Skip links

Soft Power News

‘ความทุกข์’ ‘ความฝัน’ และ ‘ความหวัง’ ชวนดูหนังเทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัยครั้งที่ 13

  “ผู้ลี้ภัยเหมือนกับพวกเราทุกคน มีความฝัน มีความหวัง และต้องการโอกาส เพื่อเติมเต็มศักยภาพความเป็นมนุษย์” . ณ ขณะนี้ ในโลกของเรามีจำนวนผู้ลี้ภัยที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่นสูงถึง 114 ล้านคน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ผู้ลี้ภัยทุกคนต่างก็ยังคงเป็น ‘มนุษย์’ ที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ . การสร้างโลกที่ผู้ลี้ภัยได้รับการยอมรับตั้งแต่ระดับชุมชน โรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือระบบสาธารณสุข ไปจนถึงการรณรงค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายให้เกิดการคุ้มครองและสนับสนุนผู้คนที่ถูกบังคับให้หนีได้มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ . ล้วนเป็น ‘เรื่องสำคัญ’ เพื่อต้อนรับผู้ลี้ภัยได้กลับเข้าสู่สังคมและได้ใช้ชีวิตในฐานะ ‘มนุษย์’ อีกครั้ง . ในทุก 20 มิถุนายนของทุกปี UNHCR จึงก่อตั้งวันผู้ลี้ภัยโลก เพื่อระลึกถึงความเข้มแข็งและความกล้าหาญของผู้ลี้ภัยทั่วโลก พร้อมมุ่งสร้างการตระหนักรู้ให้ผู้คนทั่วโลกเข้าใจถึงความสามารถในการต่อสู้กับปัญหาของผู้ลี้ภัยทั่วโลก ซึ่ง UNHCR ในแต่ละปี แต่ละประเทศจะจัดกิจกรรมในวันนี้แตกต่างกันไป . ในปีนี้  สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประจำประเทศไทย จะจัดงาน “เทศกาลภาพยนตร์ผู้ลี้ภัยครั้งที่ 13 ” ระหว่างวันที่ 15-20 มิถุนายน 2567 ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน . UNHCR ประจำประเทศไทย จะนำภาพยนตร์สารคดีและสารคดีสั้น กว่า 6 เรื่อง มาฉายให้ชมฟรี เพื่อให้ผู้คนในสังคมได้รับชมเสียงสะท้อนแห่งความทุกข์ ความฝันและความหวังของผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่ยังต้องการ ‘โอกาส’ ในการใช้ชีวิต อาทิ … ALLIHOPA: THE DALKURD STORY สารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของทีมฟุตบอลดัลเคิร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวเคิร์ดที่ได้รับโอกาสตั้งถิ่นฐานในประเทศสวีเดน จนไต่อันดับลีคฟุตบอลของสวีเดนได้สำเร็จ และกลายเป็นความภาคภูมิใจของชาวเคิร์ด … NOWHERE TO RUN สารคดีสั้นที่กำกับและถ่ายทำโดย “คุณสิงห์ วรรณสิงห์” จากการไปลงพื้นที่ที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยในประเทศโมซัมบิก … THE ZONE OF INTEREST ภาพยนตร์ระดับออสการ์ที่บอกเล่าความโหดร้ายริมรั้วค่ายนรกผ่านชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดา … นอจากนี้ยังมีภาพยนตร์สารคดีเรื่อง WE DARE TO DREAM, THE

ลาบูบู้ x ททท. สรุปแล้วซอฟต์พาวเวอร์ไทยหรือจีน?

