Skip links

Sport

ไอเดียสุดจัด แต่ถูกขัดด้วยขี้! พิธีเปิดโอลิมปิก 2024 กลางแม่น้ำแซน

  โอลิมปิก 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ณ เมืองปารีส เรียกได้ว่าฝรั่งเศสใส่ใจ เล่นใหญ่ จัดเต็มทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งยังได้รับเสียงชื่นชมจำนวนมากจากชาวโลก ว่าสมกับเป็นเมืองแฟชั่นที่รุ่มรวยไปด้วยประวัติศาสตร์จริงๆ กระนั้นก็ตาม ประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วง และเรียกรถทัวร์ได้ขบวนใหญ่ก็คือ การใช้ “แม่น้ำแซน” ในพิธีเปิดและการแข่งขันนี่แหละ ใช่แล้ว, คือฝรั่งเศสมุ่งหมายให้มีพิธีเปิดด้วย “ขบวนพาเหรดกลางน้ำ” และการแข่งกีฬาทางน้ำอีก 3 รายการในแม่น้ำแซน การแหวกว่ายสายน้ำกลางกรุงปารีส ดูเผินๆ ก็น่าจะงดงามอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับชาวฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งมองว่า แม่น้ำแซนแห่งนี้สิ้นไร้ความรื่นรมย์ทางกายภาพไปตั้งนานแล้ว กล่าวคือ แสงเรืองระยิบที่กระซิบผิวน้ำ อันปรากฎอยู่ในภาพวาดคลาสสิกของแวนโก๊ะ หรือโมเนต์นั้น ปัจจุบันมีแต่แบคทีเรียและสิ่งโสโครก ซึ่งไม่น่าสำเริงกาย-สำราญใจเท่าไหร่ และหากเปรียบเทียบกัน “แม่น้ำแซน” ก็ไม่ต่างจาก “แม่น้ำเจ้าพระยา” คืออยู่กลางเมือง และผูกพันกับประวัติศาสตร์เหมือนกัน แต่จะให้นักกีฬาทั่วโลกมากระโดดลงไปว่ายน้ำในนั้นจริงๆ เหรอ อนึ่ง ฝรั่งเศสถึงขั้นออกกฎมาตั้งแต่ปี 1923 แล้วว่า ห้ามลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำแซน เนื่องจากมีมลพิษในระดับน้ำสูงเกินไป และถึงแม้จะมีความพยายามปรับปรุงคุณภาพน้ำมาแล้วในหลายยุค-หลายสมัย แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำสำเร็จได้จริงเสียที อย่างไรก็ดี ทางการฝรั่งเศสวางแผนและดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ด้วยงบลงทุนราวๆ 1.5 พันล้านเงินดอลล่าร์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ทันโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้น ซึ่งก็ทำให้คุณภาพน้ำดีขึ้นมาอยู่บ้าง แต่หลายฝ่ายก็ยังตั้งคำถามว่าคุณภาพน้ำนั้นดีพอจะจัดการแข่งขันแล้วจริงหรือ? ทั้งนี้ เพื่อความเชื่อมั่นระดับนานาชาติ ไม่กี่วันก่อน อเมลี อูเดีย-คาสเตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาของฝรั่งเศส ก็กระโดดลงไปว่ายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยตนเอง รวมไปถึงนายกเทศมนตรีของกรุงปารีส แอนน์ อีดัลโก ก็รับปากเช่นกันว่าจะลงไปว่ายทดสอบด้วยตัวเอง หลังจากที่เคยผ่อนผลัดมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเอง ก็เกิดแฮชแท็ก #JeChieDansLaSeineLe23Juin หรือแปลว่า “ฉันจะขี้ลงแม่น้ำแซน ในวันที่ 23 มิถุนายน” เพื่อเป็นการประท้วงที่รัฐบาลใช้เงินในโครงการนี้มากเกินไป เพราะบางคนเชื่อว่าอย่างไรเสีย แม่น้ำแซนก็จะกลับมาเหม็นเน่าเหมือนเดิม รวมถึงเป็นการวิพากษ์การทำงานที่ผู้เห็นค้านเชื่อว่า เป็นการทำงานแบบ “ขายผ้าเอาหน้ารอด” ของรัฐบาล แต่เอาเข้าจริง วันที่ 23 มิถุนายน ก็ไม่ได้มีการชุมนุม “ปล่อยของหนัก” ลงแม่น้ำแซนแต่อย่างใด ทว่าล่าสุด นายกเทศมนตรี

