Skip links

Film

Content Project Market เปิดตลาดคอนเทนต์ไทย หมดยุคพายเรือในอ่าง

  “หนังดี มีรางวัล แต่ไม่มีคนดู” “ละครดัง มีคนดู แต่ก็วนอยู่กับที่” ปัญหาสารพัดสารเพของวงการคอนเทนต์ไทย ตลอดจนความเห็นจากหลายทิศหลายทาง จริงบ้าง มั่วบ้าง ปะปนกันไป แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั้นทำให้ศรัทธาของชาวไทยในคอนเทนต์บ้านเกิดเสื่อมสลายไปไม่น้อย เฉพาะยิ่งในยุคสตรีมมิ่งอย่างปัจจุบัน  แต่หากว่ากันตามตรง แท้จริงแล้วคอนเทนต์ไทยในทุกวันนี้ สามารถตีกระแสต่างชาติได้ดีกว่าช่วงก่อนๆ มากนัก ทั้งยอดสตรีมมิ่ง การเข้าฉายต่างประเทศ นำส่งไปยังเทศกาลระดับนานาชาติ รวมถึงการขายลิขสิทธิ์นำไปรีเมค หลายๆ เรื่องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทย อันสามารถฉายแววในเวทีโลกได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ หาช่องทางกันตามมีตามเกิด และกระจัดกระจาย จึงเป็นเหตุผลให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดให้มีการจับคู่ธุรกิจ(business matching) เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์เป็นครั้งแรกของประเทศในชื่อ Content Project Market ภายใต้โครงการ Content Lab 2024  โดย Content Project Market เปิดพื้นที่ให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยได้นำเสนอผลงาน ทั้งบทภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแอนิเมชันของตนเอง รวมไปถึงไอเดีย คอนเซ็ปต์ (Pitch Deck) ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา พรีเซนต์/พิทชิ่งต่อนักธุรกิจ-นักลงทุนในแวดวงอุตสาหกรรมคอนเทนต์ และสตรีมมิงแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 64 บริษัท เพื่อต่อยอดผลงานสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในตลาดคอนเทนต์ต่อไป ทั้งนี้ ยังมีหลักสูตรพัฒนาทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการบ่มเพาะ (Incubation Programs) 4 โครงการ และโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 โครงการ ได้แก่  Content Lab: Newcomers แคมป์สำหรับคนทำหนังและซีรีส์หน้าใหม่  Content Lab: Mid-Career โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และซีรีส์ สำหรับบุคลากรวิชาชีพระดับกลางในสายโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักเขียนบท  Content Lab: Animation เวิร์กช็อปพัฒนาซีรีส์โปรเจ็กต์สำหรับสายงานด้านแอนิเมชันในกลุ่ม Mid-Career และ  Content Lab: Advanced Scriptwriting เวิร์กช็อปพัฒนาการเขียนบทระดับมืออาชีพโดยวิทยากรจากไทยและต่างประเทศ โครงการดังกล่าว นับว่าเป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ ทั้งองคาพยพตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อยกระดับมาตรฐานคอนเทนต์ไทยให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

