Skip links

book

Tags

งานหนังสือ 68 มีอะไร? งานไม่ใหญ่แน่นะวิ

1) เพิ่มฮอลล์ ขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น จากเดิม 15,000 ตารางเมตร เป็น 20,000 ตารางเมตร 2) ขยายบูธเพิ่มเป็น 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ 3) หนังสือที่งานกว่า 2,000,000 เล่ม 4) เพิ่มกิจกรรมพบปะระหว่างนักเขียนกับนักอ่าน ตามโซนต่างๆ ให้มากขึ้น รวมไปถึงนักเขียนต่างชาติ ที่จะได้เจอกับนักอ่านไทยมากขึ้นด้วย 5) ต่อยอด Bangkok Right Fair หรืองานซื้อขายลิขสิทธิ์ในลักษณะ B2B ให้สำนักพิมพ์ต่างชาติร่วมเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์กันภายในงานหนังสือ ซึ่งประสบผลสำเร็จมาจากปีก่อนหน้า และในปีนี้ มีสำนักพิมพ์ต่างชาติเดินทางมาร่วมกว่า 14 ประเทศ และทางผู้จัดคาดการณ์ตัวเลขซื้อขายสูงถึง 65 ล้านบาท 6) บูธตัวแทนจากต่างประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน อิหร่าน ยูเครน ฯลฯ ที่มาร่วมสมทบความเป็นงานหนังสือนานาชาติให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ในส่วนของเราเองก็มี 7) นิทรรศการหนังสือแปล ที่ได้รับทุนการแปลเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานของ Soft Power สาขาหนังสือ ที่ต้องการนำผลงานไทยไปบุกตลาดโลกให้มากขึ้นกว่าเดิม 8) นิทรรศการหนังสือที่ผู้จัดคัดเลือกมา ในที่นี้ทางเราขอใช้คำว่า “หนังสือแนะนำที่คนยังไม่ค่อยได้อ่าน” โดยมีกรรมการคัดสรรเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพราะว่ากันตามตรง วงการหนังสือก็ไม่ต่างจากวงการสร้างสรรค์อื่นๆ ที่ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งมีฐานผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มของตนเองมากขึ้น กล่าวคือ niche market เติบโตและแข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งต่อให้เป็นนักอ่านที่ท่องทะยานโลกอักษรมากขนาดไหน ก็ยากที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มอื่น หรือในภาพรวม นิทรรศการลักษณะนี้ก็สามารถชี้เป้า “ของดีที่เราอาจตกหล่นไป” ได้เช่นกัน 9) โซนพิเศษ “นวดเพื่อสุขภาพ” ใครเดินจนปวดเมื่อยก็เข้าไปใช้บริการได้ (แว่วๆ มาว่าราคาย่อมเยาว์ซะด้วยนะ) ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “จะทำยังไงให้งานหนังสือไม่ใช่แค่แหล่งขายหนังสือ” “งานหนังสือต้องไม่ใช่มหกรรมลดราคาหนังสือ” “และต้องไม่ใช่พื้นที่เอื้ออาทรระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย” เอาเข้าจริง ปัญหาวงการหนังสือบ้านเรายังมีให้สาธยายอีกมาก แต่หากจำกัดวงแคบมาเฉพาะที่งานหนังสือ คงต้องบอกว่า มีอีกมากมายที่เราสามารถยกระดับขึ้นได้อีก ทั้งการเป็นตัวแทนของคนวงการหนังสือทั้งประเทศ และความเป็นอีเวนต์ระดับนานาชาติของอาเซียน ยังไม่นับรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อย อาทิ ไม่มีเก้าอี้-ที่นั่ง
Tags

เปิดโลกหนังสือไทย กับ ธีรภัทร เจริญสุข; Soft Power ที่ถูก (คนไทย) มองข้าม

“หนังสือ” คือสิ่งประดิษฐ์ที่ “ทรงพลัง” ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มันทำให้คนรักกันหรือเกลียดกันก็ได้ มันทำให้คนต่างกลุ่มรวมกันเป็นหนึ่ง หรือแบ่งขั้วอยู่ตรงข้ามกันก็ได้ ถ้านี่ไม่ใช่ Soft Power แล้วล่ะก็ คงไม่ทราบเหมือนกันว่าอะไรจะใช่ แต่หากพูดถึงคำว่า “Soft Power” คนไทยจำนวนไม่น้อยคงนึกถึง ภาพยนตร์ ซีรีส์ ดนตรี หรืออาหาร เป็นอันดับแรกๆ จะมีสักกี่คนที่นึกถึง “วงการหนังสือ” ขึ้นมาก่อน จริงไหม?  ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าคนไทยเราขาดแคลนพื้นฐานการอ่านอันเป็นสิ่งสำคัญ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะคนไทยที่รักการอ่านยังมีอยู่อีกมาก และอุตสาหกรรมหนังสือก็มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วย มันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนรู้สึก วงการหนังสือกำลังโต “ที่คนชอบพูดว่า ‘คนไทยไม่อ่านหนังสือ’ มันผิด จริงๆ คนไทยอ่านหนังสือนะ อ่านเยอะด้วย” คุณธีรภัทร เจริญสุข ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ด้านหนังสือ บอกกับเราระหว่างการสัมภาษณ์ในรายการ The Attraction Talk ว่า แท้จริงแล้วชีวิตของคนไทยไม่ได้ห่างเหินจากการอ่านอย่างที่เขาว่ากัน   เพียงแต่สิ่งที่อ่านนั้นเปลี่ยนไป ทุกวันนี้คนไทยไม่ได้อ่านนิยายคลาสสิก หรืออ่านวรรณกรรมชั้นครูเหมือนอย่างเคย เขาอ่านในมือถือ อ่านในไอแพด อีกทั้งหลายคนยังซื้อหนังสือเป็นของสะสม หรือครอบครองเป็นสมบัติส่วนตัว  โดยปัจจุบันนี้ สัดส่วนคอนเทนต์ออนไลน์ก็เข้ามาแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์ดั้งเดิมจนแทบจะทดแทนกันได้แล้ว กล่าวคือ มูลค่าตลาดตอนนี้ แทบจะเทียบกับมูลค่าตลาดหนังสือยุคก่อนได้เลยด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่คุณธีรภัทรบอกกับเรา “นักเขียนออนไลน์ที่รายได้ดีๆ คือเดือนละล้าน ไม่ได้โกหก ไม่ได้ล้อเล่น” ซึ่งสอดคล้องไปกับแพลตฟอร์มใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างที่คุณธีรภัทรยกมาให้เห็นถึงภูมิทัศน์อุตสาหกรรมหนังสือคือ Meb แพลตฟอร์ม e-book ยอดนิยม ที่ทำมูลค่าตลาด รวมถึงกวาดรายได้ในปีที่แล้ว แซงหน้าร้านหนังสือเชนสโตร์เจ้าดังอย่าง SE-ED ไปเรียบร้อย หากย้อนเวลากลับไปราวๆ 5 ปีก่อน ยอดขายของ Meb ยังอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าล้านอยู่เลย แต่ปีนี้ พุ่งไปแตะหลัก 2,000 ล้านได้ แค่นี้ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นแล้วว่า สังคมไทยไม่เคยห่างไกลจากการอ่านจริงๆ “แต่คนเหล่านี้อาจจะเป็นนักเขียนที่คุณไม่รู้จักเลย เป็นคนที่เขียนนิยายเฉพาะทาง แต่ผลงานเขาขายดี ขายได้เยอะ โดยที่วงการนักเขียนหรือสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ อาจจะไม่รู้จักเขาเลย เพราะเขาพิมพ์เองขายเอง”