มี “บง” ไม่มี บ้ง! เกาหลีใต้เตรียม ชู “บง” เชียร์โอลิมปิก 2024

  ทุกการแข่งขันกีฬา สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ กองเชียร์จากผู้ชม  แต่จะให้มาเชียร์ด้วยการชูธงชาติ มันก็ธรรมดาไป . เพราะโอลิมปิก 2024 ปีนี้ HYBE หนึ่งในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ หยิบ แท่งไฟ หรือ บง (봉) มาออกแบบเป็นแท่งไฟอย่างเป็นทางการสำหรับเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ . แท่งไฟแท่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคบเพลิงและสนามกีฬาโอลิมปิก โดยจะมีโลโก้ทีมชาติเกาหลีใต้อยู่ด้านบน โดยจะผลิตออกมาทั้งหมด 5,000 แท่ง แบ่งเป็น 2 เวอร์ชัน ได้แก่ -แท่งไฟสำหรับการใช้งานทั่วไป 4,500 แท่ง – แท่งไฟสำหรับให้นักกีฬา และคณะกรรมการโอลิมปิกและกีฬาเกาหลี (KSOC) อีก 500 แท่ง (รุ่นนี้จะมีธงชาติปักอยู่ด้านบนแท่งไฟ) . แท่งไฟเหล่านี้จะติดตั้งโปรแกรมการแสดงสีและแสงตามจังหวะให้สอดคล้องกับสโลแกนเชียร์ เหมือนแท่งไฟที่เห็นได้ตามคอนเสิร์ต K-POP ที่จะเปลี่ยนสีและเสียงไปตามจังหวะเพลง … นอกจากนี้ HYBE ยังส่ง “โฮชิ” “ดีเค” และ “ซึงกวาน” – สมาชิกของ “BSS” ซับยูนิตของวงบอยแบนด์ “SEVENTEEN” ร่วมชาเลนจ์ Tiktok ส่งกำลังใจเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ โดยจะใช้เพลง “Fighting” (2023) เป็นเพลงหลักของชาเลนจ์ ถือว่าเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน มีความหมายประมาณว่า “ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ทำได้ แค่ฟังเพลงนี้” … “แท่งไฟ เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยแสงหนึ่งเดียว ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการเชียร์โอลิมปิกที่จะสนับสนุนนักกีฬาด้วยใจเดียวกัน” . แท่งไฟ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม K-POP โดยแต่ละวงจะมีแท่งไฟประจำวง การมีแท่งไฟเหมือนกันไว้โบกสะบัดเชียร์ศิลปินที่ชื่นชอบไปตามเสียงเพลง จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มก้อนและความเป็นหนึ่งเดียวของแฟนคลับ  . ดังนั้น การเปิดโลกการเชียร์โอลิมปิกรูปแบบใหม่ด้วยแท่งไฟ ถือว่าเป็นมูฟเม้นท์ที่น่าสนใจมากของเกาหลีใต้ เป็นการผสานเอาเอกลักษณ์ของ K-POP มาใช้ ไม่ว่าจะ บง เพลง และศิลปิน ต่อยอด soft power ที่มีได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว … อ้างอิง https://koreajoongangdaily.joins.com/…/HYBE…/2086486 https://www.youtube.com/watch?v=mBXBOLG06Wc  