ดาวโป๊ญี่ปุ่น JAV เตรียมจัดแฟนมีตแบบฟินๆ ในไทย

นับว่าเรียกเสียงฮือฮาในบรรดาท่านสมาชิก จนนั่งกันไม่ติดเลยเชียว หลังจากที่ UTO event ประกาศจัดอีเวนต์สุดฮอต สุดร้อนฉ่า ด้วยการนำ มายูกิ อิโตะ (Mayuki Ito) นางเอกสุดเร่าร้อน ตัวท็อปอันดับ 1 จากค่าย Kawaii ประเทศญี่ปุ่น มาจัดงานแฟนมีตครั้งแรกในไทยอย่างเต็มรูปแบบ . ท่ามกลางบรรยากาศสุดใกล้ชิด ให้ท่านสมาชิกได้เสพสมกับความเป็นกันเอง ทั้ง meet and greet ถ่ายรูป แจกลายเซ็นต์ เล่นเกมกับมายูกิบนเวที พูดคุยและฟังเรื่องราวหลังกล้องของเธอ รวมถึงกิจกรรม Exclusive ที่นางเอกเอวีแห่งยุคจะมาเป็นนางแบบให้แฟนๆ รุมกระหน่ำ…กดชัตเตอร์อย่างใกล้ชิด โดยจำกัดผู้เข้าร่วมแค่รอบละ 10 คนเท่านั้น . ทั้งนี้ มายูกิ อิโตะ เดบิวต์สู่วงการหนังผู้ใหญ่เมื่อปี 2018 กระทั่งฉายแววความแซ่บสะท้านทรวง เฉพาะยิ่งในรูปแบบ VR (การถ่ายทำโดยใช้มุมกล้องแทนสายตา) ที่กระตุกจิตกระชากใจ กระทุ้งราคะจริตเหล่าผู้ชมให้ผงาดง้ำไปตามๆ กัน ถึงขนาดหลายคนยกให้เป็นตัวท็อป VR แห่งยุคสมัย . และแน่นอน อานุภาพความเย้ายวนเซ็กซี่ขยี้ใจของมายูกิ ก็สั่นสะเทือนกามารมณ์แฟนคลับชาวไทยด้วยเช่นกัน จนเป็นอีกหนึ่งรายที่ขึ้นแท่นนางเอก AV ขวัญใจชาวไทยไปในที่สุด การมาเยือนไทยครั้งนี้ เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แฟนๆ อย่างไม่คาดคิด รวมไปถึงรูปแบบการจัด Fanmeet กับดารา AV อย่างเต็มระบบแบบนี้ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในไทย จึงเป็นที่น่าจับตาและเฝ้าดูฟีดแบคอยู่เหมือนกันว่ากระแสจะออกมาเป็นอย่างไร? . เพราะงานลักษณะนี้ หากคนที่ไม่เข้าใจก็อาจมองเป็นเรื่องหื่นกาม แต่สำหรับบางกลุ่มคนก็มองว่าเป็นการรับ-ส่งกำลังใจ ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค เหมือนงานแฟนมีตอื่นๆ . อย่างไรเสีย หากมีการนำดารา AV เข้ามาจัดงานเช่นนี้บ่อยๆ ในบ้านเรา อาจเป็นแรงกระเพื่อมถึงเรื่องกฎหมายสื่อลามกที่มีการพยายามปลดล็อคอะไรกันอยู่ก็อาจจะเป็นได้เช่นกัน . ติดตามรายละเอียดงาน “Mayuki Ito 1st Fan Meeting in Bangkok” ได้ที่ช่องทางของ  UTO event  

