Skip links

Editor’s Pick

คิง เพาเวอร์ ฉลอง 36 ปีสุดยิ่งใหญ่ “DELIGHTS & SURPRISES” เปิดตัว ‘เจฟ-อาโป’ พรีเซนเตอร์ POWER PASS พร้อมดีลแห่งปีที่ “คุ้มจนต้องช้อป!”

คิง เพาเวอร์ ผู้นำธุรกิจค้าปลีกเพื่อการท่องเที่ยว จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 36 ปีสุดยิ่งใหญ่ ภายใต้แคมเปญ “KING POWER 36th ANNIVERSARY DELIGHTS & SURPRISES: MORE POWER MORE POSSIBILITIES WITH POWER PASS พลังช้อปเหนือขีดจำกัด สู่ทุกความเป็นไปได้” ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งปีด้วยการเปิดตัวสองหนุ่มฮอตแห่งยุค ‘เจฟ ซาเตอร์’ และ ‘อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์’ เป็นพรีเซนเตอร์คู่แรกของ POWER PASS ระบบสมาชิกรูปแบบใหม่ พร้อมมอบความสุขสุดเอกซ์คลูซิฟและจัดเต็มโปรโมชันที่ดีที่สุดแห่งปีให้กับลูกค้าคนสำคัญ เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ – 23 ตุลาคมนี้ ที่ คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ที่สุดแห่งความสุข: ดึง ‘เจฟ ซาเตอร์ – อาโป ณัฐวิญญ์’ ร่วมสร้างปรากฏการณ์ คิง เพาเวอร์ สร้างเซอร์ไพรส์ OF THE YEAR ด้วยการดึง เจฟ ซาเตอร์ และ อาโป ณัฐวิญญ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่รักการเดินทางและแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาเป็นพรีเซนเตอร์คู่แรกของ POWER PASS เพื่อส่งมอบสิทธิประโยชน์ที่ “คุ้มที่สุดแห่งปี” ให้กับสมาชิก ในงานเปิดตัว ทั้งสองหนุ่มได้ร่วมโชว์สุดพิเศษ ‘POWER PASS CELEBRATION SHOW’ พาทุกท่านร่วมเดินทางสู่ 4 VIBES ได้แก่ VEGA, CROWN, SCARLET และ NAVY ซึ่งสะท้อนพลังและตัวตนภายใต้แนวคิดหลักของแคมเปญ ความสุขยังไม่หมดเพียงเท่านี้! สมาชิก POWER PASS ได้พบกับมินิโชว์ CELEBRATION DAY จาก ‘เจฟ ซาเตอร์’ และในวันที่ 18 ตุลาคม

