Skip links

Events

KING POWER ลุยจัดงานใหญ่รับตรุษจีน ต๊อบ-อัยยวัฒน์ พร้อมแถลงร่วมด้วย ชัชชาติ, ตูน-อาทิวราห์, ใหม่-ดาวิกา ฯลฯ

คิง เพาเวอร์ ประกาศจัดงานใหญ่รับตรุษจีน 2025 กับงาน “KING POWER CHINESE NEW YEAR 2025 ช้อป ดวง ปัง SHOP THE LUCKIEST FORTUNES”  เพื่อย้ำภาพการเป็นเดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลองในทุกเทศกาล ให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลของชาติใดก็ร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกันได้  โดยงานนี้ นอกจาก ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะมาประกาศความมุ่งมั่นด้วยตัวเองแล้ว ยังได้รับเกียรติจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี และตัวแทนความร่วมมือจากภาครัฐ เพื่อร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแลนด์มาร์คสำคัญระดับโลก และความพิเศษของปีนี้ แน่นอนว่าต้องยิ่งใหญ่กว่าเดิม! เตรียมพบกับไฮไลท์สุดอลังการ: • ขบวนพาเหรด 12 นักษัตรสุดตระการตา • พญานาคยักษ์ลอยฟ้า ยาว 36 เมตร ผสานความอลังการของมังกรจีน และเสน่ห์แห่งมนต์ขลังของสิงห์โบราณ • โชว์สุดพิเศษ “THE GUARDIANS OF HARMONY: RISE OF SERPENT”  นำโดย ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่, รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง, เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ และ ไบเบิ้ล-วิชญ์ภาส สุเมตติกุล และเซอร์ไพรส์พิเศษ! พบกับโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก “ตูน-อาทิวราห์” ที่จะมามอบความสนุกสนานด้วยการประสานเพลงร็อคให้เข้ากับดนตรีที่มีกลิ่นไอความเป็นจีน เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง  อีกทั้งยังมี จุดสักการะ 3 มหาเทพมงคลจากวัดทิพยวารีวิหาร เสริมดวง แก้ชง เปิดรับความปังในศักราชใหม่ รวมถึงของอร่อยจากร้านเด็ด 17 ร้านดัง ที่พร้อมเสิร์ฟทั่วทั้งงาน ส่วนสายช้อปก็ห้ามพลาด มีโปรโมชั่นดีๆ และกิจกรรมเฮงๆ อีกมากมาย  มาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความเฮง เฮง เฮง ได้ที่ ฟาวน์เท่น สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