อ้ายมาสี่คน! แนะนำ 4 ตัวตึง Inside out 2 ถ้าได้รู้จัก รับรองจะรักเลย …

  ใน Inside out ภาคที่แล้ว นอกจากเราจะได้รู้จักกับเหล่าอารมณ์ทั้ง 5 เรายังได้รู้จักกับ “ปิ๊งป่อง” เจ้าก้อนสายไหมสีชมพูตัวใหญ่ที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าใครเห็นก็ต้องตกหลุมรัก พลางคิดถึงเพื่อนในจินตนาการของเราที่เคยเล่นด้วยกันในวันวาน . วันนี้เราจึงอยากพาไปรู้จักกับอีก 4 ตัวตึงใน Inside Out 2 ที่จะมาเรียกเสียงฮาและความรักของผู้ชม พร้อมชวนให้เรานึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กได้ไม่แพ้กับ “ปิ๊งป่อง” อย่างแน่นอน . >>> แลนซ์ สแลชเบลด (LANCE SLASHBLADE) รักแรกของไรลีย์ <<< แลนซ์ สแลชเบลด คือ ฮีโร่อนิเมะจากวิดีโอเกมที่ไรลีย์เคยแอบชอบ ด้วยลุคผมสีม่วงยาวสลวยพลิ้วไหวตามลม ดวงตากลมโต เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความเท่ห์ แต่มาพร้อมกับจิตใจเศร้าหมอง เพราะท่าไม้ตายสุดอาภัพ “พลังโจมตีเบาหวิวดุจปุยนุ่น” ที่แทบจะไม่สร้างดาเมจให้ศัตรู แต่ก็สามารถปกป้องช่วยเหลือเหล่าอารมณ์ทั้ง 5 ให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ . ไมเคิล โคเม็ต (Michael Comet) ผู้ควบคุมการออกแบบตัวละคร กล่าวถึงการออกแบบตัวละครตัวนี้ไว้ว่า แลนซ์ ได้รับแรงบันดาลใจจากโมเดลตัวละครในหลายเกม เพื่อให้ระลึกถึงตัวละครฮีโร่ในเกม PS2 สมัยก่อน ซึ่งก็ถือว่าตีโจทย์แตกแบบละเอียดยิบ ตั้งแต่ลักษณะของตัวละครที่เห็นได้ชัดเลยว่า “ภาพแตก” อยู่ตัวเดียว ไปจนถึงจังหวะการเดินที่ลื่นไถลไปมา ติดประตูนู้น เหลี่ยมนี้ไม่ถึงจุดหมายสักที แถมปากก็ยังไม่ตรงกับเสียงพากย์อีก “อาภัพจริงๆ เลยตัวละครนี้ … เฮ้อ” … >>> บลูฟฟี่ (BLOOFY) – การ์ตูนพี่หมาม่วงตัวโปรดในวัยเด็ก <<< บลูฟฟี่ (BLOOFY) คือ สุนัขตัวสีม่วงจากรายการการ์ตูน “Bloofy’s House” ที่ไรลีย์ยังคงแอบชอบดูอยู่ ซึ่งเวลาที่บลูฟฟี่พูด เขาจะทำเหมือนกำลังคุยกับเด็กๆ ที่กำลังดูอยู่ทางบ้าน . ในส่วนของการออกแบบ นอกจากแลนซ์แล้ว จะเห็นได้ว่า บลูฟฟี่ เป็นอีกตัวละครที่แตกต่างโดดเด้งออกมาจากตัวละครอื่นด้วยเช่นกัน เพราะ บลูฟฟี่ถูกสร้างขึ้นจากการผสมผสานระหว่าง CG และแอนิเมชัน 2D โดย Sudeep Rangaswamy ผู้ควบคุมวิชวลเอฟเฟ็กต์

ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก! “บุพกาลี” ละครตลกร้าย จากบทละคร “Le Dieu du carnage” โดย ยัสมินา เรซา