ททท. จะคิกออฟโปรเจกต์ใหม่ร่วมกับ POP MART เปิดตัว ‘Labubu Thailand Edition’  เป็นทูตวัฒนธรรมพาเช็กอินสถานที่ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่างๆ ในไทย . อาทิ นั่งเรือหางยาว เข้าคลาสทำอาหาร หรือพาเช็กอินยังสถานที่ไฮไลต์เนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 50 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ . การจับมือคอลแลปเกิดโปรเจกต์ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวด้วยลาบูบู้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย หากนับในด้านกระแสนิยมแล้ว ลาบูบู้ ของ POP MART ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวแทนสินค้าวัฒนธรรมจาก ‘จีน’ ที่กำลังดึงดูดผู้คนทั่วโลกด้วยความน่ารักจากการปรากฏตัวคู่กับลิซ่า แแต่ทว่า หากมองในอีกมุมหนึ่ง โปรเจกต์นี้ก็อาจเรียกได้ว่า ททท.กำลังนำซอฟต์พาวเวอร์ ‘จีน’ มาดึงดูดนักท่องเที่ยว ‘จีน’ หรือเปล่านะ . แล้วทำไม ททท.ไม่นำซอฟต์พาวเวอร์ ‘ไทย’ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน เพราะตอนนี้ในไทยมีซอฟต์พาวเวอร์น่ารักๆ อีกหลายอย่างที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้ . ไม่ว่าจะเป็น ‘CRY BABY’ คาแรคเตอร์อาร์ตทอยฝีมือคนไทยได้รับความนิยมในจีนไม่น้อยที่ยังคงอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ POP MART เช่นกัน . หรืออย่าง ‘ButterBear’ ไอดอลสาวไทยหน้าใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจีนมาแต่งชุดนักเรียนไทยแล้วพาเที่ยวทั่วไทย รีวิวสตรีทฟู้ด ก็ดูน่าสนุก แถมน้องหมีเนยยังมีลิขสิทธิ์ภายใต้คนไทยตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นนักวาดผู้ออกแบบ หรือร้านคาเฟ่ หรือ จะชูโรง ‘ปาป้า-ทูทู่’ มาสคอตปลาทูจากสมุทรสงคราม และมาสคอตประจำจังหวัดต่าง ๆ พาท่องเที่ยว ก็น่าจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ภาครัฐหวังก็ดูน่าสนใจไม่น้อย  

จากผู้พัน สู่โครงการเพื่อเด็กนอกกรอบ KFC Bucket Search จับมือ กสศ. สร้างวิชานอกระบบ

ถ้าไม่มีผู้พันแซนเดอร์ส ก็จะไม่มี KFC และโลกที่ไม่มี KFC ก็คงจะเป็นโลกที่มีความสุขลดลง เพราะแบรนด์ KFC กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขในวันพิเศษ ที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยเฉพาะเด็กๆ ทั่วโลก . เนื้อหาข้างต้นนี้เกิดขึ้นในงานแถลงข่าว KFC Bucket Search อย่างไรก็ดี โลกที่ไม่มี KFC ก็เกือบจะเกิดขึ้นแล้ว เนื่องเพราะผู้พันแซนเดอร์ส ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ ที่เกี่ยวพันกันยุ่งเหยิง ตั้งแต่ 6 ขวบ ครอบครัวก็ต้องมาเสียคุณพ่อ และแม้ว่าเขาจะมีฝีมือการทำอาหาร ถึงขนาดที่เคยชนะการแข่งขันทำอาหารประจำหมู่บ้านมาแล้วในวัย 7 ขวบ แต่ศักยภาพนี้ก็ไม่ถูกนำมาต่อยอด เนื่องจากเขาต้องออกจากโรงเรียน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่บ้าน และเด็กชายแซนเดอร์สก็ต้องไปหางานทำตั้งแต่วัยเยาว์ . โดยกว่าที่ ‘เด็กชายแซนเดอร์ส’ จะกลายมาเป็น ‘ผู้พันแซนเดอร์ส’ อย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ก็ปาไปค่อนชีวิตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น กว่าจะเรียกได้อย่างเต็มปากว่าธุรกิจไก่ทอดของเขาประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ก็เข้าสู่วัยเกษียณแล้วด้วยซ้ำ . เห็นได้ชัดว่า “ปัญหาครอบครัว-ความยากจน-การศึกษา” สามปัญหานี้ เป็นคนละเรื่องเดียวกันอย่างแยกไม่ออก และยังเป็นสิ่งที่ฉุดคร่าชะตาชีวิตของคนๆ หนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้นก็ตาม ยังมีอีกหลายรายที่ประสบกับภาวะดังกล่าว แต่ทว่าไม่มีโอกาสที่ศักยภาพนั้นๆ ถูกนำมาต่อยอด ถึงที่สุดแล้ว ชะตากรรมแห่งชีวิตก็พรากโอกาสเหล่านั้นไปอย่างน่าเศร้า . เรื่องราวข้างต้น นับว่าเป็นแรงบันดาลใจให้แก่หลายชีวิต ซึ่งกำลังต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามา . ด้วยเหตุนี้ KFC ประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สร้างหลักสูตรการเรียนที่มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ชีวิตเด็ก เฉพาะยิ่งกับเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยข้อมูลจาก กสศ. ระบุว่า ในปัจจุบัน มีเยาวชนที่ไม่พบข้อมูลในฐานการศึกษาอยู่กว่า 1.02 ล้านคน . ทั้งนี้ ภัทรา ภัทรสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ เคเอฟซี ประเทศไทย ได้กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของโครงการนี้ไว้ว่า . “เราร่วมมือกับ กสศ. เพื่อค้นหาศักยภาพที่หายไป ทำให้เขาเชื่อมั่นในศักยภาพของเขา ให้น้องๆ ค้นพบตัวเอง เป็น Believe ของแบรนด์ เพราะหลายคนมาทำงานที่นี่ แล้วก็ออกไปเปิดร้านเอง เราเลยอยากเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ เพราะหลักสูตร