ถ้าคบกันเธอจะถือมั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เธอนั้นถือคบเพลิง “จิน – อี้ป๋อ – จ้าวลู่ซือ” คนดังถือคบเพลิงโอลิมปิก 2024

  ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ผู้ถือคบเพลิง (Torch Bearers) จะร่วมกันส่งต่อคบเพลิงจากโอลิมเปีย ประเทศกรีซ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศเจ้าภาพ ซึ่งจะต้องได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการจัดการโอลิมปิกประจำปีนั้น . โอลิมปิกปารีส 2024 ปีนี้ ฝรั่งเศส เน้นหลักการให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายในสังคม หลังฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกในประวัติศาสตร์ที่จัดการแข่งขันพาราลิมปิก . ผู้ถือคบเพลิงในปีนี้ จึงมีทั้งนักกีฬา บุคคลผู้มีชื่อเสียง ตลอดจนประชาชนทั่วไปและผู้พิการที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เพื่อเป็นตัวแทนความหลากหลายด้านต่างๆ . แต่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ก็มีดาราดังจากฝั่งเอเชียถึง 3 คนได้ร่วมถือคบเพลิงในปีนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น . ‘จิน’ หรือ คิม ซอกจิน สมาชิกวง BTS ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงโอลิมปิก ปารีส 2024 ซึ่งจะถือว่าจินเป็นศิลปิน K-POP คนแรกที่ได้ถือคบเพลิง โดยจินจะเป็นตัวแทนของ ‘ความสามัคคี’ และ ‘สันติภาพ’ . ‘หวังอี้ป๋อ’ ดารานักแสดงชายจากจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดขณะนี้ ก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงด้วยเช่นกัน โดยอี้ป๋อจะเป็นตัวแทนของ ‘วัยรุ่นยุคใหม่’ และ ‘แรงสนับสนุนนักกีฬา’ โดยก่อนหน้านี้ อี้ป๋อเคยถูกแต่งตั้งเป็นทูตส่งเสริมวัฒนธรรมโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเมื่อปี 2022 และทูตส่งเสริมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกรอบคัดเลือกที่เซี่ยงไฮ้ 2024 มาแล้ว . รวมถึง จ้าวลู่ซือ ดาราสาวชื่อดังจากจีนเองก็ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงในครั้งนี้ด้วย … ในปัจจุบันการเมืองไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของผู้นำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง การที่จิน – อี้ป๋อ – จ้าวลู่ซือได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิง 10,000 คน ถือได้ว่าเป็นการตอกย้ำถึงอิทธิพลของอุตสาหกรรมบันเทิงเอเชียที่มีบทบาทระดับโลกได้ไม่มากก็น้อย  

เด็กไทยทำถึง!! ชนะเลิศออกแบบลายรถแข่ง F1

  เสียงชื่นชมล้นหลาม หลังจากที่ ชลัช สุวณิชย์ นักเรียนไทยอายุ 16 ปี ชนะการประกวดออกแบบลายรถแข่ง F1 ของทีม Red Bull หรือ Oracle Red Bull Racing ในแคมเปญ Forever Rebl ซึ่งเป็นกิจกรรมให้แฟนๆ ร่วมกันออกแบบลายพิเศษสำหรับรถแข่ง RB20 โดยแคมเปญดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ที่ทีม Red Bull ร่วมแข่ง F1 . โดยลวดลายออกแบบที่แฟนๆ ส่งเข้าประกวด จะถูกคัดเลือกมา 3 อันดับ ซึ่งจะถูกนำไปใช้จริงทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่ บริติช กรังด์ปรีซ์ , สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ และ ยูไนเต็ด สเตทส์ กรังด์ปรีซ์ ตามลำดับ . ซึ่งลายออกแบบของ ชลัช สุวณิชย์ ถูกเผยออกมาและนำไปใช้จริงเป็นลายแรก ในรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ 2024 ที่ผ่านมา โดยทางด้าน Christian Horner ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO และหัวหน้าทีม ได้กล่าวว่า . “แฟนๆ ของเราเป็นหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ และผมมีความสุขมากที่พวกเขาได้มีส่วนสำคัญในการเดินทางของพวกเรา” . ส่วน ชลัช สุวณิชย์ เยาวชนไทยผู้ชนะเลิศการออกแบบ ได้ระบุว่า “สีแดงในการออกแบบรถสื่อถึงจิตวิญญาณและความแข็งแกร่งที่ปรากฎอยู่บนโลโก้ Red Bull รวมถึงแรงบันดาลใจจากวิธีการใช้สีแบบ Flow-Vis ในการทดสอบ Aerodynamics ผมชอบดูทีม Oracle Red Bull Racing คว้าชัยชนะ และผมคงจะไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่ได้เห็นพวกเขาชนะด้วยลายรถของผมได้เลย” . ทั้งนี้ มิใช่แค่เพียงลายชุดแข่งรถ RB20 นี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ Red Bull