บทการแสดงโดย ชลเทพ ณ บางช้าง กำกับการแสดงโดย ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์ ซึ่งสร้างความลือลั่นกับการทำละครเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อนที่โรงละครทองหล่อ อาร์ต สเปซ . กลับมาคราวนี้เตรียมเปิดศึกครั้งใหม่พร้อมนักแสดงชุดเดิมสามคน นั่นคือ ดวงใจ หิรัญศรี รับบท อุมา, ภัทรสุดา อนุมานราชธน รับบท มัทนี และ เกรียงไกร ฟูเกษม รับบท กฤษณ์ พร้อมด้วยสองนักแสดงคนใหม่ที่ไม่ใช่นักแสดงหน้าใหม่ ปาโมช แสงศร (ปราโมทย์ แสงศร)  ในบท วิษณุ สามีของอุมา และ ปริยา วงษ์ระเบียบ . “บุพกาลี” ละครตลกร้ายกาจ ว่าด้วยเรื่องการเจรจาอย่างผู้เจริญ ระหว่างพ่อแม่เด็กที่ลูกรักของทั้งสองฝ่ายตีกัน แต่ดันมีอะไรไปไกลเกินกว่าการเยียวยา เมื่อความไม่พอใจภายในถูกขับออกมาพร้อมด้วยหน้ากากแห่งจริยธรรมที่มุ่งมั่นเรียกร้องให้ผู้อื่นทำตามบรรทัดฐานที่ตนเองต้องการ เตรียมฟาดฟันให้ได้ชมกันแล้วรอบแรกวันที่ 20 มิถุนายนนี้ . ปาโมช แสงศร เผยถึงการทำงานครั้งนี้ให้ฟังว่า “ได้กลับมาทำงานกับ พี่บิ๊ก ดำเกิง ผู้กำกับที่ชักชวนผมให้มาเริ่มต้นในสายงานแสดงทางด้านละครเวที หลังจากที่ไม่ได้เล่นกับพี่บิ๊กตั้งแต่ Dan le noir พี่บิ๊กถือว่าเป็นผู้กำกับที่ผมร่วมงานมากที่สุด  และดีใจที่ได้มาแสดงเรื่องบุพกาลี เพราะเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ผมได้ชมเรื่องนี้ และชอบมาก หวังว่าวันหนึ่งจะได้มาแสดง เพราะนักแสดงต้องแสดงอยู่ทั้งเรื่อง โดยที่ไม่ได้พักและออกไปนอกฉากเลย ก็เป็นเรื่องที่สร้างความท้าทายให้กับนักแสดงทั้งหมดอย่างมาก และเป็นบทประพันธ์ที่สนุกมากครับ” . ด้าน พี่บิ๊ก-ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์ กำกับการแสดงก็ได้แชร์เกร็ดน่ารู้ก่อนมาชมละครเรื่องนี้เอาไว้ว่า 1. ละครเรื่องนี้เคยแสดงมาก่อน เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จำนวน 20 รอบที่ทองหล่อ อาร์ต สเปซ มาคราวนี้แสดงโดยนักแสดงเดิม 3 คน คือ เพียว ดวงใจ หิรัญศรี, เกรียงไกร ฟูเกษม และ บัว

4 เหตุผล ทำไม Inside Out 2 ถึงเป็นภาพยนตร์ทรงคุณค่า ที่ทุกคนบนโลกต้องดู!

  “ตอนนี้ไรลีย์อายุ 13 แล้ว มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อปี 2015 Disney และ Pixar พาให้เราทำความรู้จักกับอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลั้ลลา (Joy) เศร้าซึม (Sadness) ฉุนเฉียว (Anger) กลั๊วกลัว (Fear) หยะแหยง (Disgust) ซึ่งอยู่ภายในความคิดของไรลีย์ แอนเดอร์สัน เด็กหญิงวัย 11 ปีที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ จนกลายเป็นแอนิเมชันยอดเยี่ยมในใจใครหลายคน … วันนี้ Disney และ Pixar พร้อมแล้วที่พาเรากลับเข้าไปในความคิดของไรลีย์อีกครั้ง แต่เป็นในเวอร์ชันที่ไรลีย์เติบโตขึ้น ย่างเข้าสู่วัย 13 ปี วัยแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เราเห็นว่าชีวิตวัยรุ่นเกิดอะไรขึ้นบ้าง … 9 ปี 9 อารมณ์ หลังลั้ลลาทิ้งคำถามไว้พร้อมกับภาพปุ่มสีแดงปริศนา วัยแรกรุ่น (Puberty) มานานหลายปี ต่อภาค 2 ด้วยการเพิ่มคาแรกเตอร์ของอารมณ์ที่ซับซ้อนไปพร้อมกับการแตกเนื้อสาวของไรลีย์ ที่ทำให้ “ศูนย์บัญชาการใหญ่” ต้องเผชิญกับการรื้อถอนขยับขยายพื้นที่อย่างกะทันหัน ต้อนรับการก้าวเข้ามาของ “อารมณ์” ใหม่ๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นว้าวุ่น (anxiety) อิจฉา (Envy), เขิ๊นเขินอ๊ายอาย (Embarrassment) และ เฉยชิล (Ennui) ที่จะมาป่วนอารมณ์ทั้ง 5 . 2.สำรวจความคิด ชีวิตวัยรุ่น ที่ซับซ้อนมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ Inside Out ทำมาได้ดีตลอด ตั้งแต่ภาคแรก ก็คือการเล่าเรื่องของ อารมณ์ กระบวนการทำงานภายในสมองและจิตใจ ที่เป็นเรื่องนามธรรมและวิทยาศาสตร์ มาดัดแปลงสู่ คาแรคเตอร์อารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้าใจได้ง่าย . ด้วยความที่ไรลีย์อายุเพียง 11 ปี แต่ต้องเจอสถานการณ์ที่กระทบความรู้สึก ทำให้การแแสดงอารมณ์และกระบวนการต่าง ๆ ซับซ้อนในระดับหนึ่ง แต่ในภาคนี้ เราจะได้เห็นการเล่าถึงกระบวนการความคิดภายในจิตใจของวัยรุ่นที่ซับซ้อนมากขึ้นไปอีกขั้น . เพราะนอกจากอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 4 ด้านแล้ว

