Skip links

PR

Tags

BUTTERY WORLD ฉลองวันเกิดหมีเนย “My Buttery Birthday 2025” อย่างอบอุ่น ที่สยามพารากอน

BUTTERY WORLD (บ้านน้องเนย) ที่บริหารโดย อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จัดงาน “My Buttery Birthday 2025” ฉลองวันเกิด “น้องเนย” ขวัญใจแฟนๆ ทั้งในและต่างประเทศ อย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก โดยงานนี้ได้ถูกจัดขึ้นเมื่อ วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความยินดี รอยยิ้ม และแรงสนับสนุนจากเหล่า “มัมหมี พ่อหมี และ พส.” ที่มาร่วมส่งความรักและอวยพรในโอกาสสำคัญนี้ ภายในงาน My Buttery Birthday 2025 น้องเนยได้เตรียมโชว์พิเศษมามอบความสุขให้แฟนๆ อย่างเต็มอิ่ม ทั้งยังมีช่วงเวลาสุดซึ้งเมื่อแฟนๆ ตั้งใจนำภาพความทรงจำอันอบอุ่น ที่ได้ใช้เวลาร่วมกับน้องเนยมาเซอร์ไพรส์อีกด้วย โดยภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำเสนอเพียงในงานเท่านั้น แต่จะถูกนำไปจัดแสดงต่อใน “ห้องแห่งความฝัน” ที่ BUTTERY WORLD ไปจนถึง สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด เปิดเผยว่า BUTTERY WORLD เปิดตัวเมื่อ 24 มกราคม 2568 ภายในแนวคิด “A Magical Journey to Our Buttery World” ที่ได้เนรมิตพื้นที่แห่งความมหัศจรรย์และความอบอุ่น เพื่อเชื่อมโยงน้องเนยและแฟนๆ ทุกเพศทุกวัย โดยทุกคนสามารถมาสัมผัสความน่ารักและความอบอุ่น ที่ BUTTERY WORLD ตั้งอยู่บน ชั้น 5 สยามพารากอน ไปได้ถึง 28 กรกฎาคม 2568 อีกทั้งเดือนกรกฎาคมนี้ แฟนๆ ยังมีโอกาสได้พบและใช้เวลาร่วมกับน้องเนยอีกครั้งใน Meet & Greet

สุกี้-บอย-สมเกียรติ แถลงจัดใหญ่ปลายปี “B.DAY Forever Concert” ฉลอง 20 ปีเบเกอรี่ มิวสิค

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่แฟนเพลงรอคอย! “สุกี้” กมล สุโกศล แคลร์, “บอย” ชีพชนก ศรียามาตย์ และ “สมเกียรติ” อริยะ ชินวัตร ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงในตำนาน Bakery Music และ Dojo City ได้แท็กทีมศิลปินจากทั้งสองค่าย มาร่วมแถลงข่าวงาน Heineken Experience Presents “B.DAY Forever Concert” ที่เตรียมมอบความสุขให้ชาว Bakerian ทุกคนได้ย้อนวันวานไปกับบทเพลงอันเป็นประวัติศาสตร์ที่อยู่ในใจมาตลอด 20 ปี คอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี สร้างสรรค์โดย CI Showbiz โดยแบ่งเป็น: รอบการกุศล: วันที่ 5 ธันวาคม 2568 (บัตรราคา 8,500 / 7,800 / 6,500 / 5,800 / 4,600 / 4,000 / 3,300 / 2,600 บาท) พิเศษ! สามารถออกใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รอบทั่วไป: วันที่ 6-7 ธันวาคม 2568 (บัตรราคา 6,500 / 6,000 / 5,000 / 4,500 / 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 บาท) นี่คือการรวมตัวของศิลปินจากค่าย Bakery Music และ Dojo City ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่จัดเต็มและยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น:
Tags

สวยยกลำ! เมื่อคลินิกความงามเจนใหม่ LABX จับมือสายการบิน Nok Air เปิดตัวแคมเปญสุดว้าว