เที่ยวคริสต์มาสสไตล์เยอรมัน จิบเบา เคล้าไส้กรอก ชมบอลสดบาเยิร์นแบบฟินๆ

เชิญสัมผัสบรรยากาศสุดฟิน กับตลาดคริสต์มาสสไตล์เยอรมัน ซึ่งปีนี้ สถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย ได้ร่วมกับมูลนิธิวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน (Thai-German Cultural Foundation: TDKS) ร่วมส่งมอบความความสุขและความบันเทิงภายในงานคริสต์มาสแสนอบอุ่น ผสานวัฒนธรรมแบบคูลๆ ให้เข้ากับเมืองร้อน ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษและบูธต่างๆ กว่า 50 บูธ 🍽️🥂ลิ้มรสอาหารสุดพิเศษ 🍖🍷 เพลิดเพลินไปกับเมนูตามฤดูกาล อาทิ ไวน์อุ่น คุกกี้ขนมขิง อัลมอนด์อบ หมูอบสไตล์บาวาเรีย เคบับเบอร์ลิน ไส้กรอก ขนมอบแบบเยอรมัน ไอศกรีม และเมนูอาหารในเทศกาลคริสต์มาสจากยุโรปอีกมากมาย ที่รังสรรค์โดยร้านอาหารเยอรมันและไทย ทั้งหมดนี้สามารถรับประทานและดื่มด่ำไปพร้อมกับเบียร์พอลลาเนอร์ ไวน์ หรือแอปเปิ้ลสปริตเซอร์ อันเป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเยอรมัน 🎁🎈ลุ้นรับของรางวัล🎊🎉 อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือการจับฉลากของรางวัลประจำปี 2567 ด้วยของรางวัลมากมายสำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ระลึกจากสโมสรฟุตบอล FC Bayern Munich คอร์สเรียนภาษาเยอรมันฟรี สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และของรางวัลใหญ่คือตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิก จำนวน 2 ที่นั่ง สนับสนุนโดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า 👨‍👩‍👧‍👦🥳ความสนุกสำหรับทั้งครอบครัว🕺🪇 งานนี้มีกิจกรรมหลากหลายเพื่อความเพลิดเพลินของผู้เข้าร่วมงาน ทั้งการแสดงดนตรีสดจากคณะนักร้องประสานเสียงและวงดนตรี รวมถึงกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว ผู้เข้าร่วมงานสามารถเรียนรู้วิธีประดิษฐ์ของตกแต่งคริสต์มาสและงานฝีมือต่างๆ นอกจากนี้ยังมีไอเดียของขวัญสุดพิเศษ เครื่องประดับ บอร์ดเกม และสินค้าหัตถกรรมอื่นๆ โดยปีนี้ สำหรับคอบอลสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอล FC Bayern Munich กับ FC Heidenheim จากการสนับสนุนของ FC Bayern Munich ส่วนบูธของยาหม่องตราเสือ ก็มาพร้อมให้ความผ่อนคลายด้วยบริการนวดสั้นๆ รวมถึงทาง Audi ยังนำรถรุ่นใหม่อย่าง TT มาให้รับจัดแสดงภายในงาน 🎄🌟ต้นคริสต์มาส🎇🎅 จุดเด่นของตลาดคริสต์มาสปีนี้คือการออกแบบต้นคริสต์มาสด้วยฝีมือของศิลปินไทย คุณวิชชุลดา ปัณฑธานุวงศ์ ผ่านแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงานจากขยะพลาสติก เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของความยั่งยืน และชวนตระหนักว่า สิ่งดีๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งที่ดูไร้ค่า 🧑🏻‍🤝‍🧑🏽🫂ตลาดคริสต์มาสหลอมรวมวัฒนธรรม🎁🔔 ตลาดคริสต์มาสเยอรมัน เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเทศกาล และสัมผัสเสน่ห์ของฤดูกาลแห่งความสุขด้วยบรรยากาศที่คึกคักและอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่แห่งการพบปะและหลอมรวมวัฒนธรรม ซึ่งผู้คนสามารถมารวมตัวกัน สังสรรค์และดื่มด่ำกับบรรยากาศคริสต์มาส พร้อมค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างประเทศและความเข้าใจทางวัฒนธรรมที่แตกต่างอีกด้วย … 📍

Content Project Market เปิดตลาดคอนเทนต์ไทย หมดยุคพายเรือในอ่าง

  “หนังดี มีรางวัล แต่ไม่มีคนดู” “ละครดัง มีคนดู แต่ก็วนอยู่กับที่” ปัญหาสารพัดสารเพของวงการคอนเทนต์ไทย ตลอดจนความเห็นจากหลายทิศหลายทาง จริงบ้าง มั่วบ้าง ปะปนกันไป แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั้นทำให้ศรัทธาของชาวไทยในคอนเทนต์บ้านเกิดเสื่อมสลายไปไม่น้อย เฉพาะยิ่งในยุคสตรีมมิ่งอย่างปัจจุบัน  แต่หากว่ากันตามตรง แท้จริงแล้วคอนเทนต์ไทยในทุกวันนี้ สามารถตีกระแสต่างชาติได้ดีกว่าช่วงก่อนๆ มากนัก ทั้งยอดสตรีมมิ่ง การเข้าฉายต่างประเทศ นำส่งไปยังเทศกาลระดับนานาชาติ รวมถึงการขายลิขสิทธิ์นำไปรีเมค หลายๆ เรื่องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทย อันสามารถฉายแววในเวทีโลกได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ หาช่องทางกันตามมีตามเกิด และกระจัดกระจาย จึงเป็นเหตุผลให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดให้มีการจับคู่ธุรกิจ(business matching) เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์เป็นครั้งแรกของประเทศในชื่อ Content Project Market ภายใต้โครงการ Content Lab 2024  โดย Content Project Market เปิดพื้นที่ให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยได้นำเสนอผลงาน ทั้งบทภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแอนิเมชันของตนเอง รวมไปถึงไอเดีย คอนเซ็ปต์ (Pitch Deck) ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา พรีเซนต์/พิทชิ่งต่อนักธุรกิจ-นักลงทุนในแวดวงอุตสาหกรรมคอนเทนต์ และสตรีมมิงแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 64 บริษัท เพื่อต่อยอดผลงานสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในตลาดคอนเทนต์ต่อไป ทั้งนี้ ยังมีหลักสูตรพัฒนาทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการบ่มเพาะ (Incubation Programs) 4 โครงการ และโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 โครงการ ได้แก่  Content Lab: Newcomers แคมป์สำหรับคนทำหนังและซีรีส์หน้าใหม่  Content Lab: Mid-Career โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และซีรีส์ สำหรับบุคลากรวิชาชีพระดับกลางในสายโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักเขียนบท  Content Lab: Animation เวิร์กช็อปพัฒนาซีรีส์โปรเจ็กต์สำหรับสายงานด้านแอนิเมชันในกลุ่ม Mid-Career และ  Content Lab: Advanced Scriptwriting เวิร์กช็อปพัฒนาการเขียนบทระดับมืออาชีพโดยวิทยากรจากไทยและต่างประเทศ โครงการดังกล่าว นับว่าเป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ ทั้งองคาพยพตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อยกระดับมาตรฐานคอนเทนต์ไทยให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