The Boys ss4 ซีรีส์ฮีโร่ตลกลามก แอบหยิกหลังนักการเมือง

  ไม่ต้องรอแล้ว สำหรับซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่สายดาร์กอย่าง The Boys ss4 หลังจากปิดซีซั่น 3 ไปเมื่อสองปีก่อน งานนี้เหล่าแก๊งผู้ล่าฮีโร่ได้กลับมาพร้อมด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม . ทั้งนี้ The Boys นับว่าเป็นซีรีส์ซุปเปอร์ฮีโร่แหกขนบ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2019 ด้วยเนื้อหาที่กวนโอ๊ย ลามก เสียดสี ผิดจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป แต่กระนั้นก็ไม่ทิ้งความซับซ้อน ชิงไหวชิงพริบ ขบเหลี่ยมกันตามประสาหนังแฟนตาซี การกลับมาของซีซั่น 4 ในครั้งนี้ก็ไม่ทิ้งความแสบสัน ทั้งยังมีมุกใหม่ๆ จัดมาให้สมการรอคอย . อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงรายละเอียดของเนื้อเรื่อง จะพบว่ามีการจิกกัด ยั่วล้อ เสียดสี ผู้มีอำนาจหรือนักการเมืองได้อย่างบาดเฉือน เฉพาะยิ่งฝ่ายอำนาจนิยมที่เป็นแกนหลักของเรื่องนี้ ทั้งยังบังเอิ๊ญ…บังเอิญ ออกมาช่วงที่อเมริกากำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีอยู่พอดิบพอดี (รู้เลยว่าตั้งใจแหละ) . และหากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องซึ่งแสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ไร้กฎ ไร้กรอบ แต่ที่สำคัญต้องทำให้ถึง จึงจะสำเร็จ . ลองคิดดูเล่นๆ ว่าถ้าคนไทยเราทำแนวนี้ดูบ้างจะตลกร้ายขนาดไหน… แค่นึกก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ  . สามารถรับชม The Boys ss4 ได้แล้วที่ Prime Video  

