Skip links

PR

ปิดจบแบบเรียบง่าย คอนเสิร์ตสุดท้ายในชีวิต “ปู พงษ์สิทธิ์ – เล็ก คาราบาว” พี่น้องส้นตีน!

จบลงอย่างประทับใจกับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ คอนเสิร์ตอะคูสติกสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสองพี่น้องตำนานเพลงเพื่อชีวิต “ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ และ เล็ก คาราบาว (ปรีชา ชนะภัย)” ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 ถือเป็นคอนเสิร์ตในรอบหลายสิบปีที่ทั้งคู่ขึ้นโชว์ร่วมกัน และพี่เล็กก็ได้พูดในช่วงท้ายของโชว์ว่าคอนเสิร์ตนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของเล็ก-ปู ที่จะได้ขึ้นแสดงร่วมกัน  สำหรับงาน ‘ลีโอ พรีเซนต์ คอนเสิร์ต พี่น้องส้นตีน ไลฟ์’ ถือเป็นการแสดงคอนเสิร์ตอะคูสติก ครั้งที่ 3 ของทั้งคู่ นับตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่ทั้งคู่ได้ทำอัลบั้มบันทึกการแสดงสดอะคูสติกในห้องบันทึกเสียง ‘ปลั๊กหลุด’ ได้รับการต้อนรับที่ดีจากแฟนเพลง ทำยอดขายได้ถึงล้านตลับ และมีคอนเสิร์ตในปีเดียวกันที่ศาลาเฉลิมกรุง จากนั้นอีก 20 ปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2556 ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมแสดงดนตรีด้วยกันอีกครั้งกับคอนเสิร์ต ปลั๊กหลุด 2 ตอน เสียบปลั๊ก (สดใส… ไม่อึกทึก) ที่ยังคงความอบอุ่น เป็นกันเอง และอีก 11 ปีต่อมา จากคอนเสิร์ต ’ปลั๊กหลุด’ สู่ ‘พี่น้องส้นตีน’ ในปี พ.ศ. 2567 อีกหนึ่งคอนเสิร์ตอะคูสติกแห่งปีที่ให้แฟนๆ ได้ดื่มด่ำกับบทเพลงที่คุ้นเคย ในบรรยากาศที่ใกล้ชิด เต็มอิ่มทั้งโปรดักชั่น แสง สี เสียง แล้วก็ได้เวลาที่สองพี่น้องส้นตีนบรรเลง ทั้งคู่เดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกีตาร์โชว์หลากหลายบทเพลงดังของทั้งคู่มาเล่นให้ฟังแบบอะคูสติก อาทิ มาตามสัญญา, วันต่อวัน, ฉันเลือกเอง, สุดใจ, โยโกฮาม่า, ดอกแก้ว และเพลง แม่ จากนั้นก็ถึงช่วงแลกกันร้อง โดย เล็ก คาราบาว หยิบเพลง “ไถ่เธอคืนมา” มาร้องใหม่ในสไตล์ของพี่เล็กเอง ส่วน ปู พงษ์สิทธิ์ ก็นำเพลง ‘คนเก็บฟืน’ มาบรรเลงในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เคยฟัง ต่อด้วยอีกหนึ่งความพิเศษของงาน ‘ลีโอ
Tags