สรุป 10 บทเรียน ‘ลิขสิทธิ์’ ต้องรู้! จากช่วงเสวนางาน GeneLabCon

GeneLabCon นอกจากจะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ประจำปีของค่าย GeneLab แล้ว งานนี้ยังมีช่วง Hard Talk ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมดนตรี โดยช่วงเสวนาทั้งสองวัน มีการแบ่งหัวข้อดังนี้ วันแรกหัวข้อหลักคือเรื่อง “ลิขสิทธิ์เพลงเป็นของใคร?” ส่วนหัวข้อหลักวันที่สองคือ “ค่ายเพลงยังจำเป็นอยู่ไหม?” ทั้งนี้ เนื่องจากสองหัวข้อดังกล่าวมีเนื้อหาบางส่วนที่คาบเกี่ยวกัน เราจึงขอสรุปรวมประเด็นทั้งสองวันเลยแล้วกัน 1. ลิขสิทธิ์ = ทรัพย์สิน ในยุคนี้ แม้ซีดีอาจไม่ได้ขายเป็นกอบเป็นกำเหมือนสมัยก่อน แต่ข้อดีของสตรีมมิ่งก็คือ มีการจัดเก็บที่เป็นระบบระเบียบมากขึ้นผ่านองค์กรตัวแทนต่างๆ ซึ่งกระบวนการนี้สามารถนำ return มาสู่ผู้สร้างสรรค์ได้เรื่อยๆ เป็นทรัพย์สินที่สร้าง passive income และความมั่นคงในระยะยาวแก่นักแต่งเพลงได้ เพื่อไม่ให้ผู้ผลิตผลงานจำต้องปล่อยเงินหลุดมือ เหตุเพราะเสียรู้เรื่องกฎหมายอีกต่อไป ในส่วนของแฟนคลับ เพียงสนับสนุนผลงานของศิลปินที่รักผ่านช่องทาง official แค่นี้ก็เป็นแฟนด้อมที่น่ารักแล้ว 2. เกณฑ์มาตรฐาน กี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะแฟร์? ​ เรื่องนี้คงต้องกล่าวว่า แม้แต่ระดับโลกก็ไม่มีสัดส่วนตายตัว ขึ้นอยู่กับข้อตกลง ใครทุ่มกำลังเยอะก็ควรได้เยอะ แต่คนที่ได้น้อยกว่าก็อย่าให้น้อยจนเกินไป แต่ในเบื้องต้น สำหรับศิลปิน/นักแต่งเพลง การเซ็นสัญญา ทำข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ ทุกฝ่ายบนโต๊ะเจรจาต้องรู้เท่ากัน แต่การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจส่วนตัว การเซ็นสัญญามันคือดีล ถ้าสมประโยชน์กัน ตกลงกันได้ก็จบ ต่อให้ตัวลิขสิทธิ์เป็นของค่ายก็ตามที เพราะบางคนทำเอง โปรโมทเอง จัดเก็บเอง อาจจะได้น้อยกว่ายกให้ค่ายจัดการด้วยซ้ำ นานาจิตตัง (เรื่องการเซ็นสัญญาศิลปิน เดี๋ยวค่อยว่ากันยาวๆ ครึ่งหลัง) ในปัจจุบันนี้ มีการพยายามผลักดันให้นักแต่งเพลง ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 15 % แต่ก็นั่นแหละ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย เฉพาะยิ่งในบริบทสังคมไทย ซึ่งยังไม่มี ‘สหภาพนักดนตรี’ เป็นกลุ่มก้อน ที่รวมตัวกันเพื่อผลักดันเรียกร้องให้มี ‘มาตรฐานกลาง’ ในเรื่องนี้ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับกฎหมายภาครัฐ และนโยบายเอกชนหลายฝ่าย จึงต้องใช้ความร่วมมือกันระดับมหภาคทีเดียว 3. จ้างศิลปินไปเล่น ต้องเสียค่าลิขสิทธิ์อีก? หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่จ้างศิลปินไปเล่น นอกจากต้องจ่ายค่าจ้างแล้ว ค่าลิขสิทธิ์ก็ต้องจ่ายด้วยเหมือนกัน และที่สำคัญ ในกรณีที่ค่ายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ตัวศิลปินเองก็ต้องขออนุญาตค่ายก่อนใช้เพลงทุกครั้ง แม้จะเป็นเพลงที่เขียนเอง/ทำเองก็เถอะ คือค่ายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เมื่อค่ายได้ค่าจัดเก็บลิขสิทธิ์มาแล้ว ก็จะนำมาแจกจ่ายให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งเงินก็จะวนมาถึงศิลปินเอง เพราะว่าเพลงมันคืองานกลุ่มอะเนอะ ทางที่ดีจึงควรได้กันอย่างทั่วถึงทุกฝ่าย แต่เวลาจ้างศิลปินไปเล่น เงินส่วนนี้มักจะรวมมากับค่าจ้างแล้ว