HITMAN หนังตลก, John Wick และ Sigmund Freud

  “ผมมีเพื่อนผู้ภักดีคือ id กับ ego” ประโยคเท่ๆ จากหนังฮาๆ อย่าง “Hit Man” ภาพยนตร์เรตติ้งดีที่พึ่งเข้าไทยให้แฟนหนังได้รับชมในโรงภาพยนตร์ . (กล่าวโดยย่อ ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ id เปรียบเสมือนสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ superego เป็นดังระเบียบสังคมที่ห่อหุ้มพฤติกรรม ส่วน ego มีหน้าที่เป็นตาข่ายแห่งมโนธรรมสำนึกที่คัดกรองระหว่าง สัญชาติญาณดิบ และ ระเบียบสังคม) . และถึงแม้ว่าประโยคคูลๆ ข้างต้นนี้ จะเป็นสถานการณ์ที่ตัวเอกในเรื่อง ผู้มีอาชีพหลักเป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา กล่าวถึงแมวสองตัวของเขาที่ตั้งชื่อไว้ว่า id กับ ego (ก็เท่ากับว่าตัวพระเอกเป็น superego ไหมนะ?) . แต่ทว่าเนื้อเรื่องก็ดำเนินขนานไปด้วยแนวคิดทฤษฎีจิตวิเคราะห์อันโด่งดังของ sigmund freud กระทั่งชวนผู้ชมทบทวนถึงการเปลี่ยนแปลงบุคลิกและการผสมผสานระหว่าง จิตสำนึก จิตใต้สำนึก และจิตไร้สำนึก ของตัวละครได้อย่างถึงแก่น เพราะตัวเอกของเรื่องมีอาชีพเสริมเป็นสายลับตำรวจ และต้องปลอมตัวเป็นนักฆ่าล่อซื้อเหยื่อ (มีล้อเลียน John Wick ให้พอขบขัน) และสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา จนเกิดความสับสนและนำไปสู่ความอลเวง . กระนั้นก็ตาม ตัวหนังมิได้มาสอนปรัชญาอันยากแท้หยั่งถึงเกินจะเอ่ย แต่เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะแก่การดูเพลินๆ เสียมากกว่า เพราะบทจะฮาก็ฮา บทจะเกรียนก็เกรียน จะเครียดก็เครียด และบทจะลึกก็ลึกอยู่ . หากจะจัดหมวดหมู่ เรื่องนี้ก็คงเป็นคอมเมดี้ตลกๆ เรื่องหนึ่ง มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เข้าใจง่าย แต่กระนั้นก็สอดประสานทฤษฎีลึกๆ ไปพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเอ่ยถึงชื่อนักปรัชญาคนสำคัญๆ ไว้แบบหยิกแกมหยอกตามสไตล์ นับได้ว่าเป็นกลิ่นไอที่ไม่ค่อยพบเห็นในภาพยนตร์ไทยสักเท่าใด จึงน่าสนใจอยู่ไม่น้อยหากหนังตลกไทยจะดูเป็นแบบอย่าง  