เปิดที่มาฉายาทีมชาติยูโร 2024 Soft Power ในสื่อกีฬาพาคนไม่ดูบอลงง!?

การตั้งฉายาทีมฟุตบอลแต่ละทีม ถือว่าเป็นเสน่ห์ปลายปากกาของพี่ๆ นักข่าวชั้นบรมครู ที่ประดิษฐ์คิดค้นคำ มอบไว้เป็นมรดกแก่วงการลูกหนังไทย บางสมญานามก็แปลงมาจากภาษาต่างประเทศ แต่บางฉายาก็มีปรากฏแค่ในประเทศไทยนี่แหละ ศึกยูโรครั้งนี้ เรามาดูกันหน่อยว่า มีชื่อเล่นของทีมไหนน่าสนใจกันบ้าง

Premier League: Super Soft Power แห่งโลกกีฬา

เคยมีคำกล่าวว่า ประเด็นสนทนาที่จะทำให้ชายแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งได้รู้จักกันในเวลาอันสั้นนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่โยนเรื่องฟุตบอลไปในวงสนทนานั้น เพียงแค่นี้การสนทนาที่เหลือก็ไหลลื่นแล้ว เพราะการเปิดบทสนทนาเรื่องฟุตบอล เป็นวิธีการที่สามารถละลายกำแพงชายแปลกหน้าให้เจรจากันง่ายขึ้น อีกทั้งในขณะเดียวกันยังแสดงถึง “พลังอำนาจ” หรือ “Soft Power” ของโลกลูกหนัง โดยเฉพาะลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า หากกล่าวกันด้วยเรื่องของฟุตบอล จำนวนมากมักจะนึกถึงทีมในอังกฤษเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ แต่กว่าที่ฟุตบอล “พรีเมียร์ลีก” จะกลายมาเป็นหัวข้อสนทนาในชีวิตประจำวันของคนอีกมุมโลก ก็มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ทว่าเป็นผลลัพท์มาจากการวางแผน และดำเนินการตามกลยุทธ์ เพื่อให้เกาะอังกฤษมีลีกฟุตบอลมีคุณภาพ ที่สนุกสนาน น่าชม เริ่มตั้งแต่เงินทุนสนับสนุนที่มอบให้แต่ละสโมสรตามขั้นบันได(พิจารณาตามอันดับตารางคะแนน และความสมบูรณ์พร้อมของสโมสรนั้นๆ) กล่าวคือ ยิ่งทีมไหนอยู่อันดับสูงๆ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก็ยิ่งได้รับเงินส่วนนี้เยอะ โดยตัวเลขในปัจจุบัน แม้แต่ทีมบ๊วยท้ายตารางก็ยังได้รับเงินส่วนนี้อยู่ในหลักร้อยล้านปอนด์ต่อฤดูกาลเลยทีเดียว และแน่นอนว่า เงินส่วนนี้แต่ละสโมสรก็นำไปปรับปรุงพัฒนาภาคส่วนต่างๆ ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้นไป ตั้งแต่สนามแข่ง สนามซ้อม โรงยิม ศูนย์ฝึกเยาวชน ฯลฯ และที่สำคัญคือ นักเตะ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘สินค้า’ แห่งโลกลูกหนัง และเพื่อให้เกมการแข่งขันตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น การนำเข้าแข้งจากต่างชาติ จึงเป็นหนึ่งในวิธีการอันสามารถยกระดับคุณภาพลีกได้  ตัวอย่างเช่น work permit หรือใบอนุญาตทำงาน ซึ่งทางพรีเมียร์ลีกมีการผ่อนปรนมาตรการ ให้นักเตะต่างชาติสามารถเข้ามาค้าแข้งในเมืองผู้ดีได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น กระทั่งล่าสุด สมาคมฟุตบอลอังกฤษอนุญาตให้สโมสรลงทะเบียนนักเตะที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานได้ โดยทีมในพรีเมียร์ลีกได้รับโควตาให้ลงทะเบียนได้มากสุด 4 คน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในระดับชุมชน ให้เยาวชนในแต่ละพื้นที่ สามารถเข้าถึงการฝึกซ้อมอย่างมีมาตรฐานมากขึ้น และเมื่อฟุตบอลในประเทศเข้มแข็งแล้ว มีคุณภาพแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องการส่งออกสู่นอกประเทศ ซึ่งพรีเมียร์ลีกใส่ใจในเรื่องนี้ตั้งแต่เวลาการแข่งขัน โดยการเลือกเวลาการแข่งขันให้เหมาะสมกับกลุ่มคนดูในต่างประเทศ จะเห็นได้ว่าการแข่งขันที่เกิดขึ้น จะมีตั้งแต่เที่ยงๆ บ่ายๆ จนถึงประมาณสองทุ่มเศษตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่คำนวนมาแล้วว่า แฟนบอลจากอีกซีกโลกยังสามารถรับชมได้โดยที่ไม่ดึกเกินไป หรือแม้แต่การจัดทัวร์ให้สโมสรต่างๆ กระจายไปปรีซีซั่นกันที่ทวีปอื่นๆ โดยมีนโยบายที่ชัดเจน อย่างในเอเชีย ในช่วงแรกมีข้อกำหนดว่า จะต้องมีสโมสรในพรีเมียร์ลีกไปปรีซีซั่นในเอเชียทุกๆ สองปี ซึ่งนั่นรวมไปถึงการสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในต่างแดนด้วย สิ่งนี้ก็ยิ่งเป็นการสร้างความผูกพัน เพิ่มฐานแฟนบอล และยิ่งเป็นการสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อประเทศด้วย เพราะคนจากต่างแดนก็จะมองว่า ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศที่ทันสมัย เปิดกว้าง ให้โอกาสแก่ความหลากหลาย และเป็นมืออาชีพ จากเหตุผลประการต่างๆ นี้ ทำให้ “พรีเมียร์ลีก” กลายเป็นเมืองหลวงของโลกลูกหนังที่ใครๆ ก็จะต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก และความเข้มแข็งของแบรนด์ดิ้งนี้

ศึกมหาเวทย์ มวยไทย X ไสยศาสตร์ “ปู่มหามุนี VS อาจารย์ยอด”