LABX Clinic คลินิกความงามเจนใหม่ ร่วมกับสายการบิน Nok Air เปิดตัวแคมเปญ “LAB X Nok Air สวยยกลำ” มอบของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ให้ผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศลุ้นรับทรีตเมนต์ความงามฟรีกันแบบยกลำ LABX Clinic คลินิกความงามสำหรับคนทุกเจน ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับสายการบิน Nok Air เปิดตัวแคมเปญ “LABX Nok Air สวยยกลำ” นับเป็นความร่วมมือครั้งแรกในประเทศไทยระหว่างอุตสาหกรรมการบินและคลินิกความงาม ภายใต้แคมเปญนี้ ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเที่ยวบินภายในประเทศของ Nok Air มีสิทธิ์ลุ้นรับทรีตเมนต์ความงามฟรีทั้งลำ จาก LABX Clinic ประกอบด้วยบริการระดับพรีเมียม อาทิ เลเซอร์หน้าใส , โบท็อกซ์ลดริ้วรอย, โปรแกรมยกกระชับหน้า และวิตามินผิวใส พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย แคมเปญนี้ถือเป็นการผสานความร่วมมือที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการความงามและการบินของไทย มุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า พร้อมยกระดับการเดินทางให้เป็นมากกว่าการเดินทางธรรมดา แต่เป็นโอกาสในการดูแลตัวเองด้วยทรีตเมนต์คุณภาพสูง โดยทั้งสององค์กรมีเป้าหมายเดียวกันคือการมอบประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้า ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง Line Official Account: @labxclinic แคมเปญเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พค 2565 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์ LABX Clinic โทร: 098-098-0098
Tags

“ALREADY DEADD TO HELL AND BACK” คอนเสิร์ตโคตรเดือดนรกแตก!

ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ณ MCC HALL THE MALL BANGKAPI กลายเป็นสนามเพลิงแห่งเสียงดนตรี กับคอนเสิร์ต “ALREADY DEADD TO HELL AND BACK” ที่รวม 6 แรปสตาร์ตัวพ่ออย่าง YOUNGOHM, GAVIN D, FIIXD, YOUNGGU, DIAMOND MQT และ NGAZ มาเดือดด้วยกัน พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษมากมาย ทั้ง DABOYWAY, SPRITE, SARAN, 1MILL, NAMEMT, GUNNER, SONOFO, 4BANG, BEN BIZZY, Blackheart และ Birdman 🎤 เปิดเวทีแบบไม่ให้พัก! ประตูฮอลล์เปิดปุ๊บ เหล่าแฟนฮิปฮอปแห่เข้าจับจองพื้นที่แน่น ก่อนระเบิดความมันส์ด้วยเซ็ตเปิดตัวจากแก๊ง “ALREADY DEADD” แบบ Non-Stop 8 เพลงรวด ตามด้วยการแสดง DUO & TRIO SET ที่พาอุณหภูมิความมันส์พุ่งไม่หยุด 🎤 YOUNGGU SET – เปิดตัว Hidden Guest แบบไม่ให้พัก เริ่มด้วยเพลง “วิ่งแบบพี่ตูน” พร้อมเปิดตัว NAMEMT มาร่วมแจมใน “SONG A” ต่อด้วยการเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่จาก DABOYWAY ในเพลง “KALUM (กะหล่ำ)” ปิดเซ็ตด้วยการร่วมเวทีกับ GUNNER ใน “MOUTH 2 MOUTH” และ “CHI MI” 🎤 FIIXD & DIAMOND MQT SET – ฮิปฮอปในเวอร์ชันอคูสติก

