Skip links

Editor’s Pick

ไทย = ศูนย์กลางโรงเรียนนานาชาติในอาเซียน?

แม้เด็กไทยจะเกิดน้อยลง ทำให้จำนวนนักเรียนไทยลดน้อยลงและโรงเรียนหลักสูตรไทยกำลังทยอยปิดตัว แต่จำนวนนักเรียนต่างชาติและจำนวนโรงเรียนนานาชาติกลับเพิ่มมากขึ้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยให้เห็นว่า ในปีการศึกษา 2555-2567 ที่ผ่านมา โรงเรียนรัฐบาลและเอกชนหลักสูตรไทยทยอยปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก โดยโรงเรียนรัฐบาลมีจำนวนลดลงเฉลี่ย 0.6% ต่อปี ส่วนโรงเรียนเอกชนมีจำนวนลดลงเฉลี่ย 0.7% ต่อปี อีกทั้ง ในปี 2568 จำนวนนักเรียนไทย ทั้งในโรงเรียนรัฐบาลและเอกชนยังมีแนวโน้มลดลง 1.1%-1.2% ซึ่งทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากวิกฤตเด็กเกิดใหม่ของไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง  ทว่า โรงเรียนนานาชาติ กลับเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5.0% ต่อปี โดยในปี 2568 ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติจะยังคงเติบโต 9.7% แม้จะชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 13.1% เนื่องจาก จำนวนโรงเรียนนานาชาติที่เปิดใหม่ในปีนี้มีเพียง 8 โรงเรียน ซึ่งน้อยกว่าจำนวนโรงเรียนนานาชาติที่เปิดใหม่ในปี 2567 ที่มีถึง 13 โรงเรียน นอกจากนี้ โรงเรียนนานาชาติยังมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นถึง 8.3% ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 นี้ ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติอาจทำรายได้สูงถึง 9.5 หมื่นล้าน ส่อง 3 ปัจจัยส่งโรงเรียนนานาชาติโต ปัจจัยที่ 1 : โรงเรียนนานาชาติกลายเป็นแลนด์มาร์ค ในปัจจุบัน มีจำนวนชาวจีนที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2564 – 2567 มีชาวจีนตำแหน่งสูงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20.8% ต่อปี ทำให้มีนักเรียนจีนที่ติดตามผู้ปกครองมาอยู่ในไทยเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเลือกเข้าศึกษาในโรงเรียน นานาชาติ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้ปกครองชาวจีนตัดสินใจเลือกโรงเรียนนานาชาติในไทยให้แก่บุตรหลานของตนเอง โดยขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการเรียนหลักสูตรนานาชาติในจีนสูงขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลจีนปรับนโยบายส่งเสริมการใช้ภาษาจีนกลาง  ประกอบกับ จากผลสำรวจ พบว่า ในภูมิภาคเอเชีย โรงเรียนนานาชาติในกรุงเทพเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับผู้ปกครองชาวจีน เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และยังคงคุณภาพไว้ได้ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 448,171 บาทต่อปี ในขณะที่ โรงเรียนนานาชาติต่อปีในเมืองอื่นค่อนข้างสูง โดยปักกิ่ง เป็นเมืองที่ค่าใช้จ่ายในโรงเรียนนานาชาติสูงที่สุดถึง 1,241,230 บาท รองลงมา คือ สิงคโปร์ 748,334 บาท, โซล 728,619