มวยหยุดโลกของแทร่! สำหรับศึกมหาเวทย์ระหว่าง ปู่มหามุนี VS อาจารย์ยอด ที่ขึ้นชกกันเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 67 ในศึกไฟต์คลับปทุมธานี ณ เทศกาลบอลลูน love นวนครเฟสติวัล 2024 เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของงานที่หลายคนรอคอย ภายใต้กติกาที่มีเพียงข้อเดียวคือ “ห้ามปล่อยควายธนูมาสู้แทน”   โดยทางเพจผู้จัดงาน FIGHTCLUB THAILAND ได้เผยแพร่การชกระหว่าง นายชัยรัตน์ ยอดพรม หรืออดีต “ปู่มหามุนี” ฤาษีชื่อดังวัย 44 ปี ขึ้นชกกับ “อาจารย์ยอด” วัย 41 ปี โดยทั้งคู่แม้จะมีส่วนสูงเท่ากัน แต่ทางด้าน “อาจารย์ยอด” เหนือกว่าด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าราวๆ 4 กิโลกรัม จึงทำให้ “ปู่มหามุนี” โดนบรรเลงเพลงมวยไปแบบครบชุด ทั้งหมัด-เท้า-เข่า-ศอก จนพ่ายแพ้ไปแบบไม่ครบยก แต่ทว่าก็ได้ใจแฟนๆ ที่เอาใจช่วยด้วยเสียงเชียร์อันล้นหลาม รวมถึงแฟนๆ ในออนไลน์ที่แห่คอมเมนต์ชื่นชมหัวใจของปู่มหามุนี อาทิ “ปู่แบกน้ำหนักเยอะเกิน แต่หัวใจใหญ่กว่าตับ ” “หุ่นต่างกันเยอะ นับถือใจปู่เลยครับ” “แบกน้ำหนักเกินหัวหน้า” “แพ้ไม่เป็นไร แค่ใจสู้ก็พอ แค่รูปร่างก็เป็นรองแล้ว ถือว่าได้สู้”   แมตช์นี้เรียกได้ว่าเป็นการนำ Soft Power อันโดดเด่นของประเทศไทยมาผสมผสานกัน ทั้งเรื่องไสยศาสตร์ หรือ “มูเตลู” และเรื่องศิลปะการต่อสู้ หรือ “Fight” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5F ที่รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดัน อาจจะดูแปลกตาและไม่เหมือนใคร แต่คงต้องกล่าวว่า นี่แหละคือ Thailand Only แบบของแทร่  

อย่าล้อเล่นกับระบบ พี่กะเทย x มวยไทย เปิดสังเวียน #สุขุมวิทซอย11 กะเทยไทย-ปินส์ยกพวกตีกัน

