมสำคัญอันก่อให้เกิดรายได้ตั้งแต่ระดับชุมชน ลงไปถึงหน่วยครัวเรือน ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคอยู่พอสมควร โดย ‘นายธนวรรธน์ พลวิชัย’ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ว่า ธุรกิจสายมูอาจมีเงินสะพัดในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 10,000 – 15,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นร้อยละ 10-20 เพราะความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นั้นยังคงผูกติดอยู่กับการใช้ชีวิตในสังคมไทยมาช้านาน อย่างไรก็ดี การเติบโตขึ้นของกระแส “มูเตลู” ถือว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์สังคมที่น่าสนใจ อันสะท้อนพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของหมู่ชนจำนวนไม่น้อย เพราะถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวเชิงความเชื่อ / ความศรัทธา จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่สังคมไทยมายาวนาน แต่ทว่าคุณค่าที่บางกลุ่มคนในแต่ละยุคยึดถือนั้นแตกต่างกัน และอาจเรียกได้ว่า การท่องเที่ยวสายมูที่ว่านี้ อาจเป็นขั้นกว่าของพุทธพาณิชย์ เนื่องจาก กว่าทศวรรษที่ผ่านมา คำว่า “พุทธพาณิชย์” มักถูกใช้เพื่ออธิบายการหากินกับความศรัทธา ซึ่งแยกได้ยากจากความงมงาย โดยศาสนสถานหลายแห่งใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อหาเงินหาทอง สิ่งนี้ส่งผลให้ศาสนิกชนหลายคนลุ่มหลงไปกับการใช้เงินทุนในการทำบุญ กระทั่งยังมีที่เชื่อว่า ยิ่งจ่ายเยอะ ยิ่งได้บุญเยอะ ฉะนั้นแล้ว เพื่อจุดประสงค์ในการทำบุญ ทำนุบำรุงศาสนา สมาชิกสังคมบางรายจึงเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องดีงาม แต่สำหรับ “สายมู” นั้นต่างออกไป เพราะหากพิจารณาถึงพฤติกรรมของสายมูบางประเภทดูแล้วจะพบว่า หลายรายมิได้ยึดถือคุณค่าทางความเชื่อนั้นๆ เป็นสำคัญ หากแต่เป็นกิจกรรม และประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากกว่า สิ่งนี้พบเห็นได้จากกลุ่มคนที่ไปแก้ชง โดยที่ไม่ได้ยึดถือความเชื่อนี้เป็นสารัตถะของชีวิต หรือบางรายไปเสริมดวงชะตา โดยไม่ได้สมาทานว่าความเป็นอยู่หลังจากนี้จะดีขึ้นจริง หรือแม้แต่บางท่านที่ใส่เสื้อสีมงคล โดยไม่ได้ยึดถือว่าสีเสื้อจะเป็นมงคลต่อชีวิตโดยแท้ แต่ทว่ามันคือกิจกรรมสำหรับการท่องเที่ยว และ / หรือ ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากกว่า พูดอีกอย่างคือ “มันเป็นคอนเทนต์ในชีวิต” ซึ่งคอนเทนต์นั้นๆ จะนำไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียหรือไม่ ก็สุดแท้แต่ แน่นอน ย่อมมีสายมูจำนวนไม่น้อยที่สมาทานความเชื่อ / ความศรัทธา บางประการไว้เป็นสรณะแห่งจิตวิญญาณ หากแต่จำนวนของผู้ที่รับเอาเฉพาะพิธีกรรม ทว่ามิได้ยึดมั่นแก่นแกนความเชื่อนั้นไว้เป็นรูปธรรมของชีวิตก็เป็นจำนวนที่ควรจับตาดูอยู่ไม่ใช่น้อย การท่องเที่ยวแบบสายมู จึงเป็นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ อันสะท้อนถึงพลวัตของคุณค่าทางความคิด / ความเชื่อ ซึ่งแปรเปลี่ยนไปของผู้ที่เข้าร่วมพิธีกรรม โดยทั้งนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งก็มีการปรับตัวให้สอดรับกับกระแสความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วยเช่นกัน

เตรียมแพ็คกระเป๋าเที่ยวกันรึยัง! 1 มีนาคมนี้ เปิดฟรีวีซ่าถาวร ไทย-จีน แล้วนะ

หลังจีนทดลองฟรีวีซ่าชั่วคราว 6 ประเทศ ในวันที่ 24 พ.ย. 2566 ได้แก่  ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, สเปน และมาเลเซีย เป็นที่น่าเสียดายที่ยังไม่มีประเทศไทย อยู่ในลิสต์ ณ ตอนนั้น ร้อนถึงรัฐบาลต้องเปิดโต๊ะเจรจากินเวลากว่า  3 เดือน จนนายกเศรษฐา ทวีสิน ก็ประกาศข่าวดีต้อนรับต้นปี 2567 เพื่อสานต่อการยกเว้นวีซ่าชั่วคราว ให้กับคนจีนที่เดินทางมาไทย ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งใกล้จะหมดเขตลง โดยทั้งนักท่องเที่ยวทั้ง  2 ประเทศสามารถเดินทางไป ไทย-จีน แบบไม่ต้องขอวีซ่าถาวรได้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 นี้! เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567  จีนจะยกเลิกการขอวีซ่าสำหรับคนไทยถาวร   ทำให้ผู้ที่เดินทางทั้งสองประเทศ ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่ากันอีกต่อไป   “สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการ สามารถพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน  รวมระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน  ภายในช่วงเวลา 180 วัน (ยกเว้นกรณีการพำนักถาวร การทำงาน การศึกษา กิจกรรมด้านสื่อ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้า)” นายเศรษฐากล่าวเสริมว่า การฟรีวีซ่าถาวรครั้งนี้ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศและยกระดับความสำคัญของพาสปอร์ตไทยให้สูงขึ้น จึงแจ้งไปยังกรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ร่วมกันประชาสัมพันธ์ว่า  “เราพร้อมแล้วที่จะเปิดประเทศ และจะดูแลนักท่องเที่ยวของ 2 ประเทศให้ดีด้วย” หลังข่าวฟรีวีซ่าระหว่างไทย-จีน ปล่อยออกมาไม่นาน  “Trip.com”   บริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ของจีน เผยว่า คำสืบค้นเกี่ยวกับ “ไทย” เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 90 รวมถึงคำค้นหาเกี่ยวกับ “เที่ยวบินเซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ” “ปักกิ่ง-กรุงเทพฯ” และเที่ยวบินอื่นๆ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