ดื่มด่ำปรัชญาญี่ปุ่น “วาบิ-ซาบิ”ใต้ก้นแก้วมัทฉะ

แม้อาหารจะไม่ได้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในนโยบาย Cool Japan ซึ่งเป็นนโยบายผลักดันสินค้าวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอิทธิพลของมัทฉะผูกใจให้คนทั่วโลกสร้างภาพจำไปแล้วว่า มัทฉะ คือเครื่องดื่มประจำชาติญี่ปุ่น ซึ่งเบื้องหลังรสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และสีเขียวสดสะดุดตา ยังมีปรัชญาความเป็นญี่ปุ่นสอดแทรกไปพร้อมกันด้วย ปรัชญาวาบิ-ซาบิใต้ก้นแก้วมัทฉะ จุดเริ่มต้นของการชงมัทฉะ ย้อนกลับไปในช่วงยุคคามากุระ หรือราว ค.ศ.1191 เมื่อนักบวชนิกายเซ็นชื่อว่า เอไซ (Eisai) ผู้ก่อตั้งสำนักรินไซ (Rinzai) นำใบชาเข้าจากจีน เพื่อมาเพาะปลูกเชิงเกษตรกรรมเป็นครั้งแรก เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ใบชาถูกจำกัดให้เป็นเพียงเครื่องดื่มของชนชั้นสูงเท่านั้น โดยเริ่มจากแถบภูมิภาคเซบูริซาน หรือ เมืองซากะ บนเกาะคิวชูในปัจจุบัน ก่อนจะนำไปเผยแพร่ต่อยังเมืองอูจิ เกียวโต และกลายเป็นแหล่งปลูกชาสำคัญของญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง นักบวชท่านนี้ยังเขียนตำราว่าด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพของชา ทำให้การดื่มชาแพร่หลายมากขึ้น และในเวลาเดียวกัน นักบวชนิกายเซนยังนำใบชามาบดด้วยครกหินอุ่นไฟ ทำให้ได้ผงมัทฉะสำหรับนำไปชงละลายกับน้ำร้อน จากนั้นใช้แปรงไม้ไผ่ จนได้มัทฉะรสชาติกลมกล่อม และกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงปรัชญาวาบิ-ซาบิของนิกายเซ็นได้เป็นอย่างดี ปรัชญาวาบิ-ซาบิ เป็นปรัชญาที่เน้นการชื่นชมความเป็นธรรมชาติ ความเรียบง่าย และการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งสอดแทรกอยู่ในทุกขั้นตอนการชงมัทฉะ ตั้งแต่ตัวผงมัทฉะที่มาจากธรรมชาติ ไปจนถึงอุปกรณ์การชงมัทฉะที่มักผลิตจากไม้ไผ่ การตักตวงมัทฉะด้วยช้อนตักมัทฉะปลายช้อนกว้าง 1 ซม. เพื่อให้ได้ผงมัทฉะได้ในปริมาณที่เหมาะสมที่ประมาณ 1 กรัม ต่อการตัก 1 ครั้ง โดยที่ไม่จำเป็นต้องชั่งตวงให้พอดี 1 กรัมเป๊ะ กระทั่งการตีให้เกิดเป็นฟองเนื้อสัมผัสไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ได้ดื่มด่ำกับมัทฉะที่ไม่สมบูรณ์แบบ แตกต่างกันในทุกแก้ว ทุกครั้งที่สะบัดฝีแปรงชงมัทฉะจึงเป็นทั้งการผสมผงมัทฉะให้เข้ากัน และเป็นทั้งการผสมผสานจิตวิญญาณให้เข้าถึงปรัชญาความเป็นญี่ปุ่นทีละนิด ในปัจจุบัน มัทฉะ กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อประจำจังหวัดในหลายพื้นที่ อาทิ อูจิ, นิชิโอะ, ชิซุโอกะ และจังหวัดอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งมัทฉะในแต่ละจังหวัดก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างกันไปตามกรรมวิธีในการผลิต ทำให้ไร่ชากลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไป ทว่าในปัจจุบัน แม้โลกภายนอกจะกำลังเดินเทรนด์มัทฉะฟีเวอร์ขนาดไหน แต่ปริมาณการบริโภคมัทฉะในญี่ปุ่นกลับลดน้อยลงมาหลายปีแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นจึงหันมาใช้มาตรการส่งออกมัทฉะมากขึ้น โดยเร่งให้เกษตรกรปลูกใบชาเท็นฉะสำหรับนำมาบดเป็น ผงมัทฉะ มากขึ้น เพื่อมองหากำไรจากตลาดต่างประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมัทฉะกลายเป็นเครื่องดื่มของผู้บริโภคสายสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ชดเชยตลาดการบริโภคชาเขียวในประเทศที่กำลังลดลง เนื่องจากประชากรเกษตรกรที่สูงอายุมากขึ้น ทำให้ไม่มีผู้เพาะปลูกอีกต่อไป ดังนั้นแล้ว การดื่มด่ำ มัทฉะ ทุกแก้วจึงไม่เพียงเป็นการดื่มด่ำวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ยังเป็นการดื่มด่ำวิถีชีวิตและปรัชญาความเป็นญี่ปุ่นไปพร้อมกันด้วย แม้บางวันจะชงมัทฉะแล้วได้รสชาติ กลิ่นหอมและสีต่างออกไปจากเดิมบ้าง แต่มัทฉะแก้วนั้นก็ยังคงเป็นมัทฉะ อ้างอิง https://revisit-jp.com/traditional-experience/matcha/ https://ujimatchatea.com/blogs/news/wabi-sabi-matcha-tea?srsltid=AfmBOop14Bou4j2JapjZY1QOVsUh7hz7_tFfK5V-Yry7NNwUktOW3EdA https://english.kyodonews.net/news/2025/01/ed8f08aec023-japan-looks-to-cash-in-on-matcha-boom-to-boost-green-tea-exports.html