เอาอีกแล้ว Jamie Oliver นึกสนุกแจกสูตร “ผัดไทยมังสวิรัต” จะเรียกว่าผัดไทยได้ไหมเนี่ย ?!

หลังคราวก่อน Jamie Oliver – เชฟและเจ้าของภัตตาคารชาวอังกฤษเลื่องชื่อเรื่องการดัดแปลงอาหารไทยสูตรใหม่ เคยแปลงสูตรข้าวผัดใส่แยมพริกและแกงเขียวหวานกลายเป็นสมูทตี้ไปแล้ว . คราวนี้ถึงคิว “ผัดไทย” อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตของไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบก็ถูก Jamie Oliver นึกสนุกแปลงโฉม “ผัดไทย” ให้กลายเป็น “ผัดไทยมังสวิรัต” แต่สูตรมันดูแปลกๆ ยังไงชอบกล จน Uncle Roger จากช่อง mrnigelng – ยูทูปเบอร์สายรีแอควิดีโออาหารเอเชียคู่ปรับ Jamie Oliver เจ้าเก่าเจ้าเดิมแทบทนดูไม่ได้ เอ่ยปากแซวว่าตอนทำผัดไทยจานนี้เสร็จว่าสิ่งที่ Jamie Oliver ควรทำมากที่สุด คือการบินมาไทยและขอโทษคนไทยซะ . เพราะตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงวิธีการทำไม่ตรงกับภาพผัดไทยที่เคยเห็นหรือเคยกินมาตั้งแต่เด็ก แม้จะขึ้นชื่อว่ามังสวิรัต แต่นี่ก็ดูท่าจะไกลจากคำว่าผัดไทยเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การนำ ‘เต้าหู้อ่อนมาบด’ เพื่อทำซอสผัดไทย จากนั้นปรุงรสด้วยมะขามเปียก ซอสถั่วเหลือง น้ำมันงา น้ำจิ้มไก่ (?) . จากนั้นนำไปผัดกับบร็อคโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน กวางตุ้งฮ่องเต้ ถั่วงอก และผักกาดขาว เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบและความสดชื่น (?) ให้แก่ผัดไทยมังสวิรัตจานนี้ … ในโลกของการทำอาหาร การปรับสูตรอาหารให้ถูกปากและถูกใจผู้คนในพื้นที่จะเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงคือการรักษาหัวใจหลักของอาหารให้คงไว้ ซึ่งการทำผัดไทยสูตรมังสวิรัต Uncle Roger เสนอว่าหากจะเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่มีสัตว์เป็นส่วนผสมอย่างน้ำปลาหรือกุ้งแห้ง แค่เปลี่ยนไปใช้น้ำปลามังสวิรัต หรือเห็ดแทนก็น่าจะเพียงพอแล้ว . การรังสรรค์สูตรใหม่ แถมยังแต่งเติมวัตถุดิบมากหน้าหลายตาเข้ามา จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม จะยังเรียกอาหารจานนี้ว่าผัดไทยได้อยู่ไหม? หรือมีใครอยากลองบ้าง … อ้างอิง JAMIE OLIVER’S WORST RECIPE YET (Veggie Pad Thai) https://www.youtube.com/watch?v=ZmmSl6WpyJM&t=661s  