เที่ยวคริสต์มาสสไตล์เยอรมัน จิบเบา เคล้าไส้กรอก ชมบอลสดบาเยิร์นแบบฟินๆ

เชิญสัมผัสบรรยากาศสุดฟิน กับตลาดคริสต์มาสสไตล์เยอรมัน ซึ่งปีนี้ สถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย ได้ร่วมกับมูลนิธิวัฒนธรรมไทย-เยอรมัน (Thai-German Cultural Foundation: TDKS) ร่วมส่งมอบความความสุขและความบันเทิงภายในงานคริสต์มาสแสนอบอุ่น ผสานวัฒนธรรมแบบคูลๆ ให้เข้ากับเมืองร้อน ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษและบูธต่างๆ กว่า 50 บูธ 🍽️🥂ลิ้มรสอาหารสุดพิเศษ 🍖🍷 เพลิดเพลินไปกับเมนูตามฤดูกาล อาทิ ไวน์อุ่น คุกกี้ขนมขิง อัลมอนด์อบ หมูอบสไตล์บาวาเรีย เคบับเบอร์ลิน ไส้กรอก ขนมอบแบบเยอรมัน ไอศกรีม และเมนูอาหารในเทศกาลคริสต์มาสจากยุโรปอีกมากมาย ที่รังสรรค์โดยร้านอาหารเยอรมันและไทย ทั้งหมดนี้สามารถรับประทานและดื่มด่ำไปพร้อมกับเบียร์พอลลาเนอร์ ไวน์ หรือแอปเปิ้ลสปริตเซอร์ อันเป็นเครื่องดื่มขึ้นชื่อของเยอรมัน 🎁🎈ลุ้นรับของรางวัล🎊🎉 อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานคือการจับฉลากของรางวัลประจำปี 2567 ด้วยของรางวัลมากมายสำหรับผู้เข้าร่วมงานทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ระลึกจากสโมสรฟุตบอล FC Bayern Munich คอร์สเรียนภาษาเยอรมันฟรี สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และของรางวัลใหญ่คือตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิก จำนวน 2 ที่นั่ง สนับสนุนโดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า 👨‍👩‍👧‍👦🥳ความสนุกสำหรับทั้งครอบครัว🕺🪇 งานนี้มีกิจกรรมหลากหลายเพื่อความเพลิดเพลินของผู้เข้าร่วมงาน ทั้งการแสดงดนตรีสดจากคณะนักร้องประสานเสียงและวงดนตรี รวมถึงกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัว ผู้เข้าร่วมงานสามารถเรียนรู้วิธีประดิษฐ์ของตกแต่งคริสต์มาสและงานฝีมือต่างๆ นอกจากนี้ยังมีไอเดียของขวัญสุดพิเศษ เครื่องประดับ บอร์ดเกม และสินค้าหัตถกรรมอื่นๆ โดยปีนี้ สำหรับคอบอลสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอล FC Bayern Munich กับ FC Heidenheim จากการสนับสนุนของ FC Bayern Munich ส่วนบูธของยาหม่องตราเสือ ก็มาพร้อมให้ความผ่อนคลายด้วยบริการนวดสั้นๆ รวมถึงทาง Audi ยังนำรถรุ่นใหม่อย่าง TT มาให้รับจัดแสดงภายในงาน 🎄🌟ต้นคริสต์มาส🎇🎅 จุดเด่นของตลาดคริสต์มาสปีนี้คือการออกแบบต้นคริสต์มาสด้วยฝีมือของศิลปินไทย คุณวิชชุลดา ปัณฑธานุวงศ์ ผ่านแนวคิดการสร้างสรรค์ผลงานจากขยะพลาสติก เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของความยั่งยืน และชวนตระหนักว่า สิ่งดีๆ สามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งที่ดูไร้ค่า 🧑🏻‍🤝‍🧑🏽🫂ตลาดคริสต์มาสหลอมรวมวัฒนธรรม🎁🔔 ตลาดคริสต์มาสเยอรมัน เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศเทศกาล และสัมผัสเสน่ห์ของฤดูกาลแห่งความสุขด้วยบรรยากาศที่คึกคักและอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่แห่งการพบปะและหลอมรวมวัฒนธรรม ซึ่งผู้คนสามารถมารวมตัวกัน สังสรรค์และดื่มด่ำกับบรรยากาศคริสต์มาส พร้อมค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างประเทศและความเข้าใจทางวัฒนธรรมที่แตกต่างอีกด้วย … 📍
Tags