BIG MOTOR SALE 2024 ยกโชว์รูมมาขายที่ไบเทคบางนา

ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดงาน “บิ๊กมอเตอร์เซล 2024” เปิดมิติใหม่สุดตื่นตา จัดทัพโชว์รูมแบรนด์ดัง นำยนตกรรมโมเดลล่าสุดร่วมจัดแสดงครบครัน ทั้งรถยนต์ รถอเนกประสงค์ ยานยนต์ไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ ตอบโจทย์งานแสดงยานยนต์ที่ให้ความสะดวก..สบาย สามารถเลือกได้ครบตรงใจในที่เดียว พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ตลอด 10 วัน ตั้งแต่ 23 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ที่ ไบเทค บางนา    นายจรวย ขันมณี  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยานยนต์สแควร์ กรุ๊ป จำกัด และประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน เผยว่า “…เพื่อขานรับกระแสการเปิดตัวยานยนต์รุ่นใหม่จากหลากหลายแบรนด์ที่เข้าร่วมในปีนี้จึงเนรมิตพื้นที่จัดงานเป็นโชว์รูมขนาดใหญ่ ให้ผู้สนใจได้เลือกชมเลือกซื้ออย่างสะดวกสบาย โดยในงานปีนี้มีโชว์รูมยานยนต์ชั้นนำกว่า 30 แบรนด์ เช่น  ROLLS-ROYCE, BYD, HONDA, MG, SUZUKI, BMW, MINI, AION, NISSAN, TOYOTA, NETA, MITSUBISHI, MERCEDES-BENZ, FORD, MASERATI, KIA,   HYUNDAI, CHANGAN, ZEEKR, VOLVO, XPENG, PEUGEOT, PORSCHE, JEEP, ASTON MARTIN, VOLT, WULING, DEEPAL, VINFAST,    แบรนด์มอเตอร์ไซค์เช่น HONDA,  YAMAHA,  BMW  Motorrad,   ROYAL ENFIELD,   BENELLI,   DECO,   SUPER SOCO,   KEEWAY,  FELO,   HUSQVARNA,   RAPID, EM BIKE

“สงกรานต์ 21 วัน” ประชาสัมพันธ์ห่วย หรือเพราะอะไร? จะดีกว่านี้ไหมถ้ามี…?

สงกรานต์ปีนี้ผ่านพ้นไปอย่างคึกคักในหลายพื้นที่ คงต้องชื่นชมหลายฝ่ายซึ่งมีส่วนผลักดัน water fest ให้พิเศษมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่เดี๋ยวก่อน… กระแสตอบรับจากชาวไทยใช่ว่าจะมีคำชมเพียงอย่างเดียว เพราะแม้ “สงกรานต์ 21 วัน” จะลุล่วงไปแล้ว แต่ความฉงนสงสัยในนโยบายก็ยังเป็นสิ่งที่คาใจใครหลายคน รวมถึงชาวต่างชาติด้วย ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามตอบโต้ว่า เนื่องจากงบยังไม่ออก ปีนี้จึงไม่อาจทำอะไรได้มากเท่าที่คิด ทว่าปัญหาที่แท้อาจไม่ใช่เรื่องงบประมาณ หากแต่เป็นเรื่องของการสื่อสารที่ยัง ‘ทำไม่ถึง’ และ ‘ขาดเอกภาพ’ เสียมากกว่า ฉะนั้นแล้ว เรามาช่วยกันคิดหน่อยว่า ในแง่การสื่อสาร รัฐบาลควรทำอย่างไรให้ดีกว่านี้ แม่นยำกว่านี้ และมีประสิทธิภาพกว่านี้ อาทิเช่น จะดีกว่านี้ไหมถ้ามี “ผู้นำทางการสื่อสาร”   แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่างานนี้อยู่ในการกำกับดูแลของ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” แต่ทว่าบทบาทการเป็นผู้นำทางการสื่อสารอาจจะยังไม่เด่นชัดนัก เพราะเมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน การสื่อสารแคมเปญก็กระจายไปยังหลายฝ่าย ซึ่งข้อเสียคือประชาชนไม่รู้ว่าจะฟังใครดี? ลองนึกถึงตอนที่เรื่อง digital wallet กำลังฝุ่นตลบกันอยู่ ครานั้นนายกเศรษฐาก็พูดเสียงดังฟังชัดเลยว่า ต่อแต่นี้ขอให้ “ฟังผมคนเดียว” หรือแม้แต่ช่วงที่มีวิกฤตโควิด-19 นายกประยุทธ์ ก็แถลงการณ์เองทุกวัน เหล่านี้คือการเล่นบท ‘ผู้นำทางการสื่อสาร’ ให้ประชาชนได้รับรู้ ทว่าสำหรับนโยบาย “สงกรานต์ 21 วัน” พอเข้าเดือนเมษายน “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ก็กลายเป็น ‘ผู้นำล่องหน’ ไปอย่างน่าเสียดาย ถ้ามีใครสักคนในรัฐบาลเล่นบท ‘ผู้นำทางการสื่อสาร’ ป้อนข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนอยู่เป็นระยะๆ ก็คงไม่ต้องปล่อยให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเสียเวลาสืบหาข้อมูลมากดังที่ผ่านมา จะดีกว่านี้ไหมถ้า “มี road map ที่ชัดเจนกว่านี้”    1 เมษายน คือ Day 1 ของ “สงกรานต์ 21 วัน” แต่มีประชาชนไทยสักกี่คนกันเชียวที่รู้ว่ามีอีเว้นท์ที่ไหน? อย่างไรบ้างในวันแรก? และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชาวต่างชาติ เพราะผลลัพธ์ที่เห็นกันก็คือ ไวรัลหนุ่มจีนขัดปืนเก้อ ไม่เจอน้ำแม้แต่หยดเดียว ยืนเปลี่ยวกลางอโศก แค่นี้ก็สะท้อนถึงการประชาสัมพันธ์แผนที่เส้นทางการเล่นน้ำที่ยังสร้างการรับรู้ได้ไม่เพียงพอเป็นอย่างดี ซึ่งของแบบนี้มีหรือที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะทำไม่ได้?   จะดีกว่านี้ไหมถ้า “มีช่องทางสื่อสารเป็นหลักแหล่ง”  บางเทศกาลในต่างประเทศ เขาจัดเล็กกว่าเรา แต่เขายังมีเว็บไซต์ มีเพจ มียูทูบให้ได้ติดตามดูความเคลื่อนไหว รวมถึงการรวบรวมข้อมูล แต่เรื่องนี้พอจะเข้าใจได้ว่างบประมาณยังไม่ออก เอาเป็นว่าปีหน้าค่อยมาตัดสินอีกทีละกัน