AV and Soft Power การประกอบสร้างและเผยแพร่สตรีในฝันผ่านหนัง AV

  รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อนิเมะ และหนังผู้ใหญ่ ธุรกิจ 4 ประการอันเป็นภาพจำของใครหลายคนที่มีต่อประเทศญี่ปุ่น และถึงแม้ในบางอุตสาหกรรมจะมีคู่แข่งทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ เข้ามาต่อกรสินค้าจากญี่ปุ่นกันอย่างแข็งขัน แต่พูดก็พูดเถอะ ในบรรดาอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีเพียง “ธุรกิจสุดสยิว” นี่แหละ ที่ญี่ปุ่นยืนหนึ่ง ทิ้งห่างคู่แข่งแทบไม่เห็นฝุ่น 【No.1 หนังโป๊】 เนื่องเพราะมูลค่าทางการตลาดของสื่อลามกญี่ปุ่น มีฐานะเป็นอันดับหนึ่งของโลก และมีขนาดใหญ่กว่าอันดับที่สองอย่างสหรัฐอเมริกาถึงสองเท่า โดยคาดว่าสามารถผลิตวิดีโอได้ 4,500 รายการต่อเดือน สร้างรายได้ประมาณ 5.5 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) ต่อปี ยังไม่รวมของเล่นผู้ใหญ่จำพวก Sex Toy ซึ่งนำรายได้เข้าประเทศโดยตรง และขยายตัวต่อเนื่องทุกปี ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นมาก จากภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED) ที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ทั้งนี้ นอกจาก AV จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยให้สำเร็จกิจในกามแล้ว คุณสมบัติอีกประการหนึ่ง อันเป็นผลพลอยได้ของ AV คือการส่งออกทางวัฒนธรรม 【นางเอก AV ต้องคาวาอี้เดสก๊ะ?】 เพราะหากพิจารณาคาแรกเตอร์นางเอก AV ของญี่ปุ่นจะพบได้ว่า มีส่วนสะท้อนลักษณะนิสัยของคนญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย ทั้งความน่ารักสดใส ขี้อาย ขี้เกรงใจ ไม่เชี่ยวชาญ หรือไม่มีประสบการณ์เรื่องพรรค์นั้น ราวกับสิ่งเหล่านี้คืออุดมคติที่สุภาพสตรีญี่ปุ่นพึงมี หรือกล่าวอีกอย่างคือ “สังคมญี่ปุ่นประกอบสร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงในฝันผ่านหนัง AV” ไม่ต่างจากสื่อบันเทิงอื่นๆ อาทิ อนิเมะ ซีรี่ส์ หรือภาพยนตร์ ดังฉะนี้ หนัง AV จากแดนปลาดิบจึงสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นของคนญี่ปุ่นได้ไม่มากก็น้อย และถึงแม้ว่าผู้ชมมักจะกรอข้ามอยู่บ่อยๆ กระทั่งดูไม่ค่อยจบก็เถอะ แต่ทว่าการที่นักแสดงเปลือยกายล่อนจ้อน ก็ทำให้เห็นธาตุแท้แห่งพฤติกรรมคนญี่ปุ่นได้มากกว่าสื่ออื่นใด และความน่ารักสดใส-คาวาอี้นี่เองก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้ผู้ชมจดจำลักษณะนิสัยของผู้หญิงญี่ปุ่นได้ ตรงกันข้ามกับหนังผู้ใหญ่จากโซนอเมริกา / ยุโรป ที่ฝ่ายหญิงจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องเพศมากกว่า และดูเขินอายน้อยกว่า 【เป็นมากกว่าสื่อลามก】 ยิ่งไปกว่านั้น วงการ AV ของญี่ปุ่นยังพิเศษกว่าที่อื่นๆ ก็ตรงที่ในยุคหลังๆ มานี้ มีการบูรณาการเข้ากับศาสตร์แห่งการเป็นไอดอล ไม่ต่างจากศิลปิน-นักแสดงวงการอื่นๆ อันเห็นได้จากการที่ดารา AV หลายรายมีฐานแฟนเหนียวแน่น คอยตามเชียร์ ตามสนับสนุน ทั้งในตัวผลงาน

เข้าถึงซอฟต์พาวเวอร์โคราชแบบลูกหลานย่าโมตัวจริง ก็ใส่กางเกงแมวโคราชซ้อมเต้นไปเลยสิคะ!