ครั้งแรกในชีวิต fellow fellow เตรียมขึ้นคอนเสิร์ต I’ll make you proud Concert 30 พ.ย. นี้ ที่ Lido Connect

อยู่ในวงการเพลงมานานถึง 11 ปีแล้ว สำหรับ 2 หนุ่มสุดป๊อป fellow fellow ‘ข้าว-ปณิธิ เลิศอุดมธนา’ (ร้องนำ) และ ‘ที-พิษณุ หทัยพันธลักษณ์’ (ร้อง, กีต้าร์) สังกัด Kicks Records (คิกส์ เรคคอร์ดส) พร้อมปล่อยอัลบั้มแรกในชีวิตของทั้งคู่แล้วมีชื่อว่า ‘PROUD’ วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งในอัลบั้มได้รวมทุกซิงเกิลที่ปล่อยออกมา ฮิตติดชาร์ทมากมาย อาทิ ดาวหางฮัลเลย์ (Halley’s Comet) , ไม่เปลี่ยนเลย (Best Luck) , proud รวมถึงเพลงใหม่ที่ยังไม่ได้ปล่อยอีกด้วย โดยการปล่อยอัลบั้ม ‘PROUD’ ครั้งนี้ ได้มาพร้อมกับคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มด้วยเช่นกันในชื่องาน “I’ll make you proud Concert” มีกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ณ Lido Connect Hall 2 จำนวน 2 รอบการแสดงด้วยกัน ได้แก่ เวลา 14.00 น. และ เวลา 19.00 น. ราคาบัตร 950 บาท จำกัดรอบละ 500 ที่เท่านั้น เปิดจำหน่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ทาง Thaiticketmajor เวลา 10.00น. เป็นต้นไป พิเศษสุดสำหรับ 300 ท่านแรกที่ซื้อ Limited Vinyl ภายในงาน จะได้รับสิทธิ์ signed และถ่ายรูปกับศิลปินแบบ 1:1 (ศิลปินเซ็นหลังจบคอนเสิร์ตรอบ 19.00 เท่านั้น) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจและอินสตาแกรม fellow fellow #IWillMakeYouProudConcert #fellowfellow

Content Project Market เปิดตลาดคอนเทนต์ไทย หมดยุคพายเรือในอ่าง

  “หนังดี มีรางวัล แต่ไม่มีคนดู” “ละครดัง มีคนดู แต่ก็วนอยู่กับที่” ปัญหาสารพัดสารเพของวงการคอนเทนต์ไทย ตลอดจนความเห็นจากหลายทิศหลายทาง จริงบ้าง มั่วบ้าง ปะปนกันไป แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั้นทำให้ศรัทธาของชาวไทยในคอนเทนต์บ้านเกิดเสื่อมสลายไปไม่น้อย เฉพาะยิ่งในยุคสตรีมมิ่งอย่างปัจจุบัน  แต่หากว่ากันตามตรง แท้จริงแล้วคอนเทนต์ไทยในทุกวันนี้ สามารถตีกระแสต่างชาติได้ดีกว่าช่วงก่อนๆ มากนัก ทั้งยอดสตรีมมิ่ง การเข้าฉายต่างประเทศ นำส่งไปยังเทศกาลระดับนานาชาติ รวมถึงการขายลิขสิทธิ์นำไปรีเมค หลายๆ เรื่องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทย อันสามารถฉายแววในเวทีโลกได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ หาช่องทางกันตามมีตามเกิด และกระจัดกระจาย จึงเป็นเหตุผลให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดให้มีการจับคู่ธุรกิจ(business matching) เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์เป็นครั้งแรกของประเทศในชื่อ Content Project Market ภายใต้โครงการ Content Lab 2024  โดย Content Project Market เปิดพื้นที่ให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยได้นำเสนอผลงาน ทั้งบทภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแอนิเมชันของตนเอง รวมไปถึงไอเดีย คอนเซ็ปต์ (Pitch Deck) ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา พรีเซนต์/พิทชิ่งต่อนักธุรกิจ-นักลงทุนในแวดวงอุตสาหกรรมคอนเทนต์ และสตรีมมิงแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 64 บริษัท เพื่อต่อยอดผลงานสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในตลาดคอนเทนต์ต่อไป ทั้งนี้ ยังมีหลักสูตรพัฒนาทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการบ่มเพาะ (Incubation Programs) 4 โครงการ และโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 โครงการ ได้แก่  Content Lab: Newcomers แคมป์สำหรับคนทำหนังและซีรีส์หน้าใหม่  Content Lab: Mid-Career โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และซีรีส์ สำหรับบุคลากรวิชาชีพระดับกลางในสายโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักเขียนบท  Content Lab: Animation เวิร์กช็อปพัฒนาซีรีส์โปรเจ็กต์สำหรับสายงานด้านแอนิเมชันในกลุ่ม Mid-Career และ  Content Lab: Advanced Scriptwriting เวิร์กช็อปพัฒนาการเขียนบทระดับมืออาชีพโดยวิทยากรจากไทยและต่างประเทศ โครงการดังกล่าว นับว่าเป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ ทั้งองคาพยพตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อยกระดับมาตรฐานคอนเทนต์ไทยให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