“หอแต๋วแตก” สุดยอดภาพยนตร์จดหมายเหตุที่ไม่เหมือนใคร (และไม่มีใครกล้าเหมือน!)

เป็นไวรัลอีกแล้วววว  สำหรับภาพยนตร์เรื่อง   “หอแต๋วแตก”  ของผู้กำกับมือถึงไม่ต้องพึ่งบทอย่าง   “พชร์ อานนท์”   ที่เดิมที เหมือนจะปิดกล้องไปแล้วสำหรับ “หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด” ภาพยนตร์ในซีรีส์หอแต๋วแตกที่  “พี่พชร์” ประกาศว่าจะเป็นภาคสุดท้าย (The Finale) ในวาระครบรอบ 17 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวภาคแรก แต่มิวาย เมื่อมีกระแส “วันกะเทยผ่านศึก” อันเป็นวันประกาศศักดาของกะเทยไทย เช่นนั้นเอง ผู้กำกับระดับขุ่นแม่อย่างพี่พชร์ก็ไม่นิ่งดูดาย รีบโพสต์ประกาศหานักแสดง และหยิบกล้องยกกองไปถ่ายทำเพื่อเพิ่มซีนดังกล่าวเข้าไปในหนังกันแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า คือพึ่งเป็นข่าวไปได้ไม่ทันไร รุ่งขึ้นแกก็โพสต์หานักแสดง และวันต่อมาก็ยกพลไปถ่ายทำ พออีกวันบอกตัดต่อเสร็จสรรพ พร้อมส่งให้กองเซ็นเซอร์ตรวจทานแล้วด้วย อย่างไรก็ดี “พี่พชร์” ได้ชี้แจงว่า ในการถ่ายทำ ตนระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่ได้สนับสนุนความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เตรียมพบฉาก “สุขุมวิท 11” ได้ในวันที่ 14 มี.ค. ที่จะถึงนี้ในโรงภาพยนตร์ได้เลย   งานโปรดักชั่นที่เร็ว..แรง..ทะลุนรก ยิ่งกว่าหนัง The Fast ทุกภาคมารวมกันแบบนี้ คงไม่มีใครทำได้หรือกล้าทำ ถ้าไม่ใช่ “พชร์ อานนท์” นับว่าเป็นการทำงานที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยเลยก็ว่าได้ กระนั้นก็ตาม แฟนๆ ภาพยนตร์บางท่านก็ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำงานที่เน้นความฉับไว แต่ไร้คุณภาพหรือไม่? สำหรับประเด็นนี้ ผู้กำกับอดีตนักปั้นมือทองได้กล่าวอีกว่า “หนังเราไม่สุกเอาเผากินแน่นอน อย่างน้อยโปรดักขั่นหนังเราก็ไม่แพ้ใครอยู่แล้ว การใช้เวลาในการทำงานมันไม่ได้อยู่กับจำนวนวันที่ทำ แต่มันอยู่ที่ว่าคุณพร้อมและมีความชำนาญแค่ไหนต่างหาก” “บอกตรงนี้ว่า หอแต๋วแตกภาคนี้ไม่มีคำว่าเละ ถึงจะมีฉากสุขุมวิท 11 อยู่ด้วยก็ตาม อย่าดูถูกคนทำหนัง 32 ปี”   การหยิบยกไวรัลที่เกิดขึ้นมาใช้เป็นองค์ประกอบในหนัง ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ตามแบบฉบับ “พชร์ อานนท์” ทั้งไวรัลในไทยหรือต่างชาติ และที่สำคัญ “หอแต๋วแตก” เรียกว่าเป็นหนังที่ถูกจริตคนไทยจำนวนไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้ถึง 17 ปี  และหากลองคิดๆ ดู ถ้าปิดตำนาน “หอแต๋วแตก” ไปแล้ว จะมีภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนกล้าทำแบบนี้อีกบ้าง ถึงแม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างเป็นธรรมดา ทว่าแต่ละมุขก็เป็น “มีมระดับตำนาน” มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น “หล่อนมีพิรุธอีกแล้วนะ”

โคราช ขอต้อนรับ งานมหกรรมพืชสวนโลก หรือ “โคราช เอ็กซ์โป 2029” – Korat Expo 2029

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (The International Association of Horticultural Producers – AIPH) ประกาศให้สิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo)  หรือ “โคราช เอ็กซ์โป 2029” หลังจากทางคณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ ได้ลงพื้นที่ติดตามรับฟังข้อมูลจากตัวแทนภาครัฐและเอกชน ณ ที่ดินป่าสาธารณประโยชน์โคกหนองรังกา  ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อคณะกรรมการฯ  พิจารณาเห็นชอบตามองค์ประกอบ และเงื่อนไขที่กำหนด  จึงอนุมัติให้สิทธิ์แก่เมืองโคราชเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ด้วยวงเงินงบประมาณการดำเนินงาน 4,280 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีของประเทศไทยชุดที่แล้วได้อนุมัติไป บนพื้นที่จัดงานกว่า 678 ไร่  ระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน 2572 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2573 รวมทั้งสิ้น 110 วัน โดยงานนี้ จัดภายใต้แนวคิด “ธรรมชาติและพรรณพืชเขียวขจี อนาคตแห่งโลกสีเขียว” (Nature & Greenery: Envisioning the Green Future) โดยจุดมุ่งหวังของการจัดงานในทางตัวเลข มีดังนี้ คาดหวังผู้เข้าชมงานราวๆ 2.6 – 4 ล้านคน ประมาณการเงินสะพัดกว่า 18,942 ล้านบาท หวังเพิ่มมูลค่า GDP 9,163 ล้านบาท และอาจก่อให้เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี 3,429 ล้านบาท รวมถึงอัตราสร้างงาน 36,003 อัตรา อีกทั้งอานิสงส์ดังกล่าว ยังแผ่ไปถึง 16 อำเภอใกล้เคียงด้วย   การคว้าสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมระดับโลก อาจจะสามารถยกระดับจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นเมืองต้นแบบด้านนวัตกรรมสีเขียวในอนาคต ตามที่ สยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวในฐานะเมืองเจ้าภาพไว้ว่า ขอขอบคุณรัฐบาล นายกรัฐมนตรี กรมวิชาการเกษตร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ

วธ.ล็อคมง “แอนโทเนียน โพซิ้ว” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สงกรานต์ไทยปีนี้

กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มอบมงล็อคตำแหน่ง “แอนโทเนีย โพซิ้ว” –  รองชนะเลิศมิสยูนิเวิร์ส 2023 ให้เป็น “นางมโหธรเทวี”  นางสงกรานต์ ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสที่องค์การยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เพื่อร่วมสืบสาน รักษา และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาประเพณีสงกรานต์ของประเทศไทยให้คงอยู่ต่อไป ภายใต้นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ “สร้างเสน่ห์วิถีไทย ครองใจคนทั้งโลก” ที่มุ่งหวังผลักดันให้ไทยเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับโลก ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนและชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ในแต่ละปี ชื่อ ลักษณะการแต่งกายและลักษณะท่าทางของ นางสงกรานต์ จะแตกต่างกันตามวันและช่วงเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนสู่ราศีเมษ ซึ่งในปี 2567 วันสงกรานต์ ตรงกับ วันเสาร์ ที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ในช่วงค่ำ-เที่ยงคืน นางสงกรานต์ในปีนี้จึงชื่อว่า “นางมโหธรเทวี” โดยจะทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว (ดอกผักตบชวา) สวมใส่แก้วนิลรัตน์ ทรงจักรที่พระหัตถ์ขวา ทรงตรีศูลที่พระหัตถ์ซ้าย นอนลืมตาเหนือหลังเทวราชพาหนะ คือ มยุรา (นกยูง)   ในเวลาต่อมา @ภูษาผ้าลายอย่าง ออกมากล่าวถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุดนี้ผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า “ครั้งนี้ ภูษาผ้าลายอย่าง ออกแบบอ้างอิงตามประติมากรรม “อับเฉาเรือ” ในสมัยอยุธยา  ซึ่งเป็นไปตามศิลปนิยม “งามอย่างเทวสตรี” ผสานเข้ากับจินตนิยมของผู้ออกแบบ และผู้สวมใส่  ที่ต้องการให้เห็นถึงความสง่างาม แสดงถึงพลังที่มีอยู่ภายในของสตรีเพศ   จึงได้นำความงามที่หลากหลายของการแต่งกายในสมัยอยุธยา มาร้อยเรียงขึ้นเป็นชุดนี้” “โดยสวมศิราภรณ์ อันเรียกว่า “เทริด” เครื่องประดับศรีษะของชนชั้นสูง พร้อมด้วยใส่อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ (เครื่องประดับอัญมณีสีดำหรือบางตำราว่าสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ) นุ่งผ้าลายอย่าง  “ลายสร้อยสามหาว”  สีม่วงดอกผักตบ ที่ออกแบบรังสรรค์ขึ้นใหม่ โดย อ.ธนิต พุ่มไสว (ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ภูษาผ้าลายอย่าง”)  เพื่อให้เป็นลวดลายเฉพาะสำหรับนางสงกรานต์ประจำปีนี้” พร้อมห่มสไบแพรญวนสีม่วงดอกสามหาว ทับด้วยผ้า “สะพัก”ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแย่งด้วยการปักดิ้นข้อถมดิ้นโปร่งประดับปีกแมลงทับ และตรึงโลหะชุบทองลงยาลายประจำยามใบเทศ ถือมาลัยครุยดอกรัก เพิ่มความอ่อนช้อยให้เทวสตรีผู้สวมใส่ ในส่วนของผ้านุ่งและเครื่องประดับที่ แอนโทเนีย สวมใส่ต่างเป็นส่วนที่ถูกรังสรรค์ด้วยช่างมากฝีมือ โดย ผ้านุ่ง “ลายสร้อยสามหาว“ ที่นำดอกสามหาว(ดอกผักตบ) ดอกไม้ประจำนางมโหธรเทวี มาผูกลายขึ้นใหม่ 