นับถอยหลังสู่ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต จากวิถีศรัทธาแห่งชุมชน สู่เทศกาลที่นักเดินทางทั่วโลกต้องมาสัมผัส

เตรียมตัวให้พร้อม! เพราะใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาลไฮไลท์ประจำปีของเมืองภูเก็ต “ประเพณีถือศีลกินผัก” ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ หนึ่งในประเพณีสำคัญที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น วัฒนธรรม วิถีชีวิต ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นเมืองเทศกาลของภูเก็ต ซึ่งมีวัฒนธรรมอันรุ่มรวย พร้อมด้วยระบบบริหารจัดการที่เพียบพร้อม เตรียมต่อยอดสู่การเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก  จากเมืองเล็กๆ ที่หลอมรวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมประเพณี พร้อมด้วยมาตรฐานการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยแก่งานเทศกาล สู่การยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น ให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องลองมาสัมผัสสักครั้ง เรียกว่าเป็นการขับเคลื่อนศักยภาพเมืองภูเก็ตในรูปแบบ more local, more global อย่างแท้จริง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท โครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบคมนาคมซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนต่างๆ พร้อมรองรับผู้เข้าร่วมงาน หรือนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลก ทั้งนี้ “ประเพณีถือศีลกินผัก” นับว่าสะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจัยทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่ประกอบสร้างภาพจำเมืองภูเก็ต ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงวิถีชุมชนอันแตกต่าง หากแต่สอดประสานและอยู่รวมกันเป็นหนึ่ง กระทั่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนภาพแห่งสังคมพหุวัฒนธรรมประจำเมืองภูเก็ต จนกล่าวได้ว่า “ภูเก็ตคือเมืองเทศกาลที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรม” Diversity of Phuket, Diversity of Thailand   ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ถือว่าเป็นหนึ่งในมนต์เสน่ห์แห่งภูเก็ต ซึ่งผสานความแตกต่างเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และหากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เมืองภูเก็ตแห่งนี้ก็สะท้อนแก่นแท้ความเป็นไทยในภาพรวมได้อย่างลุ่มลึก เพราะคอนเซ็ปต์ของความเป็นไทยคงมิใช่อะไรอื่น นอกเสียจากการหลอมรวมความแตกต่างหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน และเมืองภูเก็ตเองก็ผนวกความเป็นพหุวัฒนธรรมในพื้นถิ่นและนำเสนอออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมไทยแบบศาสนาพุทธ หรือวัฒนธรรมชาวมลายูแบบมุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในสังคม ทั้งวัฒนธรรม อาหาร วิถีชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมแบบชิโน-ยูโรเปียน หนึ่งในเอกลักษณ์ของภูเก็ต ซึ่งผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีน มาเลเซีย และอิทธิพลทางยุโรปจากโปรตุเกส ดัตช์และอังกฤษ อันสามารถพบเห็นได้ตามย่านเมืองเก่า  โดยเฉพาะยิ่งวัฒนธรรมของชาวจีนฮกเกี้ยน ซึ่งได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในภูเก็ตมากขึ้น ณ ช่วงที่ทางการส่งเสริมให้ทำเหมืองแร่ดีบุก ชาวจีนฮกเกี้ยนจึงถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ส่งผลให้สถานะทางเศรษฐกิจของเมืองภูเก็ตรุ่งเรืองขึ้นจนเป็นหัวเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาค และอิทธิพลดังกล่าวยังส่งผลต่อศิลปวัฒนธรรมเมืองภูเก็ตในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, สถาปัตยกรรม, ความเชื่อ, รวมถึงวัตรปฏิบัติต่างๆ ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ เมืองภูเก็ตจึงกลายเป็นเมืองเทศกาลระดับโลก ซึ่งโอบรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านการจัดงานประเพณีต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ ประเพณีลอยเรือ งานแข่งขันเรือใบ เทศกาลอาหารทะเล ลอยกระทง เทศกาลผ้อต่อ และไฮไลท์สำคัญของทุกปีที่หลายคนรอคอยนั้นก็คือ “ประเพณีถือศีลกินผัก” ถือศีลกินผัก เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร “ประเพณีถือศีลกินผัก ช่วงแห่งการรักษากายใจให้บริสุทธิ์ ผ่านพิธีกรรมและความศรัทธา” เป็นประเพณีความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดมาจากชาวจีนฮกเกี้ยน ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกปี โดยมีวิถีปฏิบัติทั่วไปคืองดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์