จากประเด็นคิมซูฮยอน สู่อีกด้านหนึ่งของซอฟต์พาวเวอร์ในสังคมชายเป็นใหญ่?

หลายคนคงจะรู้จัก คิมซูฮยอน พระเอกเจ้าน้ำตาจากซีรีส์ Dream High (2011), You Who Came from the Stars (2014), It’s Okay to Not Be Okay (2019) และผลงานล่าสุดอย่าง Queen of Tears (2024) ซึ่งตอนนี้กำลังตกเป็นประเด็นรุนแรงจากข่าวคบนักแสดงสาว “คิมแซรน” ตั้งแต่เธออายุเพียง 15 ปี ล่าสุด มีผู้ที่อ้างว่าเป็นญาติของคิมแซรนออกมาเปิดเผยเรื่องราวผ่านช่อง YouTube ที่ชื่อว่า Garo Sero Research Institute โดยอ้างว่า ทั้งคู่คบหากันนานถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2015-2021 ซึ่งในขณะนั้น คิมแซรนอายุ 15 ปี ส่วนคิมซูฮยอนอายุ 27 ปี และต่อมาในปี 2022 คิมแซรนเกิดเหตุเมาแล้วขับและต้องจ่ายเงินชดเชย 700 ล้านวอน ทำให้ค่าย GOLD MEDALIST ซึ่งเป็นค่ายต้นสังกัดของทั้งคู่ จ่ายเงินช่วยในคดีนี้ แซรนรู้สึกขอบคุณและพยายาหาเงินในส่วนนี้มาคืน ทว่าหลังเกิดเหตุ จะเห็นได้ชัดว่าเธอถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงและมีผลงานการแสดงน้อยลง กระทั่งปี 2024 คิดแซรนกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากบริษัทให้ชดใช้เงินในส่วนนี้ทันที เป็นสาเหตุให้คิมแซรนพยายามเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตนเอง โดยการเปิดเผยรูปของทั้งคู่ขณะคบกัน เพื่อให้คิมซูฮยอนที่มีความใกล้ชิดกับค่ายติดต่อกลับ เพื่อช่วยเหลือเธอในประเด็นนี้ แต่นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง และอาจเป็นเหตุให้นักแสดงสาว จบชีวิตลงในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเกิดของนักแสดงคิมซูฮยอนพอดี ระบบปิตาธิปไตยที่ยังคงหยั่งรากลึกในเกาหลี ทำให้ความเป็นชายยังคงมีอิทธิพลอยู่ในเกาหลีทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในวงการบันเทิง รวมไปถึง ภาพลักษณ์ของนักแสดงที่ถูกมองว่าเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศจากคุณประโยชน์ที่เป็นแรงสำคัญในการผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ให้เกาหลี ผ่านซีรีส์และหนัง จนทำให้เกาหลีมีทุกวันนี้ ยิ่งอุ้มชูให้ฐานันดรนักแสดงชายกลายเป็นหนึ่งในยอดพีระมิดของสังคม (รองลงมาจากนักกีฬาที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ) เป็นเหตุให้บ่อยครั้งที่เหล่านักแสดงชายมีข่าวอื้อฉาว หรือคดีร้ายแรง ตั้งแต่นอกใจ คบซ้อน ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน คบเด็กเพิ่งพ้นสภาพผู้เยาว์และอื่น ๆ อีกมากมาย ยังคงมีบทบาทในสังคมด้วยต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยภาพลักษณ์หนุ่มดอกไม้

Love Scout (2025) เจาะซีรีส์สูตรสำเร็จ ชูโรง Soft Power สไตล์ KOCCA ที่ยังคงอร่อยอยู่เสมอ