สยาม พารากอน ปักหมุดเวทีแฟชั่นโลก ยกขบวนแบรนด์หรูสู่รันเวย์ “World Fashion Trend Spring/Summer 2024”

ก่อนหน้านี้ เราเห็นเหล่าเซเลบริตี้คนดังไปร่วมงานแฟชันระดับโลก ทั้งยังได้เป็นเฟรนด์ ออฟ แบรนด์ และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของลักชูรี่แฟชั่นระดับโลกแล้ว  วันนี้ ถึงคิวของเหล่าเซเลบริตี้ไทยได้กลับมาเดินเฉิดฉายอวดลุคลักชูรี่แฟชั่นไทยกันแล้ว สยามพารากอน ผนึกกำลัง สยามเซ็นเตอร์ และ สยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมด้วย ธนาคารกสิกรไทย จัดงานแฟชั่นอีเว้นท์สุดอลังการ “World Fashion Trend Spring/Summer 2024” ยกขบวนเหล่านางแบบนายแบบ และเซเลบริตี้ร่วมอัพเดทคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนใหม่ล่าสุดแห่งปี 2024 จากลักชูรี่แบรนด์ระดับโลก ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน เพื่อตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางแห่งลักชูรี่แฟชั่นระดับโลกที่ครบครันที่สุด เซเลบริตี้แนวหน้าของวงการยกขบวนมาร่วมเป็นแขกคนสำคัญ และร่วมเดินแบบอวดแฟชั่นลุคสุดล้ำ จากแบรนด์แฟชั่นทั้งไทยและเทศ ในสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ ไม่ว่าจะเป็น ไบรท์-วชิรวิชญ์ ชีวอารี ในลุคจาก Burberry, ริว-วชิรวิชญ์ วัฒนภักดีไพศาล ในลุคจาก Fendi, บลู-พงศ์ทิวัตถ์ ตั้งวันเจริญ ในลุคจาก Prada, ฟรีน สโรชา ในลุคจาก Givenchy, จูเน่ เพลินพิชญา ในลุคจาก Miu Miu, หนุ่มๆ วง BUS อย่าง ภีม-วสุพล พรพนานุรักษ์ ในลุคจาก Saint Laurent , ขุนพล-ปองพล ปัญญามิตร ในลุคจาก Off-White และ ภู-ธัชชัย ลิ้มปัญญากุล ในลุคจาก Coach และอื่น ๆ อีกคับคั่ง พร้อมด้วย แรปเปอร์ชื่อดัง โต้ง TWOPEE – พิทวัส พฤกษกิจ ในลุคจาก Balenciaga ที่มาร่วมสร้างบรรยากาศเติมสีสันด้วยเสียงเพลง ให้การอัพเดทลุคใหม่ประจำฤดูกาลนี้สนุกสนานน่าประทับใจยิ่งกว่าที่เคย   เทรนด์แฟชั่นประจำฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปี 2024 นี้ ทางฝั่งแฟชั่นหญิง นำเสนอสไตล์ “Transparency” ด้วยเนื้อผ้าโปร่ง บาง ใส เผยให้เห็นความงามของสรีระด้านในแบบ