นับถอยหลังสู่ประเพณีถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต จากวิถีศรัทธาแห่งชุมชน สู่เทศกาลที่นักเดินทางทั่วโลกต้องมาสัมผัส

เตรียมตัวให้พร้อม! เพราะใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาลไฮไลท์ประจำปีของเมืองภูเก็ต “ประเพณีถือศีลกินผัก” ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ หนึ่งในประเพณีสำคัญที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น วัฒนธรรม วิถีชีวิต ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นเมืองเทศกาลของภูเก็ต ซึ่งมีวัฒนธรรมอันรุ่มรวย พร้อมด้วยระบบบริหารจัดการที่เพียบพร้อม เตรียมต่อยอดสู่การเป็นแลนด์มาร์คระดับโลก  จากเมืองเล็กๆ ที่หลอมรวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมประเพณี พร้อมด้วยมาตรฐานการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยแก่งานเทศกาล สู่การยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น ให้เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องลองมาสัมผัสสักครั้ง เรียกว่าเป็นการขับเคลื่อนศักยภาพเมืองภูเก็ตในรูปแบบ more local, more global อย่างแท้จริง ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่พัก โรงแรม รีสอร์ท โครงสร้างพื้นฐาน หรือระบบคมนาคมซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนต่างๆ พร้อมรองรับผู้เข้าร่วมงาน หรือนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วโลก ทั้งนี้ “ประเพณีถือศีลกินผัก” นับว่าสะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจัยทางวัฒนธรรมต่างๆ ที่ประกอบสร้างภาพจำเมืองภูเก็ต ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงวิถีชุมชนอันแตกต่าง หากแต่สอดประสานและอยู่รวมกันเป็นหนึ่ง กระทั่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนภาพแห่งสังคมพหุวัฒนธรรมประจำเมืองภูเก็ต จนกล่าวได้ว่า “ภูเก็ตคือเมืองเทศกาลที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรม” Diversity of Phuket, Diversity of Thailand   ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ถือว่าเป็นหนึ่งในมนต์เสน่ห์แห่งภูเก็ต ซึ่งผสานความแตกต่างเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และหากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เมืองภูเก็ตแห่งนี้ก็สะท้อนแก่นแท้ความเป็นไทยในภาพรวมได้อย่างลุ่มลึก เพราะคอนเซ็ปต์ของความเป็นไทยคงมิใช่อะไรอื่น นอกเสียจากการหลอมรวมความแตกต่างหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน และเมืองภูเก็ตเองก็ผนวกความเป็นพหุวัฒนธรรมในพื้นถิ่นและนำเสนอออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมไทยแบบศาสนาพุทธ หรือวัฒนธรรมชาวมลายูแบบมุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในสังคม ทั้งวัฒนธรรม อาหาร วิถีชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมแบบชิโน-ยูโรเปียน หนึ่งในเอกลักษณ์ของภูเก็ต ซึ่งผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมจีน มาเลเซีย และอิทธิพลทางยุโรปจากโปรตุเกส ดัตช์และอังกฤษ อันสามารถพบเห็นได้ตามย่านเมืองเก่า  โดยเฉพาะยิ่งวัฒนธรรมของชาวจีนฮกเกี้ยน ซึ่งได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในภูเก็ตมากขึ้น ณ ช่วงที่ทางการส่งเสริมให้ทำเหมืองแร่ดีบุก ชาวจีนฮกเกี้ยนจึงถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ส่งผลให้สถานะทางเศรษฐกิจของเมืองภูเก็ตรุ่งเรืองขึ้นจนเป็นหัวเมืองใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาค และอิทธิพลดังกล่าวยังส่งผลต่อศิลปวัฒนธรรมเมืองภูเก็ตในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, สถาปัตยกรรม, ความเชื่อ, รวมถึงวัตรปฏิบัติต่างๆ ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ เมืองภูเก็ตจึงกลายเป็นเมืองเทศกาลระดับโลก ซึ่งโอบรับความหลากหลายทางวัฒนธรรมผ่านการจัดงานประเพณีต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ ประเพณีลอยเรือ งานแข่งขันเรือใบ เทศกาลอาหารทะเล ลอยกระทง เทศกาลผ้อต่อ และไฮไลท์สำคัญของทุกปีที่หลายคนรอคอยนั้นก็คือ “ประเพณีถือศีลกินผัก” ถือศีลกินผัก เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร “ประเพณีถือศีลกินผัก ช่วงแห่งการรักษากายใจให้บริสุทธิ์ ผ่านพิธีกรรมและความศรัทธา” เป็นประเพณีความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดมาจากชาวจีนฮกเกี้ยน ซึ่งมีการจัดขึ้นทุกปี โดยมีวิถีปฏิบัติทั่วไปคืองดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์