ในวันที่ซอฟต์พาวเวอร์ของเกาหลีแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากการปูทางด้วยการสอดแทรกสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และความเป็นเกาหลีอยู่ตามซีรีส์เกาหลีดัง ตั้งแต่แดจังกึม (2003) ไปจนถึง Itaewon Class (2020), Hometown Cha Cha Cha และอื่น ๆ อีกมากมายที่ดึงดูดให้ผู้คนทั่วโลกต่างอยากลองสัมผัสประสบการณ์ความเป็นเกาหลีกันแทบทุกอณู จนอาจจะไม่จำเป็นต้องสอดแทรกเรื่องราวเหล่านี้ลงในซีรีส์อีกต่อไป พาให้พล็อตเรื่องซีรีส์เกาหลีไปไกลเกินกว่าจะคาดคิด ทั้งขับเน้นประเด็นสังคมต่าง ๆ เข้มข้นมากขึ้น ทว่า ในบางครั้งบางครา มันก็มีบ้างที่คิดถึงรสชาติเดิมของซีรีส์เกาหลีที่นำเสนอวิถีชีวิต สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกิน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นซอฟต์ พาวเวอร์เกาหลี จนกระทั่งการมาถึงของ Love Scout ที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้งด้วยรสชาติดั้งเดิมสุดกลมกล่อม ชูซอฟต์ พาวเวอร์ของเกาหลีอีกครั้ง ทั้งเรื่องรักโรแมนติก การเกาะติดอาชีพที่น่าสนใจ ไปจนถึงขับเคลื่อนสังคมประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ ท่ามกลางสมรภูมิซีรีส์พล็อตแปลกแหวกแนว สูตรสำเร็จ ชูโรง Soft Power สไตล์ KOCCA Love Scout (2025) ซีรีส์รักวัยทำงาน สไตล์รอม-คอมธงเขียวที่จริงใจ เล่าเรื่องราวของ คังจียุน (รับบทโดย ฮันจีมิน) ซีอีโอสาวของบริษัทจัดหาบุคลากรระดับแนวหน้า ผู้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงาน จน Work ไร้ บาลานซ์ ทำให้ ยูอึนโฮ (รับบทโดย อีจุนฮยอก) คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวต้องเข้ามาเป็นเลขาคนใหม่คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ ตลอดทั้งเรื่อง จะเห็นได้ว่า ยังคงทำได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ ทั้งการเสิร์ฟฉากเลิฟซีนกลาง ‘จตุรัสควังฮวามุน’ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมใจกลางกรุงโซล ให้กลายเป็นจุดนัดพบรักของพระ-นางทั้งสองอยู่คนละฟากฝั่งถนนก็จะเดินมาหากันในที่สุด รวมไปถึงการเสิร์ฟฉากอาหารเกาหลีสุดน่ากินแบบเนียน ๆ ผ่านการโชว์สกิลทำอาหารสุดอร่อยของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือจะตอนที่พระ-นางทั้งคู่ไปนั่งกินข้าวในร้านเตนท์แดง รวมไปถึงตอนที่ชาวทีมหนึ่งชวนกันไปกินอาหารกลางวัน ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะการสนับสนุนจากองค์กรหลักองค์กรเดิมอย่าง Korea Creative Content Agency (KOCCA) ทำให้ได้กลิ่นอายสูตรสำเร็จซีรีส์เกาหลีที่โชว์ความเป็นเกาหลีผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารในยุคที่กำลังผลักดันซอฟต์ พาวเวอร์ ให้โดดเด่นกันตั้งแต่ต้นปี นักล่าค่าหัว ตามตัวมาทำงาน นอกจาก Love Scout จะยังคงสไตล์ซีรีส์เกาหลีฉบับดั้งเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกหนึ่งจุดเด่นของซีรีส์เกาหลี คือ การเจาะลึกเบื้องหลังการทำงานของอาชีพที่น่าสนใจ ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ซีรีส์พาให้ผู้ชมได้ไปทำความรู้จักกับ อาชีพนักล่าค่าหัว หรือ

ป้าป้อม…สอนทำอาหารอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นครูสอนภาษาไทยไม่รู้ตัว!!!

วันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานญี่ปุ่นในแอพดำ โพสต์แนะนำวิธีเรียนภาษาไทยที่น่าสนใจ พร้อมแปะคลิปช่องยูทูปของป้าป้อมไว้ใน #タイ語の勉強これよかったよ หรือที่แปลเป็นไทยได้ประมาณว่า ลองเรียนภาษาไทยด้วยวิธีนี้ดูสิ “ฉันดูรายการทำอาหารของป้าคนนี้เป็นบางครั้ง การออกเสียงของเธอชัดเจนมาก และเนื่องจากเป็นรายการทำอาหาร เธอจึงใช้คำศัพท์ที่คุ้นเคยมากมาย เข้าใจได้ง่าย การเรียนรู้วิธีทำอาหารไทยก็น่าสนใจเหมือนกัน แนะนำเลย ✨  สามารถเพิ่มซับญี่ปุ่นได้ด้วยนะ https://www.youtube.com/@-highzonekitchen3198” ในเวลาต่อมา โพสต์ของผู้ใช้งานคนนี้ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้เริ่มมีคนไทยบางส่วนเข้ามาเฉลยว่าคุณป้าคนนี้มีเชื้อสายราชวงศ์ อาหารที่เธอสอนส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารชาววัง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นรายนี้ไม่สามารถทำอาหารตามเชฟป้อมได้ แต่เธอยังคงยืนยันว่าวิดีโอสอนทำอาหารของป้าป้อมยังคงช่วยเธอเรียนรู้ภาษาไทยในหมวดการทำอาหารได้ดียิ่งขึ้นได้ แฮชแท็ก #タイ語の勉強これよかったよ เป็นแฮชแท็กในแอพดำที่ชาวญี่ปุ่นจะมาแชร์เทคนิควิธีเรียนภาษาไทยแบบสนุก ๆ กัน ทั้งเอาเพลงมาแปล หาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแปลไทยมาอ่าน หรือแม้กระทั่งแชร์รูปเมนูอาหาร และผู้ใช้งานบางรายในแฮชแท็กนี้ก็กล่าวว่าอยากจะตั้งใจเรียนภาษาไทยเพื่อพูดคุยกับดาราซีรีส์วาย ซึ่งทำให้เห็นว่าในปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นสนใจเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังเป็นจำนวนมาก โดยส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะกระแสซีรีส์วายที่เข้มข้นมากในญี่ปุ่น โพสต์ต้นทางในแอพดำ : https://x.com/ATAx58NEjo17xqZ/status/1890205964038729950

“เจฟ ซาเตอร์” – คุณคนเก่งของคุณวันเสาร์ จะจัดคอนเสิร์ตแล้วนะ !

คุณวันเสาร์ พร้อมหรือยัง ! เตรียมระเบิดปรากฏการณ์ทางดนตรีเหนือจินตนาการไปกับ “est presents JEFF SATUR : RED GIANT CONCERT” ในปี 2024 ที่ผ่านมา “เจฟ ซาเตอร์” ศิลปินชาย นักร้อง นักแสดง โปรดิวเซอร์มากความสามารถที่สร้างสรรค์ผลงานทางดนตรีเหนือความคาดหมายในทุกครั้งที่ปรากฏตัว เปิดประเดิมด้วยอัลบั้ม JEFF SATUR : Space Shuttle No.8 อัลบั้มแรกที่ปล่อยมาในเดือนกุมภาพันธ์ต้อนรับปี 2024 ต่อด้วยคอนเสิร์ต JEFF SATUR: Space Shuttle NO.8 Asia Tour ที่เจฟออกเดินทางส่งตรงความรักไปหาแฟน ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ จนบัตรหมดเกลี้ยง ก่อนจะฟาดฟันฝีไม้ลายมือเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์ เรื่อง “วิมานหนาม” พร้อมกวาดรางวัลปลายปีในหลายเวที อาทิ รางวัลศิลปินชายยอดเยี่ยมแห่งปี 2567 จากงานประกาศรางวัล The Guitar Mag Awards / รางวัลไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ดส์ ครั้งที่14 / คมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 20 นักร้องเพลงไทยสากลชายที่สุดแห่งปี 2567 จากสวนดุสิตโพล ด้วยทักษะการร้องเพลง เขียนเพลง แต่งเพลง โปรดิวซ์เพลง ไปจนถึงทักษะการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นไม่เหมือนใคร พาให้ชื่อและผลงานของ เจฟ ซาเตอร์ เปล่งประกายไปทั่วทุกพื้นที่ และพร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้น คล้ายดาวฤกษ์ที่พร้อมระเบิดแสงสุดท้าย เพื่อกำเนิดดาวดวงใหม่ที่เหนือความคาดหมาย หรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์ “Red Giant” ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นกับ เจฟ ชาเตอร์ ใน est Cola presents JEFF SATUR: RED GIANT CONCERT วอร์มนิ้วรอกดบัตรได้ตั้งแต่ 25 มีนาคม 2568 ที่ ALL TICKET