“ใจซ่อนรัก” ช่อง 3 ส่งซีรีส์แซฟฟิค เปิดโลกความรัก ญ-ญ

  หลังช่อง 3 ขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตซีรีส์วาย (Boys Love) อย่างเต็มตัวมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวหันมาขึ้นแท่นเป็นผู้จัด “ซีรีส์แซฟฟิค” หรือซีรีส์เกิร์ลเลิฟ (Girls Love) เองแล้ว . ครั้งนี้ ช่อง 3 เปิดประเดิมด้วยซีรีส์ “ใจซ่อนรัก” -ซีรีส์แซฟฟิคเรื่องแรกที่ช่อง 3 ลงมือเป็นผู้จัดเอง ตั้งแต่ซื้อลิขสิทธิ์จากนิยายในชื่อเดียวกันมาดัดแปลง ไปจนถึงแคสต์นักแสดงเคมีลงตัว อย่างหลิงหลิง คอง และ ออม กรณ์นภัส . การปรับเปลี่ยนขยับมาจับกระแสซีรีส์แซฟฟิคและซีรีส์วายของช่อง 3 ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะช่อง 3 ถือเป็นช่องที่อยู่คู่กับวงการละครไทยมาอย่างยาวนาน การหันมาลงมือเป็นผู้จัดซีรีส์แซฟฟิคในครั้งนี้ จึงอาจสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของช่อง 3 ที่ปรับเปลี่ยนทัศนคติ เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ให้กับทุกความหลากหลาย . และแม้ซีรีส์ยังไม่ออนแอร์ บัตรแฟนมีต “ LINGORM 1st MEET​ “ใจซ่อนรัก The Secret of Us” ”หมดลงเป็นที่เรียบร้อย แถมในบรรยากาศในงานบวงสรวงยังเนืองแน่นไปด้วยเหล่าแฟนคลับที่ส่ง ฟู้ดซัพพอร์ต (Food Support) มาสนับสนุนศิลปินกันกว่า 10 คัน เรียกได้ว่า ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม ทำให้เห็นว่า ซีรีส์แซฟฟฟิคเองก็อาจมีศักยภาพในการให้เป็นที่รู้จักเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับวงการซีรีส์วายไทยมาแล้ว … เรื่องย่อ “ใจซ่อนรัก” (The Secret Of Us) แพทย์หญิง ฟ้าลดา (รับบทโดย หลิงหลิง คอง) ทายาทของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง หลังจากเรียนจบเฉพาะทางด้านผิวหนังกลับมาในสภาพบอบช้ำที่ถูกคนรักทิ้งไป  ก็มุ่งมั่นทำงานโดยไม่คิดจะมีความรักอีก  แต่ด้วยความสวยและฐานะหน้าที่การงานของลดา  ทำให้มีคนมากมายอาสามาดามใจให้  แต่ลดายังคงนึกถึง เอิน (รับบทโดยออม กรณ์นภัส ) อดีตคนรักที่เคยทำลายชีวิตเธอที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโรงพยาบาลและพยายามขอโอกาสกลับมาคืนดีกับฟ้าลดาอีกครั้ง … เส้นทางความรักของพี่หมอกับน้องซุปตาร์จะเป็นอย่างไรต่อไป สามารถติดตามซีรีส์ใจซ่อนรักได้ทุกวันจันทร์ ทางช่อง 3 (เริ่มตอนแรก 24 มิถุนายนนี้ เวลา 22:00 น.)

‘ความทุกข์’ ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’ ชวนดูหนังเทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัยครั้งที่ 13

  “ผู้ลี้ภัยเหมือนกับพวกเราทุกคน มีความฝัน มีความหวัง และต้องการโอกาส เพื่อเติมเต็มศักยภาพความเป็นมนุษย์” . ณ ขณะนี้ ในโลกของเรามีจำนวนผู้ลี้ภัยที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นสูงถึง 114 ล้านคน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ผู้ลี้ภัยทุกคนต่างก็ยังคงเป็น ‘มนุษย์’ ที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ . การสร้างโลกที่ผู้ลี้ภัยได้รับการยอมรับตั้งแต่ระดับชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือระบบสาธารณสุข ไปจนถึงการรณรงค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายให้เกิดการคุ้มครองและสนับสนุนผู้คนที่ถูกบังคับให้หนีได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ . ล้วนเป็น ‘เรื่องสำคัญ’ เพื่อต้อนรับผู้ลี้ภัยได้กลับเข้าสู่สังคมและได้ใช้ชีวิตในฐานะ ‘มนุษย์’ อีกครั้ง . ในทุก 20 มิถุนายนของทุกปี UNHCR จึงก่อตั้งวันผู้ลี้ภัยโลก เพื่อระลึกถึงความเข้มแข็งและความกล้าหาญของผู้ลี้ภัยทั่วโลก พร้อมมุ่งสร้างการตระหนักรู้ให้ผู้คนทั่วโลกเข้าใจถึงความสามารถในการต่อสู้กับปัญหาของผู้ลี้ภัยทั่วโลก ซึ่ง UNHCR ในแต่ละปี แต่ละประเทศจะจัดกิจกรรมในวันนี้แตกต่างกันไป . ในปีนี้  สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประจำประเทศไทย จะจัดงาน “เทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัยครั้งที่ 13 ” ระหว่างวันที่ 15-20 มิถุนายน 2567 ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน . UNHCR ประจำประเทศไทย จะนำภาพยนตร์สารคดีและสารคดีสั้น กว่า 6 เรื่อง มาฉายให้ชมฟรี เพื่อให้ผู้คนในสังคมได้รับชมเสียงสะท้อนแห่งความทุกข์ ความฝันและความหวังของผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่ยังต้องการ ‘โอกาส’ ในการใช้ชีวิต อาทิ … ALLIHOPA: THE DALKURD STORY สารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของทีมฟุตบอลดัลเคิร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวเคิร์ดที่ได้รับโอกาสตั้งถิ่นฐานในประเทศสวีเดน จนไต่อันดับลีคฟุตบอลของสวีเดนได้สำเร็จ และกลายเป็นความภาคภูมิใจของชาวเคิร์ด … NOWHERE TO RUN สารคดีสั้นที่กำกับและถ่ายทำโดย “คุณสิงห์ วรรณสิงห์” จากการไปลงพื้นที่ที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยในประเทศโมซัมบิก … THE ZONE OF INTEREST ภาพยนตร์ระดับออสการ์ที่บอกเล่าความโหดร้ายริมรั้วค่ายนรกผ่านชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดา … นอจากนี้ยังมีภาพยนตร์สารคดีเรื่อง WE DARE TO DREAM, THE