MI GROUP เผยข้อมูลเชิงลึก ‘“เคล็ดลับมัดใจผู้บริโภคยุคดิจิทัลด้วยภูธรเอนเตอร์เทน”

ในยุคที่ความสนใจของผู้บริโภคถูกแบ่งซอยย่อยลงเรื่อยๆ  โปรเจ็คล่าสุดของ MI GROUP ในการลงพื้นที่โดยทีม “MI LEARN LAB” เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ สู่การทำการตลาดอย่างมีกลยุทธ์และเข้า-ถึง-ใจผู้บริโภคผ่าน Entertainment & Cultural Marketing กับการศึกษาล่าสุด ‘การตลาดผ่านคอนเสิร์ตหมอลำ’ เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่ทรงพลัง เพื่อการวางแผนกลยุทธ์การตลาดสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในท้องถิ่น นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “วิกฤตโควิด19  เกิดผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงอุตสาหกรรมความบันเทิงท้องถิ่น ณ ปัจจุบันภาพรวมของ Local Culture & Entertainment Activations กลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ    ดังจะเห็นได้จากที่เจ้าของคณะฯ มหรสพภาคอีสาน ลงทุนอย่างสูงเพื่อปรับปรุง การผลิตโชว์ เครื่องแต่งกาย ไฟ เครื่องเสียง ยิ่งเป็นการทำให้ความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลถึงปริมาณจำนวนงานจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 40-45% , จำนวนผู้ชมเพิ่ม 30% ,ปริมาณเงินที่ผู้ชมนำไปจับจ่ายในงานเพิ่ม 40-50% (ซื้อสินค้าที่สปอนเซอร์ตั้งบูธจำหน่ายในงาน และอื่นๆ ) และ ค่าบัตรผ่านหรือทำบุญ เพิ่มขึ้น 20-30%    ในช่วงหลังวิกฤตโควิด19 MI LEARN LAB ประเมินคนในท้องถิ่นทั่วไทยกว่า 20 ล้านคน ทั้งผู้ที่ยังพำนักอาศัยอยู่ในท้องถิ่น และที่ผู้เดินทางไปทำงานต่างภูมิลำเนา ให้ความสนใจและเกี่ยวข้องกับ Local Culture & Entertainment Activations ในวิถีที่แตกต่างกัน ผ่านประสบการณ์โดยตรงและผ่านช่องทางดิจิตัล โดยเฉพาะทางภาคอีสานมีตัวเลขสูงถึงกว่า 10 ล้านคน” นางสาววรินทร์ ทินประภา ประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร กล่าวเพิ่มว่า “การตัดสินใจลงพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้ ทาง MI GROUP ส่งทีมงานมากถึง 60 คนเพื่อร่วมตามหา insight ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ให้กับนักการตลาดและลูกค้าของเรา เราได้เจอข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่ข้อสรุปที่สำคัญคือคอนเสิร์ตท้องถิ่นในยุค 2024 คือการผสมผสานการสร้างประสบการณ์ร่วมกันของวงหมอลำและผู้ชมผ่านทาง on-ground และ online platform ผู้ชมทุก generation ยังคงให้ความสำคัญของการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นนี้