ซาอุฯ เดินเกมใหญ่ ซื้อ EA ปูทางสู่มหาอำนาจ Soft Power แห่งวงการเกมกีฬา

นับว่าเป็นดีลที่กระตุ้นให้หลายฝ่ายจับตามอง หลังจากที่ PIF หรือกองทุนการลงทุนสาธารณะ ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย เข้าเทคบริษัทผลิตเกม Electronic Arts (EA) ด้วยข้อตกลงมูลค่า 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นดีลประวัติศาสตร์ที่มีการซื้อขายบริษัทผลิตเกมด้วยจำนวนสูงสุดครั้งหนึ่งในโลก ถือว่าเป็นข่าวใหญ่สำหรับวงการเกมที่ตอกย้ำว่า กระแสของเกมกีฬาไหลบ่ามายังดินแดนบ่อน้ำมันไม่ขาดสาย ทั้งฟุตบอล กอล์ฟ เทนนิส มวยปล้ำ และอื่นๆ กระนั้นก็ตาม ห้วงที่ผ่านมา “กลุ่มทุนซาอุฯ” ถูกสื่อนานาชาติค่อนขอดเรื่องหลังม่าน ซึ่งขาดแคลนมาตรฐานสิทธิมนุษยชนในหลายกรณี การขยายอำนาจทางธุรกิจมาสู่โลกของกีฬาจึงถูกตีตราด้วยคำว่า “Sportswashing” ไปโดยปริยาย  จนถูกเรียกว่าเป็นการ “ฟอกตัว” สร้างภาพลักษณ์ใหม่ผ่านวงการกีฬาที่ในแง่หนึ่งคือการฝังกลบข่าวคราวเสียๆ หายๆ ของภาครัฐ และใช้พลังอำนาจแห่งการแข่งขันเป็นเครื่องมือขยายอิทธิพลของภูมิภาคตะวันออกกลางให้ไกลออกไป ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของซาอุดีอาระเบียนั้นอยู่ภายใต้แผน Vision 2030 ซึ่งมุ่งเน้นการกระจายรายได้เศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาน้ำมัน รวมถึงลงทุนด้านความบันเทิง เทคโนโลยี และการท่องเที่ยว โดยอุตสาหกรรมเกมกีฬาถือเป็นหนึ่งในทิศทางสำคัญของกลยุทธ์นี้ เพื่อทำให้ผู้เล่นรายใหญ่จากตะวันออกกลางมีอิทธิพลผ่านวัฒนธรรมกีฬา และยกระดับพลังอำนาจของประเทศให้มากยิ่งขึ้น กล่าวอีกอย่างคือ ส่งเสริม Soft Power ประเทศซาอุฯ ในเวทีโลก อย่างไรก็ดี Electronic Arts (EA) ไม่ใช่บริษัทเกมเจ้าแรกที่กลุ่มทุนซาอุฯ ได้เข้ามาซื้อหุ้น ยังมี Capcom, Activision Blizzard และ Take-Two ที่จรดปากกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นผู้ผลิตและผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเกมระดับโลก  ยิ่งไปกว่านั้น Savvy Gaming Group ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากซาอุดีอาระเบีย ยังได้บรรลุข้อตกลงกับผู้จัดงานแข่งขัน e-sport ระดับโลกอย่าง ESL และ FACEIT  ส่งผลให้ในปัจจุบัน ระบบนิเวศของ e-sport ถูกถ่ายโอนมายังตะวันออกกลางอย่างมีนัยยะสำคัญ เท่านั้นยังไม่พอ เนื่องจากก่อนหน้านี้ PIF ได้เข้าซื้อกิจการแผนกเกมของ Niantic ในราคา 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกมยอดนิยม “Pokémon Go” ที่ยังคงมีฐานผู้เล่นจำนวนมากอยู่ทั่วโลก  การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงบนมือถือและเกมอิงสถานที่ ซึ่งจะช่วยกระจายสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมเกมของซาอุดีอาระเบียให้กว้างไกลกว่าเกมคอนโซลและ PC แบบดั้งเดิม สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น Pokémon Go