บินดูงาน “House Of Dancing Water”…Soft Power เบอร์ใหญ่ พาร์ทเนอร์ THACCA

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในตอนนี้นั้น ภาพเค้าลางของการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เริ่มเห็นชัดมากขึ้น หลังเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2025 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… (entertainment complex) เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า “ไทย” กำลังจะเดินเกมธุรกิจนี้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังมีแววว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์ พาวเวอร์ไทย โดยเฉพาะเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา Thailand Creative Culture Agency (THACCA) จัดเวทีเสวนา “THACCA Global Soft Power Talks” เชิญผู้นำด้านอุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลกหลายบริษัทมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและกำหนดกลยุทธ์ทางวัฒนธรรมของประเทศไทย พร้อมเสริมสร้างสถานะของประเทศไทยบนเวทีโลก และยกระดับอันดับ Global Soft Power Index ของประเทศไทย โดยนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ  กล่าวว่า“ซอฟต์พาวเวอร์ไม่สามารถสร้างขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่ต้องการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคธุรกิจ ผู้สร้างสรรค์ และนักลงทุน” หนึ่งในผู้นำที่มาบรรยายในครั้งนั้นมี นายลอว์เรนซ์ โฮ (Lawrence Ho) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Melco Resorts & Entertainment (ซ้าย) ผู้นำสถานบันเทิงครบวงจรหรูที่รวบรวมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ห้องประชุม ศูนย์การค้า สวนสนุก ไนต์คลับ โรงละคร และกาสิโนไว้ในที่เดียว โดยมีธุรกิจที่ดูแลอยู่ในหลายพื้นที่ อาทิ Altira Macau / Studio City Macau / City of Dreams ในเขตปกครองพิเศษมาเก๊า City of Dreams Manila ในมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ City of Dreams Mediterranean ในลีมาซอล ประเทศไซปรัส City of Dreams Sri Lanka ในโคลัมโบ

ตกม้าตาย เพราะคนไทยน้ำใจงาม…ทำไม The White Lotus season 3 มาถ่ายที่ไทย

ในตอนแรกนั้น ทางทีมผู้ผลิตวางแผนกันไว้ว่า The White Lotus Season 3 จะถูกถ่ายทำในญี่ปุ่น แต่สุดท้ายกลับตกม้าตาย มาลงเอย จบที่ประเทศไทย เพราะพยาบาลสาวไทย ! มาตราการจูงใจให้เกิดการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้บรรดาหนังแฟรนไชส์ชื่อดังหลายเรื่องเดินทางมาถ่ายทำยังไทย อาทิ Jurassic World ที่ถ่ายทำในกระบี่ รวมไปถถึง The White Lotus เอง พอดแคสต์อย่างเป็นทางการของ The White Lotus ในตอน Same Spirits, New Forms” ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ พอดแคสต์อย่างเป็นทางการของ The White Lotus ในตอน Same Spirits, New Forms” ที่สัมภาษณ์ David Bernad หนึ่งในทีมผู้ผลิต และ Michelle Monaghan นักแสดงหลักก็ได้ออกมาเปิดเผยเหตุผลอีกหนึ่งข้อที่น่าสนใจที่ทำให้ Mike White ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะถ่ายทำที่ไทย ! Bernad เปิดเผยว่า ด้วยความชื่นชอบวัฒนธรรมและประเทศญี่ปุ่นของเขาและ Mike White รวมถึงทรัพยากรในด้านเงินทุน ทำให้ The White Lotus season ต่อไปจะปักหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ทว่า ทาง HBO เสนอให้ทางทีมผู้ผลิตลองหาตัวเลือกประเทศอื่นสำรองไว้ด้วย โจทย์หลักสำหรับเปิดสาขาใหม่ที่ทางทีมผู้ผลิตมองหามีอยู่ 5 ข้อ ได้แก่ ต้องอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ / มีสภาพอากาศเอื้ออำนวย / มีค่าใช้จ่ายไม่สูง / มีทีมงานพร้อม / ต้องเป็นมิตรต่อการถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่ง “ประเทศไทย” สามารถตอบโจทย์ฺเหล่านี้ได้ทั้งหมด ทำให้ทางทีมผู้ผลิตเลยแกล้ง ๆ ลองบินมาสำรวจไทยดู เพียงเพราะแค่อยากตามใจ HBO  เพราะอย่างไรก็ตาม The White Lotus ก็จะบินไปเปิดสาขาใหม่ในญี่ปุ่นอยู่ดี เพราะ ก่อนหน้านี้ Mike