กระบี่จ๋าา พี่มาแล้ววว ทำไม Jurassic world 4 เลือกกระบี่เป็นสถานที่ถ่ายทำ?

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Jurassic world 4 ที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำในเดือนหน้านี้ ได้เลือกจังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ หลังจากมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่อุทยานว่า มีการติดต่อขอใช้สถานที่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์จริง . ส่วนเหตุที่ทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัด ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวผู้กำกับนามว่า Gareth Edwards นี่แหละ เนื่องจากแกเป็นนักท่องโลกคนหนึ่ง และก่อนหน้าที่พี่แกจะมากุมบังเหียนโปรเจกต์ Jurassic world 4 ผู้กำกับชาวอังกฤษผู้นี้ เคยยกกองถ่ายของตน บินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยครั้งหนึ่งแล้ว ในเรื่อง The Creator (2023) . โดยในเรื่องดังกล่าว James Clyne ผู้มีตำแหน่งเป็น Production Designer เคยเปิดเผยไว้ว่า เราใช้โลเคชั่นในประเทศไทยไปราวๆ 60 – 70 แห่ง (We probably had 60-70 different locations) ทั้ง กรุงเทพฯ สังขละบุรี ภูเก็ต กาญจนบุรี พังงา เชียงดาว สามพันโบก สถานีรถไฟ สนามบินสุวรรณภูมิ แอร์พอร์ตลิ้งค์ อิมแพ็ค อารีน่า ฯลฯ และแน่นอนรวมถึงจังหวัดกระบี่ด้วย . ไม่เพียงแค่นั้น James Clyne ยังเพิ่มเติมอีกว่า Gareth Edwards เคยเช่าบ้านพักอยู่ในจังหวัดกระบี่ เป็นบ้านที่สวยงาม อยู่ติดชายหาด มีผาหินขนาดใหญ่อยู่รอบๆ และสถานที่แห่งนั้นเองก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับชาวอังกฤษสร้างสรรค์ภาพยนตร์ The Creator ด้วยเช่นกัน . เช่นนี้แล้ว เมื่อ Gareth Edwards ขึ้นแท่นผู้กำกับภาพยนตร์มหากาพย์ไดโนเสาร์ Jurassic world 4 จึงไม่เกินความคาดหมาย ที่พี่แกจะหวนมารำลึกความหลังยังสถานที่ซึ่งเคยผูกพันมาก่อนในประเทศไทย เฉพาะยิ่งจังหวัดกระบี่ . นับเป็นอีกครั้ง ที่จังหวัดกระบี่เข้ารอบสุดท้ายในการเลือกโลเคชั่นถ่ายทำของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลก หลังจากที่เคยถูกเลือกมาแล้วใน The Beach (2000) , Fast 9 (2021)