สารทเดือนสิบเมืองคอน : “หลบบ้าน” ปีนี้ ห้ามพลาดของดีเมนูอาหารสีดำ

“เดือนสิบให้เห็นหน้า เดือนห้าให้เห็นตัว” คือ ถ้อยคำที่ปู่ย่าตายายชาวใต้พูดสืบต่อกันมา เป็นเหมือนนาฬิกาหัวใจที่นับวันรอให้ลูกหลานกลับบ้านมาพร้อมหน้า เพราะสารทเดือนสิบไม่ใช่เพียงงานบุญ แต่คือสัญญาใจเพื่อสานสายใยในครอบครัว ว่าอย่างน้อยปีละครั้ง ทุกคนจะได้กลับมากินข้าวด้วยกัน ทำบุญอุทิศเพื่อบรรพบุรุษ และเติมเต็มความคิดถึงที่เก็บไว้นาน ในปีนี้ ความหมายของคำว่า “หลบบ้าน” หรือ “กลับบ้าน” ยิ่งลึกซึ้งไปกว่าเดิม เมื่อเทศกาลสารทเดือนสิบที่สืบสานกันมานับพันปี ถูกต่อยอดสู่ เมนูอาหารสีดำ ที่ทั้งน่าลิ้มลองและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เป็นบทพิสูจน์ว่าประเพณีเก่าแก่ก็สามารถก้าวข้ามกาลเวลาได้ โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของความกตัญญูเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ “เทสใต้ Tasty เมนูอาหารสีดำ” ที่มีแนวคิดจะยกระดับ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงดูดลูกหลานให้กลับมาสัมผัสเสน่ห์ใหม่ๆ ของเมือง แต่ยังรวมถึงการดึงดูดนักเดินทางใหม่ๆ ให้เข้ามาในจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน  ในเดือนกันยายนนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การขับเคลื่อนของ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ หรือ ทีเส็บ ชักชวนร้านอาหารกว่า 30 ร้าน ใน 7 อำเภอ ได้แก่ เมือง พรหมคีรี ขนอม สิชล ท่าศาลา ทุ่งสง และ ปากพนัง เพื่อร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารสีดำขึ้นมาเป็นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อเรื่อง “ความขลัง” และ “ความมู” ของจังหวัด  “สีดำ” จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องการเดินทางของวิญญาณบรรพบุรุษในช่วงสารทเดือนสิบ หัวใจหลักของโครงการคือการใช้ “อาหาร” เป็น Soft Power เพื่อเล่าเรื่องราวของประเพณีนี้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย หัวใจของงาน: “หมฺรับ” สำรับแห่งความกตัญญู หากพูดถึงประเพณีสารทเดือนสิบ คำแรกที่คนใต้ทุกคนต้องนึกถึงคือ “หมฺรับ” หรือ “มฺรับ” ในภาษาใต้ ซึ่งหมายถึง “สำรับ” ศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกหลานจัดทำขึ้นอย่างประณีตเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่เชื่อกันว่าได้เดินทางกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ หมฺรับจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความผูกพัน และหัวใจของความเป็นคนใต้ที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง   ภาพจำในอดีตของหมฺรับคือ กระบุงไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ ที่บรรจุสิ่งของนานาชนิดจนเต็มเปี่ยม แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยน เป็นถาดหรือกระเชอที่ทันสมัยขึ้น แต่แก่นสารและความหมายไม่เคยจางหายไป สิ่งของที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในหมฺรับแต่ละชั้นล้วนมีนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าเป็นของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางของดวงวิญญาณในโลกหน้า เปรียบเสมือนการจัดเตรียม “สัมภาระ” ให้บรรพบุรุษได้เดินทางอย่างสะดวกสบายและมีความสุข   ชั้นล่างสุด: มักบรรจุ

เด็กไทยสร้างประวัติศาสตร์! 4 ทีมเยาวชนคว้าแชมป์โลกบนเวที UDO World Championships 2025 ที่อังกฤษ

วงการสตรีทแดนซ์ไทยก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างยิ่งใหญ่! เหล่าเยาวชนไทยได้พิสูจน์ศักยภาพและความสามารถอันน่าทึ่ง ด้วยการสร้างผลงานระดับโลกในการแข่งขัน UDO World Championships 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมือง Blackpool ประเทศอังกฤษ ซึ่งในปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 20 ปีของ UDO (United Dance Organisation) เวทีสตรีทแดนซ์ที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดรายการหนึ่งของโลก ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นเมื่อทีมเยาวชนไทยสามารถคว้าชัยชนะในรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้ถึง 4 ทีม 1.Upperhand Junior – รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รุ่น U10 ทีมจาก U.A. Academy ที่โชว์ลีลาการเต้นสุดพลังจนคว้าแชมป์โลกมาได้สำเร็จ สมาชิกทีม: อณาวิล จิรวรจินดา (เต็นท์) อริยธร เหลาเจษฎา (อังค์ อังค์) อัยย์ริสา รองอ่ำ (ไอริส) ณภัชชา รัตนถาวรกิจ (แพร) การรัท สีเมือง (เคียร่า) ผู้ฝึกสอน: วชิรวิทย์ โกศลคุณากร (ครูเบ้) สิทธิพล ฉิมสุนทร (ครูป้อม) ปวีณา หมวกทอง (ครูโอ้ต) 2.The Sunup – รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รุ่น U12 อีกทีมจาก U.A. Academy ที่โชว์ความสามารถจนคว้าแชมป์โลกในรุ่น U12 ได้อย่างน่าประทับใจ สมาชิกทีม: โสภณิชา รัตนถาวรกิจ (ชื่นใจ) ณรัก ตัณฑิกุล (เวลา) ณัฏฐ์พัชร์ สุรกิตย์ (ชีวา) อาชวิน จิรวรจินดา (แต้งค์) อชิระ เหลาเจษฎา (อริกาโต่ะ) รณกร จายนียโยธิน (อันดา) ปวินท์ ทิพยเกษร (ปิโต้) ผู้ฝึกสอน: สิทธิพล