สายบุญเตรียมตัวให้พร้อม ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต เริ่ม 3-11 ตุลาคม นี้

สายบุญเตรียมตัวให้พร้อม ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต เริ่ม 3-11 ตุลาคม นี้ เทศกาลแห่งการชำระจิตใจและร่างกาย ตามรอยศรัทธา สืบทอดประเพณี  ประเพณีถือศีลกินผัก จ. ภูเก็ต เทศกาลถือศีลชำระล้างจิตใจและร่างกายเปี่ยมด้วยแรงศรัทธาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยเวียนมาถึงอีกครั้งในปีนี้ พร้อมให้นักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์แบบเต็มอิ่ม 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 3-11 ตุลาคม 2567  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ขอเชิญชวนนักเดินทางร่วมชำระล้างร่างกายและจิตใจ ในประเพณีสำคัญของจังหวัดภูเก็ตอย่าง “ประเพณีถือศีลกินผัก” หรือ เจี๊ยะฉ่าย ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี โดยปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 3 – 11 ตุลาคม 2567 เป็นงานที่มีความหลากหลายในทุกมิติ ทั้งด้านความเชื่อ ความศรัทธา ประเพณีเก่าแก่ มนต์เสน่ห์ของอาหารที่สร้างสรรค์ และกิจกรรมจากอ๊ามทั่วเกาะภูเก็ต  โดยปี 2566 ที่ผ่านมา มีผู้เดินทางเข้าร่วมประเพณีนี้กว่า 650,000 คน โดยทีเส็บมีเป้าหมายในการยกระดับงานให้เป็นงานเทศกาลระดับนานาชาติ เพื่อให้ “ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต” เป็นจุดหมายสำหรับกลุ่มนักเดินทางรุ่นใหม่ หากพูดถึงเทศกาลกินเจ ภูเก็ตจะเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงในอันดับต้นๆ เป็นเพราะภูเก็ตจัดประเพณี  “ถือศีลกินผัก” หรือ “เจี๊ยะฉ่าย” ได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในด้านการถือศีลชำระล้างจิตใจและร่างกายให้สะอาด บริสุทธิ์ โดยตลอด 9 วัน 9 คืนระหว่างประเพณีถือศีลกินผัก ผู้เข้าร่วมงานไม่เพียงแต่จะได้ถือศีลละเว้นจากเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์และขบวนแห่ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม และความเชื่อดั้งเดิมที่ยังคงได้รับการสืบทอดอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มตั้งแต่ “พิธีอิ้วเก้ง” หรือ “แห่พระรอบเมือง” เป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละศาลเจ้าที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน เป็นการออกเยี่ยมขององค์กิ้วอ๋องไต่เต่เพื่ออวยพรให้กับประชาชนทั่วไป โดยชาวบ้านจะตั้งโต๊ะบูชาหน้าบ้านเรือนและคุกเข่าอยู่ในอาการสงบนิ่งเพื่อรับพร จากองค์กิ้วอ๋องไต่เต่ขณะที่ขบวนแห่ผ่านไป                 พิธีที่สอง คือ “พิธีโก้ยโห้ย”

ปิดจบแบบเรียบง่าย คอนเสิร์ตสุดท้ายในชีวิต “ปู พงษ์สิทธิ์ – เล็ก คาราบาว” พี่น้องส้นตีน!