ในฝั่งกีฬา  “มวยไทย”  พี่กะเทยเคยฝากประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทยมาแล้ว โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คงจะหนีไม่พ้น “ตุ้ม-ปริญญา เจริญผล” – อดีตแชมป์มวยไทยแห่งสนามมวยเวทีลุมพินี ผู้ขี้นสังเวียนชกพร้อมกับ “เครื่องสำอาง” สีสันสดใส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากในสมัยนั้น แต่สิ่งนี้ก็มีส่วนช่วยให้พาเธอล้มนักมวยไทย และต่างชาติมาแล้วหลายราย จนได้รับโอกาสเซ็นสัญญาชก ณ ประเทศญี่ปุ่น  เธอมีจุดมุ่งหมายในการชกมวยอย่างแน่วแน่ คือเพื่อหาเงินสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งในปีเดียวกันกับที่เธอได้แชมป์ เธอก็สามารถทำความฝันของเธอได้สำเร็จ จนเรื่องราวของเธอถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ กวาดรางวัลและรายได้มากมายจากต่างประเทศ  ปัจจุบันตุ้มประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการมานานหลายปีแล้วแต่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการ โดยการเปิดค่ายมวยไทยของตัวเองชื่อว่า “น้องตุ้มมวยไทยยิม” ที่บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อสอนมวยไทยให้แก่ผู้ที่สนใจแบบไม่จำกัดเพศและอายุ   ในวาระแห่งชาติ#สุขุมวิทซอย11 ราชินีสังเวียนอย่าง “ตุ้ม” ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์นี้ว่า “ฉันละอยากจะฝากแม่ไม้มวยไทยให้กลับไปฟิลิปปินส์ แล้วจะรู้ว่ากะเทยไทยของแท้ ที่นี่ประเทศไทย กะเทยไทย มวยไทย ลูกๆ เข้าค่ายแม่ด่วนๆ แม่จะสอนมวยให้” เพราะ หลังไทย – ปินส์แอบหยิกหลัง วางมวยกันมาทุกการประกวดนางงาม ล่าสุด พี่กะเทยไทยหยิบวัฒนธรรม   “มวยไทย” มายกระดับซอฟต์ พาวเวอร์ไทยไปอีกขั้นอีกครั้ง เมื่อมีพี่กะเทยไทย 2 คน  ถูกกลุ่มพี่กะเทยฟิลิปินส์กว่า 20 คน รุมทำร้าย และขโมยทรัพย์สิน  พร้อมนำคลิปเหตุการณ์ ไปเผยแพร่ต่อในเชิงเหยียดหยาม เมื่อเป็นเช่นนั้น  ทีมพี่กะเทยไทย ก็อยู่เฉยไม่ได้ เกิดการรวมตัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย หน้าโรงแรมถิ่นกะเทยปินส์  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีเข้าดูแล และพยายามส่งตัวพี่กะเทยฟิลิปปินส์ ขึ้นรถไปโรงพักทีละ  2-3 คน  พี่กะเทยไทยจึงอาศัยจังหวะนี้เข้าไปป้อนยำใหญ่ใส่สาระพัด จนกำเนิดปาฏิหารย์นางปีน นางลอย นางบินข้ามหัวหมดไม่สนยศ สนตำแหน่ง เรียกได้ว่าจะหมัดจะมวย กระบวย จะเหล็ก งัดออกมาเอาคืนกันแบบพอประมาณ (ประมาณว่าเจ็บหนักแน่) เรียกได้ว่าพี่สาวกะเทยฟิลิปปินส์พลาด มาล้อเล่นกับระบบพี่สาวกะเทยไทยที่ผ่านการฝึกรด. เขาชนไก่ และการเกณฑ์ทหารกันมาเกือบทุกคน  แถมยังพร้อมใจทำงานกันเป็นระบบ ยิ่งกว่าประกวดเชียร์ลีดเดอร์งานกีฬาสี  เพราะแค่คลิปสั้นๆ  ก็ปาไปล้านเรื่องราว คนหนึ่งเจรจาหลีกทาง หรือจะเรียกว่า ส่งสัญญาณขยิบตาเปิดศึก