Beliebers ชาวไทยรวมตัวกันอย่างอบอุ่นในงาน Justin Bieber ‘SWAG’ Album Listening Event In Bangkok

นับเป็นการกลับมาที่อบอุ่นและสนุกสนานสำหรับแฟนเพลงชาวไทย เมื่อ Universal Music Thailand จัดงาน Justin Bieber ‘SWAG’ Album Listening Event In Bangkok ที่ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 สยามพารากอน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นงานที่รวมตัว Beliebers ชาวไทยอย่างหนาแน่นในรอบ 4 ปี หลังจากที่ Justin Bieber ปล่อยอัลบั้มใหม่ชุดที่ 7 อย่าง SWAG บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข แฟน ๆ ต่างใส่เสื้อศิลปินตัวโปรดและสนุกกับการถ่ายรูปหน้าแบ็กดร็อปและ Photobooth ในธีม SWAG เป็นการยืนยันว่าความรักและการสนับสนุนที่มีต่อ Justin Bieber ของแฟนชาวไทยไม่เคยจางหายไปเลย ศิลปินและกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย งานนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วย Beliebers เท่านั้น แต่ยังมีศิลปินและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมากมายเข้าร่วมงาน เช่น ไอซ์ พาริส, อูน ชนิสรา, Patrickananda, Fyeqoodgurl และ Le Fronce นอกจากนี้ยังมี ดีเจเต๋อ จาก MET 107 มารับหน้าที่เป็นพิธีกรแนะนำเพลงทั้งหมดจากอัลบั้ม SWAG พร้อมชวนแฟน ๆ เล่นเกมตอบคำถามเพื่อชิงของรางวัลสุดพิเศษจาก Official อีกด้วย ไฮไลต์สำคัญของงานคือการแสดงจาก MEYOU ที่มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ โชว์การแสดงสดคัฟเวอร์ 2 เพลงจากอัลบั้ม SWAG ได้แก่ “DAISIES” และ “GO BABY” MEYOU เผยว่าตัวเองเป็นแฟนเพลงของ Justin Bieber มานานแล้วและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาแสดงในงานนี้ ปิดท้ายงานด้วยกิจกรรม BIEBER FEVER KARAOKE ที่แฟน ๆ ได้ร่วมกันร้องเพลงของ Justin Bieber ทั้งเพลงเก่าและใหม่ เป็นการบอกลาด้วยรอยยิ้มและเสียงเพลงที่จะอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป

รองเท้าแตะ Prada จุดไฟดราม่า Soft Power อินเดีย

ไม่กี่วันที่ผ่านมา แบรนด์ Prada กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศอินเดีย เพราะหลังจากเปิดตัวรองเท้าแตะดีไซน์ใหม่ในงาน Milan Fashion Week ซึ่งดูๆ ไปแล้วก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับรองเท้าแตะโคลฮาปูรีของชาวอินเดีย อันมีต้นกำเนิดจากรัฐมหาราษฏระตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ในงานนั้น Prada กลับระบุรายละเอียดไว้เพียง “รองเท้าแตะหนัง” แค่นั้น จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า แบรนด์หรูชื่อดังไม่ยอมให้เครดิตกับมรดกทางวัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบ โดยประเด็นหลักที่ฝ่ายเรียกร้องต้องการเสนอคือ หากคุณได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีที่หยั่งรากลึก อย่างน้อยคุณก็ต้องให้เครดิตที่มาของแรงบันดาลใจนั้นๆ ด้วย อีกทั้ง รองเท้าแตะโกลฮาปูรียังได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ตั้งแต่ปี 2019 ทว่าพอไปอยู่บนเวทีแฟชั่นไฮโซ กลับไม่มีการพูดถึงถิ่นฐานที่มาของมันเลยสักคำ เพราะสำหรับชาวอินเดียบางส่วน พวกเขามองว่า นี่ไม่ใช่รองเท้าดาดๆ ที่ไร้คุณค่า แต่มันคือภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมากว่า 800 ปี รองเท้าแตะเหล่านี้คืองานฝีมือของบรรพชนอินเดีย อันมีรากประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ตั้งแต่ราชสำนัก ตลอดจนนักบวช และมันยังเป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องมือในการบำเพ็ญตบะด้วย พูดอีกอย่างคือ Prada เอางานฝีมือของพวกเขามาใช้ แต่ไม่มีการพูดถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนซะอย่างงั้น นี่คือประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ สำหรับวงการแฟชั่น เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจในปัจจุบัน เนื่องจากทุกวันนี้ ผู้บริโภคสินค้าแบรนด์หรู เริ่มให้ความสำคัญกับตัวตนทางวัฒนธรรมมากขึ้น การใช้องค์ประกอบทางวัฒนธรรมอย่างมีบริบทจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อสินค้า นี่อาจเป็นบทเรียนให้แบรนด์อื่นๆ ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ สื่อสัญชาติอินเดียอย่าง Diamond World ยังเผยแพร่บทความชวนตั้งคำถาม ถึงโอกาสของ Soft Power ประเทศอินเดียไว้อย่างน่าสนใจ โดย Diamond World ระบุว่า งานฝีมือที่ละเมียดละไมถือเป็น Soft Power ของประเทศอินเดีย และเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาล เพราะแหล่งที่มาของสินค้าต่างๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า เมื่อใดที่ผู้บริโภคเข้าใจเรื่องราวเบื้องหลังชิ้นงาน รับรู้ถึงห่วงโซ่การผลิตและมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อนั้นอินเดียจะไม่ได้เป็นแค่หลังบ้านให้แบรนด์ต่างๆ เท่านั้น อย่างไรก็ดี พวกเขายังต้องลงทุนเพื่อให้เป็นที่รู้จัก ส่งเสริมเรื่องราวของตัวเอง และสร้างการรับรู้ที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาให้มากกว่านี้ พอเป็นประเด็นร้อนในสังคม ต่อมาทาง Prada ก็มาแสดงความรับผิดชอบ โดย Lorenzo Bertelli หัวหน้าฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคมของปราด้า ได้ส่งจดหมายถึงหอการค้ารัฐมหาราษฏระ ซึ่งยอมรับว่ารองเท้าแตะดังกล่าว ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอินเดียจริงๆ ส่วนสถานะของสินค้ายังอยู่ระหว่างการพัฒนา ยังไม่แน่ใจว่าจะออกสู่ตลาดหรือไม่ อย่างไรก็ดี ทาง

สุกี้-บอย-สมเกียรติ แถลงจัดใหญ่ปลายปี “B.DAY Forever Concert” ฉลอง 20 ปีเบเกอรี่ มิวสิค

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ที่แฟนเพลงรอคอย! “สุกี้” กมล สุโกศล แคลร์, “บอย” ชีพชนก ศรียามาตย์ และ “สมเกียรติ” อริยะ ชินวัตร ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงในตำนาน Bakery Music และ Dojo City ได้แท็กทีมศิลปินจากทั้งสองค่าย มาร่วมแถลงข่าวงาน Heineken Experience Presents “B.DAY Forever Concert” ที่เตรียมมอบความสุขให้ชาว Bakerian ทุกคนได้ย้อนวันวานไปกับบทเพลงอันเป็นประวัติศาสตร์ที่อยู่ในใจมาตลอด 20 ปี คอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี สร้างสรรค์โดย CI Showbiz โดยแบ่งเป็น: รอบการกุศล: วันที่ 5 ธันวาคม 2568 (บัตรราคา 8,500 / 7,800 / 6,500 / 5,800 / 4,600 / 4,000 / 3,300 / 2,600 บาท) พิเศษ! สามารถออกใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า รอบทั่วไป: วันที่ 6-7 ธันวาคม 2568 (บัตรราคา 6,500 / 6,000 / 5,000 / 4,500 / 3,500 / 3,000 / 2,500 / 2,000 บาท) นี่คือการรวมตัวของศิลปินจากค่าย Bakery Music และ Dojo City ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่จัดเต็มและยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น:

5 สาว ‘GAMMA’ พร้อมสาดรังสีวงการ T-POP กลับสู่ยุคทองอีกครั้ง?