จบลงอย่างประทับใจกับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ คอนเสิร์ตอะคูสติกสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสองพี่น้องตำนานเพลงเพื่อชีวิต “ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ และ เล็ก คาราบาว (ปรีชา ชนะภัย)” ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ถือเป็นคอนเสิร์ตในรอบหลายสิบปีที่ทั้งคู่ขึ้นโชว์ร่วมกัน และพี่เล็กก็ได้พูดในช่วงท้ายของโชว์ว่าคอนเสิร์ตนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเล็ก-ปู ที่จะได้ขึ้นแสดงร่วมกัน  สำหรับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ ถือเป็นการแสดงคอนเสิร์ตอะคูสติก ครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่ทั้งคู่ได้ทำอัลบั้มบันทึกการแสดงสดอะคูสติกในห้องบันทึกเสียง ‘ปลั๊กหลุด’ ได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนเพลง ทำยอดขายได้ถึงล้านตลับ และมีคอนเสิร์ตในปีเดียวกันที่ศาลาเฉลิมกรุง จากนั้นอีก 20 ปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2556 ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมแสดงดนตรีด้วยกันอีกครั้งกับคอนเสิร์ต ปลั๊กหลุด 2 ตอน เสียบปลั๊ก (สดใส… ไม่อึกทึก) ที่ยังคงความอบอุ่น เป็นกันเอง และอีก 11 ปีต่อมา จากคอนเสิร์ต ’ปลั๊กหลุด’ สู่ ‘พี่น้องส้นตีน’ ในปี พ.ศ. 2567 อีกหนึ่งคอนเสิร์ตอะคูสติกแห่งปีที่ให้แฟนๆ ได้ดื่มด่ำกับบทเพลงที่คุ้นเคย ในบรรยากาศที่ใกล้ชิด เต็มอิ่มทั้งโปรดักชั่น แสง สี เสียง แล้วก็ได้เวลาที่สองพี่น้องส้นตีนบรรเลง ทั้งคู่เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกีตาร์โชว์หลากหลายบทเพลงดังของทั้งคู่มาเล่นให้ฟังแบบอะคูสติก อาทิ มาตามสัญญา, วันต่อวัน, ฉันเลือกเอง, สุดใจ, โยโกฮาม่า, ดอกแก้ว และเพลง แม่ จากนั้นก็ถึงช่วงแลกกันร้อง โดย เล็ก คาราบาว หยิบเพลง “ไถ่เธอคืนมา” มาร้องใหม่ในสไตล์ของพี่เล็กเอง ส่วน ปู พงษ์สิทธิ์ ก็นำเพลง ‘คนเก็บฟืน’ มาบรรเลงในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เคยฟัง ต่อด้วยอีกหนึ่งความพิเศษของงาน ‘ลีโอ