หลัง BABYMONSTER ปล่อยเบื้องหลังการซ้อมเต้นออกมา ก็มีแฟนๆ สะดุดกับลุคซ้อมเต้นของ แคนนี่ หรือ ชิกิต้า BABYMONSTER ที่ใส่ กางเกงแมวโคราช ซ้อมเต้นเพลง SHEESH เวอร์ชันแบนด์ครั้งแรก ทำเอาแฟนๆ ตามหา สั่งจอง สั่งซื้อกันจนยอดจองล้นทะลัก . เรียกว่านอกจากจะเป็นไอดอลแล้ว ยังไม่ทิ้งตำแหน่งลูกหลานย่าโม ช่วยพาซอฟพาว์เวอร์โคราชสู่สายตาแฟนๆ ทั่วโลกในเวลาเดียวกันไปเลย … BABYMONSTER – ‘SHEESH’ The LAST MUSIC SHOW BEHIND: https://www.youtube.com/watch?v=WFkulBriLnY  

จากเกาหลีสู่ลาตินอเมริกา ก้าวต่อไปของซอฟต์พาวเวอร์เกาหลี?

  การพัดพามาถึงของกระแสฮันรยู (Hallyu: 한류) ในพื้นที่เอเชียเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ทั้งในแง่ของระยะทางและสภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเติบโต โดยส่วนใหญ่แล้ว การศึกษาเชิงวิชาการและบทความต่างๆ จะมุ่งเน้นไปในพื้นที่เอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทย อินโด มาเล . ทว่า ในช่วงระยะหลังมานี้เราเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นว่า กระแสฮันรยู ไม่ได้หยุดอยู่แค่เอเชีย แต่ยังเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามมหาสมุทร ข้ามวัฒนธรรม ไปถึง “ลาตินอเมริกา” . จากสถิติของทวิตเตอร์ ในปี 2021 เปิดเผยว่าสถิติประเทศที่ทวีตเกี่ยวกับ เค-ป๊อปมากที่สุด 20 อันดับ กว่า 7 ประเทศล้วนเป็นประเทศที่อยู่ในพื้นที่ลาตินอเมริกา ได้แก่ อันดับ6 เม็กซิโก / อันดับ8 บราซิล / อันดับ11 เปรู / อันดับ12 อาร์เจนตินา / อันดับ15 ชิลี / อันดับ16 โคลอมเบียและอันดับ19 เอกวาดอร์  . ส่วนในปี 2022 ประเทศที่ทวีตเกี่ยวกับ เค-คอนเทนต์มากที่สุด 20 อันดับ ก็มีประเทศที่อยู่ในพื้นที่ลาตินอเมริกาถึง 4 ประเทศ  ได้แก่ อันดับ8 บราซิล / อันดับ11 เม็กซิโก / อันดับ18 ตุรเคียและอันดับ20 เปรู … แล้วกระแสนี้พัดไปไกลขนาดนั้นได้ยังไง ? … ถ้าเป็นในไทยหากพูดถึงเทคโนโลยี ญี่ปุ่น แต่ถ้าในแถบอเมริกาใต้ เกาหลีใต้ เนื่องจากในช่วง 1905 ชาวเกาหลีพลัดถิ่น ทำให้หลังจากนั้น มีสินค้าเกาหลีเข้าสู่ตลาดลาตินอเมริกาจำนวนมาก สร้างภาพลักษณ์ให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปูพื้น . อีกทั้งในมุมมองของผู้คนในพื้นที่ ยังมองว่าเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ไม่ใช่ชาติตะวันตก และยังเป็นประเทศในช่วงหลังอาณานิคมที่มีประวัติการต่อสู้ทางการเมืองโชกโชน ซึ่งช่วยประกอบร่างความเป็นสมัยให้เกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี   . อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักทีทำให้กระแสฮันรยูประสบความสำเร็จทุกพื้นที่ในโลก รวมถึงลาตินอเมริกา