สร้างสรรค์ สรรสร้าง Creative Economy ผ่านมุมมอง ดร.ชาคริต พิชญางกูร

“ความคิดสร้างสรรค์” มักเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าตีค่า ตีราคาแน่ชัดไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วสิ่งนี้มีมูลค่าทาง เศรษฐกิจมากกว่าที่คิด ในปัจจุบัน ภาพรวมเศรษฐกิจโลกเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ มากขึ้น และ กลายเป็นหนึ่งในตัวชูโรงเศรษฐกิจของหลายประเทศ รวมถึงทั้งไทยเอง อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ของประเทศไทยมีจำนวน 15 สาขา โดยในปี 2565 มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ประเทศไทยอยู่ที่ 1.28 ล้านล้านบาท เทียบเป็น 7.39% ของ GDP ประเทศ รวมทั้งมีอัตราการเติบโตจากการจ้างงานกว่า 1 ล้านคน อีกทั้ง ในช่วงที่ภาครัฐกำลังผลักดัน Soft Power อย่างจริงจัง ปฏิเสธไม่ได้ว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ถือเป็น ส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อน Soft Power ไทยไปข้างหน้า รวมถึง “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568” หรือ “Bangkok Design Week 2025” (BKKDW2025) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 23 กุมภาพันธ์ 2568 ยังมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทยได้แสดงศักยภาพและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น วินาทีนี้ผู้ที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับพลังของความคิดสร้างสรรค์ไทยคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy Agency : CEA) “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ คือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์” – ดร. ชาคริต พิชญางกูร, 2568 วัฒนธรรม – รากเหง้าแห่งความคิดสร้างสรรค์ “ใครจะทํางานสงกรานต์ยังไงก็ต้องให้ไทยทํา” แม้จะยังมีข้อถกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์ที่มา แต่เมื่อพูดถึง เทศกาลสาดน้ำดับร้อนในช่วงเดือนเมษา ไม่ เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่นึกถึง เทศกาลสงกรานต์ แต่ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักเทศกาลนี้เป็นเสียงเดียวกัน โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ประเพณีสงกรานต์ ของประเทศไทยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ขององค์การยูเนสโก (UNESCO) แต่เพียง

นั่งเนียน เขียนจด 6 บทเรียน จาก Face to Fest (tival)

Face to Fest (tival) – งานอบรมที่ไม่ได้ให้แค่ความรู้ แต่ยังสร้างคอนเนคชันสายเฟสติวัล ! เพราะ งานอบรมนี้รวบรวมตัวตึงวงการเฟสติวัลมาพูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จริง พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เหล่านักสร้างสรรค์ด้านเฟสติวัลคนต่อไปได้พัฒนาทักษะและเพิ่มพูนความรู้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ Upskill – Reskill ตามแนวนโยบาย“หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS)” ของรัฐบาล เพื่อยกระดับเฟสติวัลไทยสู่สากล “Thailand as The World’s BEST Festival Country” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ในงานอบรมวันแรก แบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก Festival Management โดย คุณพิเชษฐ์ ตุรงคินานนท์ – สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) “What is Festival?” โดย ดร.ศุภลักษ์ สุวัตถิ – สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) Chit Chat Feel Fest (Festival)  ที่ชวนตัวตึงด้านงานเฟสติวัล 4 ท่านมาพูดคุยกัน ได้แก่ คุณนพปกรณ์ – General Manager Mango Art Festival Co., Ltd. คุณศรัณย์ ภิญญรัตน์ – CEO & Co Founder ฟังใจ คุณธนพงศ์ วิชคำหาญ – หัวหน้าทีมสถาปนิก ไอวิวดีไซน์สตูดิโอ คุณป่านแก้ว สัตยาวุฒิพงศ์ – Vice President Showbiz Promoter ทีม GayRay เรียกได้ว่ารับความรู้กันแบบอัดแน่นจัดเต็ม พร้อมทั้งมุมมองที่น่าสนใจที่ทาง