ไอเดียสุดจัด แต่ถูกขัดด้วยขี้! พิธีเปิดโอลิมปิก 2024 กลางแม่น้ำแซน

  โอลิมปิก 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ณ เมืองปารีส เรียกได้ว่าฝรั่งเศสใส่ใจ เล่นใหญ่ จัดเต็มทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมจำนวนมากจากชาวโลก ว่าสมกับเป็นเมืองแฟชั่นที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์จริงๆ กระนั้นก็ตาม ประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วง และเรียกรถทัวร์ได้ขบวนใหญ่ก็คือ การใช้ “แม่น้ำแซน” ในพิธีเปิดและการแข่งขันนี่แหละ ใช่แล้ว, คือฝรั่งเศสมุ่งหมายให้มีพิธีเปิดด้วย “ขบวนพาเหรดกลางน้ำ” และการแข่งกีฬาทางน้ำอีก 3 รายการในแม่น้ำแซน การแหวกว่ายสายน้ำกลางกรุงปารีส ดูเผินๆ ก็น่าจะงดงามอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งมองว่า แม่น้ำแซนแห่งนี้สิ้นไร้ความรื่นรมย์ทางกายภาพไปตั้งนานแล้ว กล่าวคือ แสงเรืองระยิบที่กระซิบผิวน้ำ อันปรากฎอยู่ในภาพวาดคลาสสิกของแวนโก๊ะ หรือโมเนต์นั้น ปัจจุบันมีแต่แบคทีเรียและสิ่งโสโครก ซึ่งไม่น่าสำเริงกาย-สำราญใจเท่าไหร่ และหากเปรียบเทียบกัน “แม่น้ำแซน” ก็ไม่ต่างจาก “แม่น้ำเจ้าพระยา” คืออยู่กลางเมือง และผูกพันกับประวัติศาสตร์เหมือนกัน แต่จะให้นักกีฬาทั่วโลกมากระโดดลงไปว่ายน้ำในนั้นจริงๆ เหรอ อนึ่ง ฝรั่งเศสถึงขั้นออกกฎมาตั้งแต่ปี 1923 แล้วว่า ห้ามลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำแซน เนื่องจากมีมลพิษในระดับน้ำสูงเกินไป และถึงแม้จะมีความพยายามปรับปรุงคุณภาพน้ำมาแล้วในหลายยุค-หลายสมัย แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จได้จริงเสียที อย่างไรก็ดี ทางการฝรั่งเศสวางแผนและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ด้วยงบลงทุนราวๆ 1.5 พันล้านเงินดอลล่าร์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ทันโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้นมาอยู่บ้าง แต่หลายฝ่ายก็ยังตั้งคำถามว่าคุณภาพน้ำนั้นดีพอจะจัดการแข่งขันแล้วจริงหรือ? ทั้งนี้ เพื่อความเชื่อมั่นระดับนานาชาติ ไม่กี่วันก่อน อเมลี อูเดีย-คาสเตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาของฝรั่งเศส ก็กระโดดลงไปว่ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยตนเอง รวมไปถึงนายกเทศมนตรีของกรุงปารีส แอนน์ อีดัลโก ก็รับปากเช่นกันว่าจะลงไปว่ายทดสอบด้วยตัวเอง หลังจากที่เคยผ่อนผลัดมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง ก็เกิดแฮชแท็ก #JeChieDansLaSeineLe23Juin หรือแปลว่า “ฉันจะขี้ลงแม่น้ำแซน ในวันที่ 23 มิถุนายน” เพื่อเป็นการประท้วงที่รัฐบาลใช้เงินในโครงการนี้มากเกินไป เพราะบางคนเชื่อว่าอย่างไรเสีย แม่น้ำแซนก็จะกลับมาเหม็นเน่าเหมือนเดิม รวมถึงเป็นการวิพากษ์การทำงานที่ผู้เห็นค้านเชื่อว่า เป็นการทำงานแบบ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ของรัฐบาล แต่เอาเข้าจริง วันที่ 23 มิถุนายน ก็ไม่ได้มีการชุมนุม “ปล่อยของหนัก” ลงแม่น้ำแซนแต่อย่างใด ทว่าล่าสุด นายกเทศมนตรี

ดาวโป๊ญี่ปุ่น JAV เตรียมจัดแฟนมีตแบบฟินๆ ในไทย

นับว่าเรียกเสียงฮือฮาในบรรดาท่านสมาชิก จนนั่งกันไม่ติดเลยเชียว หลังจากที่ UTO event ประกาศจัดอีเวนต์สุดฮอต สุดร้อนฉ่า ด้วยการนำ มายูกิ อิโตะ (Mayuki Ito) นางเอกสุดเร่าร้อน ตัวท็อปอันดับ 1 จากค่าย Kawaii ประเทศญี่ปุ่น มาจัดงานแฟนมีตครั้งแรกในไทยอย่างเต็มรูปแบบ . ท่ามกลางบรรยากาศสุดใกล้ชิด ให้ท่านสมาชิกได้เสพสมกับความเป็นกันเอง ทั้ง meet and greet ถ่ายรูป แจกลายเซ็นต์ เล่นเกมกับมายูกิบนเวที พูดคุยและฟังเรื่องราวหลังกล้องของเธอ รวมถึงกิจกรรม Exclusive ที่นางเอกเอวีแห่งยุคจะมาเป็นนางแบบให้แฟนๆ รุมกระหน่ำ…กดชัตเตอร์อย่างใกล้ชิด โดยจำกัดผู้เข้าร่วมแค่รอบละ 10 คนเท่านั้น . ทั้งนี้ มายูกิ อิโตะ เดบิวต์สู่วงการหนังผู้ใหญ่เมื่อปี 2018 กระทั่งฉายแววความแซ่บสะท้านทรวง เฉพาะยิ่งในรูปแบบ VR (การถ่ายทำโดยใช้มุมกล้องแทนสายตา) ที่กระตุกจิตกระชากใจ กระทุ้งราคะจริตเหล่าผู้ชมให้ผงาดง้ำไปตามๆ กัน ถึงขนาดหลายคนยกให้เป็นตัวท็อป VR แห่งยุคสมัย . และแน่นอน อานุภาพความเย้ายวนเซ็กซี่ขยี้ใจของมายูกิ ก็สั่นสะเทือนกามารมณ์แฟนคลับชาวไทยด้วยเช่นกัน จนเป็นอีกหนึ่งรายที่ขึ้นแท่นนางเอก AV ขวัญใจชาวไทยไปในที่สุด การมาเยือนไทยครั้งนี้ เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แฟนๆ อย่างไม่คาดคิด รวมไปถึงรูปแบบการจัด Fanmeet กับดารา AV อย่างเต็มระบบแบบนี้ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในไทย จึงเป็นที่น่าจับตาและเฝ้าดูฟีดแบคอยู่เหมือนกันว่ากระแสจะออกมาเป็นอย่างไร? . เพราะงานลักษณะนี้ หากคนที่ไม่เข้าใจก็อาจมองเป็นเรื่องหื่นกาม แต่สำหรับบางกลุ่มคนก็มองว่าเป็นการรับ-ส่งกำลังใจ ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค เหมือนงานแฟนมีตอื่นๆ . อย่างไรเสีย หากมีการนำดารา AV เข้ามาจัดงานเช่นนี้บ่อยๆ ในบ้านเรา อาจเป็นแรงกระเพื่อมถึงเรื่องกฎหมายสื่อลามกที่มีการพยายามปลดล็อคอะไรกันอยู่ก็อาจจะเป็นได้เช่นกัน . ติดตามรายละเอียดงาน “Mayuki Ito 1st Fan Meeting in Bangkok” ได้ที่ช่องทางของ  UTO event  