Mida แท็กทีมพาร์ทเนอร์ เปิดตัวสู่อุตสาหกรรมเพลงครบวงจร

เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2567 ณ โรงแรมไมด้า ดอนเมือง มีงานเปิดตัว MIDA Entertainment Group ซึ่งเป็นการขยายตัวทางธุรกิจ โดยผนึกกำลังกับพัธมิตรรอบด้าน อาทิเช่น ค่ายเพลงอย่าง ไทบ้าน, เซิ้ง มิวสิก, ค่าย พาราฮัท มิวสิก, ค่าย บ้านสิงห์ มิวสิก และอื่นๆ รวมถึง บริษัทอุปกรณ์เครื่องเสียง และบริษัทจัดเก็บหรือถือครองลิขสิทธิ์เพลงในเครืออีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์เพลงลูกทุ่ง เพื่อชีวิต อินดี้ สตริง ฯลฯ จำนวนทั้งหมดกว่าสองล้านเพลง อีกทั้งยังมีการป้อนผลงานใหม่ๆ จากศิลปินในสังกัดภายใต้ยูนิตที่ชื่อ Uparty MIDA Entertainment Group ภายใต้การบริหารงานโดย อำนาจ ตันกุริมาน ซึ่งมุ่งหวังให้เกิดระบบการดูแลลิขสิทธิ์ที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งสถานประกอบการ บริษัทจัดเก็บและผู้ถือครองลิขสิทธิ์ รวมถึงผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลง โดย อำนาจ ตันกุริมาน ได้กล่าวไว้ในงานเปิดตัวว่า เรามีประสบการณ์ในหลายๆ ด้าน เราทำงานบนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย “เราจะไม่มีศัตรู” และในอนาคตเมื่อเราแข็งแรง เราก็จะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ยังมีการสนธิกำลังกับ ไทบ้านสตูดิโอ และ เซิ้ง มิวสิก รวมถึงบริษัท บ้านสิงห์แฟมิลี่ ซึ่งเป็นตัวแทนของค่ายเพลงฝั่งอีสานอินดี้ ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ MIDA Entertainment Group   นอกจากนี้ ยังมีบริษัท พาราฮัท มิวสิก ซึ่งมี ทิวากร แก้วบุญส่ง เป็นกรรมการผู้บริหาร และเป็นตัวแทนจากแดนปักษ์ใต้ โดย ทิวากร ได้กล่าวถึงการร่วมงานกับ MIDA Entertainment Group ไว้ว่า ผมเป็นตัวแทนพี่น้องจากปักษ์ใต้ ผมร่วมงานกับ MIDA มาสองปีกว่า ทั้งเรื่องการดูแลผลงานเพลง และการจัดกิจกรรม เพราะตอนนี้ที่ปักษ์ใต้มีปัญหาเรื่องการจับลิขสิทธิ์ มีน้องๆ หลายคนที่โดนทำลายความฝันไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งเราสามารถให้ความรู้ที่ถูกต้อง ทั้งยังเป็นการเอื้อเฟื้อแก่พี่น้องชาวปักษ์ใต้ด้วย มากไปกว่านั้น

1 มิถุนา มาแน่ Bangkok Pride Festival 2024: Celebration of Love เตรียมฉลองสมรสเท่าเทียมให้กระหึ่มกรุงเทพ