ต้อนรับ Pride Month ด้วยเพลงแทนใจชาว LGBTQ+

  ในเดือนแห่งความภูมิใจ บทเพลงและเสียงดนตรี ถือว่าเป็นองค์ประกอบหลัก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้แก่การเฉลิมฉลองแล้ว เพลงยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แสดงตัวตนที่เปิดให้ผู้ฟังได้ปลดปล่อยตัวตนไปกับบทเพลงอย่างเสรี โดยเฉพาะกับชาวแดร็ก (Drag) ที่อาศัยการลิปซิงก์ถ่ายทอดตัวตน อารมณ์ ความรู้สึกที่หลากหลายไปกับเสียงดนตรี ทำให้เพลงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเดือนนี้ . ‘ก็ใจเรียกร้อง สองไม่ได้อยากเป็นผู้ชาย เข้าใจบ้างไหม หัวใจของสองมันเป็นผู้หญิง’ ในปีที่แล้ว ไอ้สอง – TaitosmitH Feat. เบน ชลาทิศ วงดนตรีเพื่อชีวิตจาก Gene Lab ที่หยิบยกเรื่องราวของชีวิตลูกชายที่ไม่ได้อยากเป็นลูกชายในครอบครัวตามขนบที่พ่อเป็นทหาร แม่เป็นพยาบาล พร้อมจะโอบรับตัวตนลูก ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงโดนใจที่ถูกเพิ่มเข้าใน playlist ของชาว LGBTQ+ แบบอัตโนมัติ . ในปีนี้ อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ Pride Month ทำให้เหล่าศิลปินเริ่มทยอยปล่อยเพลง เพื่อร่วมสนับสนุนความหลากหลายและร่วมสร้างบรรยากาศเฉลิมฉลองความหลากหลายกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น … เผย – Hard Boy ‘แต่ต่อจากนี้ จะไม่คอยปิดบังตัวเอง อีกแล้ว จะเปิดเผยให้โลกได้รู้ ว่ามี คนอย่างฉัน’ เพียงเพราะแค่แตกต่าง ทำให้โดนรังแก ดูถูก เหยียดหยามมากมาย เพลงนี้จึงอยากชวนให้ทุกคน เผย ตัวตนของตัวเองให้โลกรู้ว่า ‘ฉัน ไม่ แคร์’ สังคมอีกต่อไป ด้วยการผสานความร็อก ยุค 80 กับออเคสตราอย่างลงตัว เพิ่มความอิมแพ็คให้เพลงนี้ไปอีกขั้น . พร้อมในเอ็มวียังได้ “ไจ๋ ซีร่า” แดร็กควีนระดับตำนานของไทยร่วม เผย อารมณ์และความรู้สึกของเพลงให้ส่งตรงถึงใจคนฟังให้ออกมา เผย ตัวตนแบบที่ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป … Don’t Kill The Vibe – THAMMACHADxToocalderonexElista the Drag Gamer ft.Laganja Estranja ‘Don’t kill the vibe Let’s rock the night’ เพลงรวมแดร็กควีนระดับท็อป

กระบี่จ๋าา พี่มาแล้ววว ทำไม Jurassic world 4 เลือกกระบี่เป็นสถานที่ถ่ายทำ?