มี “บง” ไม่มี บ้ง! เกาหลีใต้เตรียม ชู “บง” เชียร์โอลิมปิก 2024

  ทุกการแข่งขันกีฬา สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ กองเชียร์จากผู้ชม  แต่จะให้มาเชียร์ด้วยการชูธงชาติ มันก็ธรรมดาไป . เพราะโอลิมปิก 2024 ปีนี้ HYBE หนึ่งในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ หยิบ แท่งไฟ หรือ บง (봉) มาออกแบบเป็นแท่งไฟอย่างเป็นทางการสำหรับเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ . แท่งไฟแท่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคบเพลิงและสนามกีฬาโอลิมปิก โดยจะมีโลโก้ทีมชาติเกาหลีใต้อยู่ด้านบน โดยจะผลิตออกมาทั้งหมด 5,000 แท่ง แบ่งเป็น 2 เวอร์ชัน ได้แก่ -แท่งไฟสำหรับการใช้งานทั่วไป 4,500 แท่ง – แท่งไฟสำหรับให้นักกีฬา และคณะกรรมการโอลิมปิกและกีฬาเกาหลี (KSOC) อีก 500 แท่ง (รุ่นนี้จะมีธงชาติปักอยู่ด้านบนแท่งไฟ) . แท่งไฟเหล่านี้จะติดตั้งโปรแกรมการแสดงสีและแสงตามจังหวะให้สอดคล้องกับสโลแกนเชียร์ เหมือนแท่งไฟที่เห็นได้ตามคอนเสิร์ต K-POP ที่จะเปลี่ยนสีและเสียงไปตามจังหวะเพลง … นอกจากนี้ HYBE ยังส่ง “โฮชิ” “ดีเค” และ “ซึงกวาน” – สมาชิกของ “BSS” ซับยูนิตของวงบอยแบนด์ “SEVENTEEN” ร่วมชาเลนจ์ Tiktok ส่งกำลังใจเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ โดยจะใช้เพลง “Fighting” (2023) เป็นเพลงหลักของชาเลนจ์ ถือว่าเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน มีความหมายประมาณว่า “ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ทำได้ แค่ฟังเพลงนี้” … “แท่งไฟ เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยแสงหนึ่งเดียว ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการเชียร์โอลิมปิกที่จะสนับสนุนนักกีฬาด้วยใจเดียวกัน” . แท่งไฟ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม K-POP โดยแต่ละวงจะมีแท่งไฟประจำวง การมีแท่งไฟเหมือนกันไว้โบกสะบัดเชียร์ศิลปินที่ชื่นชอบไปตามเสียงเพลง จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มก้อนและความเป็นหนึ่งเดียวของแฟนคลับ  . ดังนั้น การเปิดโลกการเชียร์โอลิมปิกรูปแบบใหม่ด้วยแท่งไฟ ถือว่าเป็นมูฟเม้นท์ที่น่าสนใจมากของเกาหลีใต้ เป็นการผสานเอาเอกลักษณ์ของ K-POP มาใช้ ไม่ว่าจะ บง เพลง และศิลปิน ต่อยอด soft power ที่มีได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว … อ้างอิง https://koreajoongangdaily.joins.com/…/HYBE…/2086486 https://www.youtube.com/watch?v=mBXBOLG06Wc