ภาพความประทับใจของฝูงชนนับหลายหมื่นที่ร่วมเดินขบวนในงาน Bangkok Pride Parade  2023 กำลังจะกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นการกลับมาในแบบที่รับรองได้ว่าสุดปังอลังการกว่าที่เคย นับถอยหลังเตรียมตัวให้พร้อมกับ “Bangkok Pride Festival 2024: Celebration of Love” เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา “Bangkok Pride Festival 2024” จัดงานแถลงข่าวสปอยล์ความน่าตื่นเต้นที่เราจะได้เห็นในปีนี้ ซึ่งจะเกิดจากความร่วมมือของ นฤมิตไพรด์และกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคมและภาคเอกชน ร่วมกันเนรมิตถนนพระราม 1 ให้กลายเป็น “ถนนสีรุ้ง” – พื้นที่สร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมแห่งความเท่าเทียมสำหรับ LGBTQIAN+ ทั่วทุกมุมโลก  ภายใต้แนวคิด “Celebration of Love” เพื่อนับถอยหลังสู่การเฉลิมฉลองการใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในปี 2024 และขับเคลื่อนให้เยาวชน LGBTQIAN+ เป็นตัวแทนนำเสนอภาพความพร้อมและคุณสมบัติของประเทศไทยที่พร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Bangkok World Pride ปี 2030 “วาดดาว – อรรณว์ ชุมาพร” – ประธานและผู้ก่อตั้ง นฤมิตไพรด์ กล่าวว่า บางกอก ไพรด์ เฟสติวัล 2024 (Bangkok Pride Festival 2024)” จะยังคงยึดเจตนารมณ์การเป็นเวทีที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ความหลากหลายและความรักที่ไม่มีข้อจำกัด เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับในสังคม  “การจัดงาน Bangkok Pride Festival 2024 มีแกนหลัก คือ การสนับสนุนและผลักดันให้มีการยอมรับสมรสเท่าเทียมในสังคมไทย หากกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นปี 2567 นี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อนุญาตให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมาย เสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศและสอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน”  “ปีนี้ (นฤมิตไพรด์) จึงจัดในธีม Celebration of Love : นับถอยหลังพร้อมกันเพื่อสมรสเท่าเทียมด้วย อยากให้เคาท์ดาวน์ไปพร้อมๆ กัน ด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อความหมาย ความหวัง ความพยายาม สนับสนุนและผลักดันให้กฎหมายสมรสเท่าเทียมกลายเป็นความจริง และเกิดการยอมรับในสังคมไทย” “พร้อมตั้งเป้าเข้าร่วมเป็นเครือข่าย Rainbow Cities

#ดูลิเกเท่จะตาย ชวนดูลิเกแบบจอสระอึ้ง จึ้งเกิ๊น!

2-3 มีนาที่ผ่านมา “สยามเซ็นเตอร์” ยกโรงลิเกมาไว้ใจกลางสยาม ปลุกกระแส #ดูลิเกเท่จะตาย พร้อมพานักแสดงนำจากซีรีส์ “ขอเป็นพระเอกในหัวใจพระเอก?”  ซาเล้ง พิชญ์ธีร์ คล้ายมงคล, อิน อินทัช กูรมะสุวรรณ และแขกรับเชิญพิเศษ จิรัฎฐ์ คล้ายมงคล (เบิร์ดเดย์ ศรทอง), และ ธนัชชา ต่ายคำ (น้องปอย ลูกท่าเรือ) มาตั้งวงแสดงลิเกให้แม่ยก พ่อยกส่งเสียงเชียร์ทั่วเอเทรี่ยม 1 สยามเซ็นเตอร์  นับเป็นมิติใหม่แห่งวงการซีรีส์ที่เริ่มนำ “การแสดงลิเก” มาถ่ายทอดในมิติที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยซีรีส์ “ขอเป็นพระเอกในหัวใจพระเอก” ดัดแปลงมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน ของ P.PICHA บอกเล่าเรื่องราวของพระเอกหนุ่ม “แจ็ค ธีรดนย์” (รับบทโดย อิน อินทัช) ที่ต้องมาเรียนลิเกจากพระเอกลิเกชื่อดัง “จา จมากร” (รับบทโดย ซาเล้ง พิชญ์ธีร์ )  แค่หน้าปกก็เรียกได้ตรงปกสุดๆ เพราะในชีวิตจริง ซาเล้ง เองก็เป็นหนึ่งในพระเอกลิเกเสียงใสขวัญใจแม่ยกที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ หยกขาว ศรทอง เข้ามาเพิ่มความน่าติดตามให้เรื่องนี้ไปอีกขั้น    สามารถรับชมการแสดงลิเกสดย้อนหลัง ได้ที่  https://www.facebook.com/YimyaiStudio  https://www.facebook.com/SiamCenter/posts/pfbid0nUQv7gfh2nHZFmN5qN7VSwjcztBjbgxidGypE6bLNHyLxHFfUfSmKe3xZ5KfsK7fl