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Jurassic world 4 ที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำในเดือนหน้านี้ ได้เลือกจังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำ หลังจากมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่อุทยานว่า มีการติดต่อขอใช้สถานที่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์จริง . ส่วนเหตุที่ทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัด ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวผู้กำกับนามว่า Gareth Edwards นี่แหละ เนื่องจากแกเป็นนักท่องโลกคนหนึ่ง และก่อนหน้าที่พี่แกจะมากุมบังเหียนโปรเจกต์ Jurassic world 4 ผู้กำกับชาวอังกฤษผู้นี้ เคยยกกองถ่ายของตน บินลัดฟ้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยครั้งหนึ่งแล้ว ในเรื่อง The Creator (2023) . โดยในเรื่องดังกล่าว James Clyne ผู้มีตำแหน่งเป็น Production Designer เคยเปิดเผยไว้ว่า เราใช้โลเคชั่นในประเทศไทยไปราวๆ 60 – 70 แห่ง (We probably had 60-70 different locations) ทั้ง กรุงเทพฯ สังขละบุรี ภูเก็ต กาญจนบุรี พังงา เชียงดาว สามพันโบก สถานีรถไฟ สนามบินสุวรรณภูมิ แอร์พอร์ตลิ้งค์ อิมแพ็ค อารีน่า ฯลฯ และแน่นอนรวมถึงจังหวัดกระบี่ด้วย . ไม่เพียงแค่นั้น James Clyne ยังเพิ่มเติมอีกว่า Gareth Edwards เคยเช่าบ้านพักอยู่ในจังหวัดกระบี่ เป็นบ้านที่สวยงาม อยู่ติดชายหาด มีผาหินขนาดใหญ่อยู่รอบๆ และสถานที่แห่งนั้นเองก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับชาวอังกฤษสร้างสรรค์ภาพยนตร์ The Creator ด้วยเช่นกัน . เช่นนี้แล้ว เมื่อ Gareth Edwards ขึ้นแท่นผู้กำกับภาพยนตร์มหากาพย์ไดโนเสาร์ Jurassic world 4 จึงไม่เกินความคาดหมาย ที่พี่แกจะหวนมารำลึกความหลังยังสถานที่ซึ่งเคยผูกพันมาก่อนในประเทศไทย เฉพาะยิ่งจังหวัดกระบี่ . นับเป็นอีกครั้ง ที่จังหวัดกระบี่เข้ารอบสุดท้ายในการเลือกโลเคชั่นถ่ายทำของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลก หลังจากที่เคยถูกเลือกมาแล้วใน The Beach (2000) , Fast 9 (2021)

เทอม 3 สามเรื่องหลอน จากสามมหา’ลัยดัง

ทุกมหา’ลัยล้วนมีตำนาน ทุกสถานศึกษาล้วนมีเรื่องเล่า เป็นมุขปาฐะเขย่าขวัญที่เล่าสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น . เรื่องสยองสามเรื่อง จากสามมหา’ลัย ถูกรวบรวมไว้ใน เทอม 3 ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด จากการโปรดิวซ์โดย “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” และ “โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ” พร้อมรวมพลผู้กำกับรุ่นใหม่ที่มากันถึงสี่คน ประกอบไปด้วย “เบิ้ล-นนทวัฒน์ นำเบญจพล”, “โจ้-อรุณกร พิค”, “นัทสอ-สรวิชญ์ เมืองแก้ว” และ “ตู้-อัศฎา ลิขิตบุญมา” . แน่นอนว่า เมื่อเป็นเรื่องผีแบบไทยๆ ในทั้งสามตอนจึงมีองค์ประกอบความหลอนแบบไทยๆ ไว้ครบถ้วน อาทิ ตอน ‘ขบวนแห่’ ที่มีการบนบานศาลกล่าว อันเป็นพิธีกรรมยอดนิยมของหลายคน ส่วนตอน ‘พี่เทค’ ก็มาพร้อมกับระบบอำนาจนิยม ในรั้วมหา’ลัย อย่างการรับน้อง หรือ SOTUS หรือตอนสุดท้าย ‘ศาลล่องหน’ ก็มีทั้งพวงมาลัย, น้ำแดง, นางรำ เรียกว่าพกองค์ประกอบแห่งความหลอนมาอย่างครบครัน . แต่ทว่า นี่ไม่ใช่หนังผีที่น่ากลัวที่สุด หรือสยองขวัญที่สุด หากแต่ด้วยความที่เป็นเรื่องเล่า ซึ่งส่งต่อกันมาจากปากต่อปาก จึงทำให้ในแต่ละเรื่องยังเหลือพื้นที่แห่งการตีความที่ผู้กำกับแต่ละคน สามารถเพิ่มเติมไอเดียของตนลงไปได้ตามสไตล์ที่อยากนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น ดราม่าเรียกน้ำตา เอฟเฟคต์เว่อวัง หรือซีนตลกโปกฮาก็ยังมี แทบจะเป็นสามเรื่อง สามอารมณ์เลยแหละ เห็นที กระแสหนังผีไทยคงจะไม่ซาลงไปง่ายๆ ซะแล้ว . สามารถรับชมเทอม 3 ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์