Adidas x Bob Marley รองเท้ารุ่นพิเศษ จากผู้เป็นมะเร็งนิ้วเท้า กล้าซื้อใส่กันไหม!?

สายเขียวว่าไงงง หลังจากมีข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า Adidas เตรียมเปิดตัวรองเท้าวิ่งตัวใหม่ในรุ่น SL 72 ด้วยคอนเซ็ปต์แบบย้อนยุค และที่สำคัญยังเป็นการคอลแลบกับ Bob Marley ตำนานเร็กเก้ราชันย์สัญชาติจาไมก้า โดยภาพตัวอย่างรองเท้ารุ่นพิเศษนี้ถูกเปิดเผยจาก Zuri Marley ผู้มีศักดิ์เป็นหลานสาวของตำนานผู้ล่วงลับ ผ่านช่องทาง TikTok ส่วนตัว    สำหรับความโดดเด่นของ Adidas SL 72 x Bob Marley รุ่นนี้คือ มีการประทับรูปของ Bob Marley ไว้ที่ลิ้นของรองเท้า ส่วนพื้นรองเท้าก็มีสีเขียว, เหลือง และแดง อันเป็นสีประจำชาติของชาวเร็กเก้ อีกทั้งยังมีลายเซ็นสีเหลืองทองของตำนานสันติภาพสลักไว้บริเวณส้นรองเท้าด้านนอก แม้จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากค่ายสามแถบอย่างเป็นทางการ รวมถึงราคาก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ทว่าทาง Complex สื่อบันเทิงและไลฟ์สไตล์ชื่อดัง คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวให้เหล่าผู้ศรัทธาศาสดาเอกแห่งแนวเพลงอันรื่นรมย์ ได้ครอบครองบูชาในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง   ทั้งนี้ Bob Marley นับว่าเป็นศิลปินที่ชื่นชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งในระยะสุดท้ายของชีวิต Bob Marley ป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังบริเวณนิ้วเท้า ต่อมา เขาประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจากการเล่นฟุตบอล แม้จะมีเรื่องที่ถกเถียงกันว่า เขาเป็นมะเร็งก่อนหรือหลังประสบอุบัติเหตุ ทว่าการปฏิเสธการรักษา โดยมุ่งหน้าแสดงดนตรีและเล่นฟุตบอลต่อไปของเขา ยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายก็เป็นสิ่งที่มีมูลต่อวาระแห่งชะตากรรม การจะผลิตรองเท้ารุ่น Bob Marley ผู้เป็นมะเร็งนิ้วเท้าออกมา ต่างชาติอาจจะไม่ติดใจอะไร แต่เรื่องแบบนี้คนไทยเขาค่อนข้างถือกัน แต่ก็ไม่แน่นะ สาวก Bob Marley ในบ้านเรา อาจจะมีศรัทธาที่อยู่เหนือธรรมเนียมใดๆ    แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ กล้าซื้อมาใส่ไหม!?