ปิดจบแบบเรียบง่าย คอนเสิร์ตสุดท้ายในชีวิต “ปู พงษ์สิทธิ์ – เล็ก คาราบาว” พี่น้องส้นตีน!

จบลงอย่างประทับใจกับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ คอนเสิร์ตอะคูสติกสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสองพี่น้องตำนานเพลงเพื่อชีวิต “ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ และ เล็ก คาราบาว (ปรีชา ชนะภัย)” ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ถือเป็นคอนเสิร์ตในรอบหลายสิบปีที่ทั้งคู่ขึ้นโชว์ร่วมกัน และพี่เล็กก็ได้พูดในช่วงท้ายของโชว์ว่าคอนเสิร์ตนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเล็ก-ปู ที่จะได้ขึ้นแสดงร่วมกัน  สำหรับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ ถือเป็นการแสดงคอนเสิร์ตอะคูสติก ครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่ทั้งคู่ได้ทำอัลบั้มบันทึกการแสดงสดอะคูสติกในห้องบันทึกเสียง ‘ปลั๊กหลุด’ ได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนเพลง ทำยอดขายได้ถึงล้านตลับ และมีคอนเสิร์ตในปีเดียวกันที่ศาลาเฉลิมกรุง จากนั้นอีก 20 ปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2556 ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมแสดงดนตรีด้วยกันอีกครั้งกับคอนเสิร์ต ปลั๊กหลุด 2 ตอน เสียบปลั๊ก (สดใส… ไม่อึกทึก) ที่ยังคงความอบอุ่น เป็นกันเอง และอีก 11 ปีต่อมา จากคอนเสิร์ต ’ปลั๊กหลุด’ สู่ ‘พี่น้องส้นตีน’ ในปี พ.ศ. 2567 อีกหนึ่งคอนเสิร์ตอะคูสติกแห่งปีที่ให้แฟนๆ ได้ดื่มด่ำกับบทเพลงที่คุ้นเคย ในบรรยากาศที่ใกล้ชิด เต็มอิ่มทั้งโปรดักชั่น แสง สี เสียง แล้วก็ได้เวลาที่สองพี่น้องส้นตีนบรรเลง ทั้งคู่เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกีตาร์โชว์หลากหลายบทเพลงดังของทั้งคู่มาเล่นให้ฟังแบบอะคูสติก อาทิ มาตามสัญญา, วันต่อวัน, ฉันเลือกเอง, สุดใจ, โยโกฮาม่า, ดอกแก้ว และเพลง แม่ จากนั้นก็ถึงช่วงแลกกันร้อง โดย เล็ก คาราบาว หยิบเพลง “ไถ่เธอคืนมา” มาร้องใหม่ในสไตล์ของพี่เล็กเอง ส่วน ปู พงษ์สิทธิ์ ก็นำเพลง ‘คนเก็บฟืน’ มาบรรเลงในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เคยฟัง ต่อด้วยอีกหนึ่งความพิเศษของงาน ‘ลีโอ