8 ชาติแชมป์โลก เปิดศึกดวลแข้งฟุตบอลโลกวัยเก๋า อองรี, โรนัลดินโญ่, โอเว่น ฯลฯ ตำนานมากันเพียบ

เตรียมตัวย้อนความทรงจำไปกับแข้งระดับโลก เมื่อ Elite Players Group (EPG) ประกาศว่ากลางปีนี้ จะมีการจัดฟุตบอลโลกสำหรับอดีตนักเตะรุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยทัวร์นาเมนต์นี้ จะให้สิทธิแก่ชาติที่เคยได้แชมป์โลกมาก่อนเท่านั้น ประกอบไปด้วย บราซิล, เยอรมนี, อิตาลี, อาร์เจนติน่า, ฝรั่งเศส, อุรุกวัย, อังกฤษ และสเปน แน่นอนว่า ไฮไลท์สำคัญต้องอยู่ที่อดีตดาวเตะระดับโลก ที่เรียกได้ว่าคัดมาแต่ตัวดังๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ อย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่ และกาก้า หรือที่แฟนบอลคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี เช่น สตีฟ แม็คมานามาน, โจ โคล, ริโอ เฟอร์ดินานด์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, มาร์กอส คาฟู, เธียร์รี่ อองรี, มาร์กแซล เดอไซญี่, ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ, การ์เลส ปูโยล, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ในเมื่ออายุปูนนี้กันแล้ว จะให้แข่งกัน 90 นาทีก็กระไรอยู่ ฝ่ายจัดการแข่งขันจึงลดให้เหลือ 70 นาที และมีพักครึ่งให้ 15 นาทีเหมือนปกติ   ทั้งนี้ แต่ละทีมชาติสามารถลงทะเบียนนักเตะได้ไม่เกิน 18 คน / ทีม  แต่รายชื่อนักเตะที่มีสิทธิลงทะเบียนต้องผ่านการรับใช้ทีมชาติมาก่อน หรือไม่ก็ต้องลงเล่นในลีกระดับสูงมาไม่ต่ำกว่า 100 นัด ส่วนในการแข่งขันก็สามารถเปลี่ยนตัวได้เต็มอัตรา และตามรายงานของ David Coverdale จาก Daily Mail กล่าวว่า ทัวร์นาเมนต์นี้จะจัดขึ้นในฤดูร้อนที่จะถึงนี้ โดยมีอังกฤษเป็นเจ้าภาพ ซึ่งการประชันเพลงแข้งของรุ่นลายครามจะเริ่มขึ้นหลังจากรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1 มิ.ย.) และจะเริ่มการแข่งขันก่อนศึกยูโร 2024 ในเยอรมนีจะคิกออฟ (14 มิ.ย.) EPG Cup