Persona Entertainment ประกาศเปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ “GAMMA” (แกมม่า) ที่มาพร้อมกับความสนุกสนาน น่ารัก สดใส ในซิงเกิลแรก “Turn it into Gold” ที่เตรียมพร้อมจะฉายแสงและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในปี 2568 ด้วยคอนเซ็ปต์นิยามใหม่ของความล้ำสมัยที่แตกต่างอย่างมีสไตส์ “GAMMA” ถือเป็นศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่เบอร์แรกของ Persona Entertainment มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน ที่จะมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สุดพิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการบ่มสีอัญมณีอันบริสุทธิ์ของพลัง “รังสีแกมมา” รังสีที่มีพลังงานสูงสุดในสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า โดยสมาชิกแต่ละคนของ “GAMMA” จะเป็นสัญลักษณ์ของอัญมณีที่ไม่เหมือนใคร “ปิงปอง” คือ ประกายแวววาวอันแสนหวานของ “มอร์แกไนต์” , “สกาย” คือหัวใจของวง เปล่งประกายด้วยพลังที่สดใสแต่ทรงพลังของ “อความารีน”, “มิล่า” สาวผู้มีสไตล์การแสดงที่เปล่งประกาย ทำให้เธอเหมาะสมอย่างยิ่งกับ “เพอริโดต์”, “กริฟฟิน” เธอคือภาพสะท้อนจิตวิญญาณของศิลปิน เหมือนความเข้มข้นของ “โกเมน” สีแดงเข้ม และคนสุดท้าย “จีน” คือภาพลักษณ์แห่งความลึกลับ และสง่างาม เธอสะท้อนพลังแห่ง “อเมทิสต์” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อรวมตัวกันทั้ง 5 คนก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่เปล่งประกายและพลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้ พวกเธอเป็นมากกว่าแค่ศิลปิน แต่คือ “อัญมณีแห่งจักรวาล” ที่เปล่งประกายด้วยแสงสว่างของตัวเอง ถูกหล่อหลอมภายใต้ความกดดัน และพร้อมที่จะปลดปล่อยพลังงานบนทุกเวที งานนี้ 5 สาว “GAMMA” จะมาพร้อมกับความสนุกสนาน น่ารัก สดใส กับซิงเกิ้ลแรก “Turn it into Gold” ด้วยเสียงดนตรีที่ผสมผสานป๊อปแนวล้ำสมัย ฮิปฮอป และซินธ์ บวกกับท่าเต้นทรงพลังแข็งแกร่งรวมเป็นทีมเวิร์ค ทำให้พลังของเพลง “Turn it into Gold” ที่สื่อความหมายของการเปลี่ยนความเจ็บปวด ความไม่มั่นใจ การถูกปฏิเสธให้กลายเป็นพลังอันแข็งแกร่งด้วยการรักตัวเองอย่างเต็มที่ ติดตามความเคลื่อนไหวของ 5 สาว “GAMMA” ได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ Persona Entertainment / Instagram : Gamma.officialth /

ชัยชนะของ PSG ใต้เงาสงคราม : “Visit Rwanda” ฟอกขาวหรือซอฟต์พาวเวอร์

ท่ามกลางเสียงเฮระหว่างการเถลิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกของสโมสรฟุตบอล Paris Saint-Germain FC ด้วยชัยชนะที่รอคอยมานานสำหรับการเป็น ‘เจ้ายุโรป’ ในค่ำคืนแห่งความทรงจำนี้ ไม่เพียงแค่โลโก้ของผู้สนับสนุนรายใหญ่จากยุโรปที่เฉิดฉายเท่านั้น ยังมีชื่อของประเทศเล็กๆ อย่าง “รวันดา” ปรากฎบนแบนเนอร์ และเสื้อวอร์มของบรรดานักเตะ เป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย แม้ชื่อดังกล่าวจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงจากผู้บรรยาย แต่คำว่า “Visit Rwanda” ก็ตระหง่านอยู่ตรงนั้น ชวนให้ผู้คนจดจำและไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่ง ส่วนใครจะจำในทางที่ดี หรือจดจำในทางที่แย่ อันนี้ก็ตามสมควร เหตุที่ต้องเอ่ยเช่นนั้นเนื่องเพราะสปอนเซอร์จากแดนแอฟริกาเจ้านี้ เป็นหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของคณะกรรมการพัฒนารวันดา (RDB) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นสปอนเซอร์ให้สโมสรชื่อดังอย่าง PSG, Bayern Munich, Arsenal และอื่นๆ แต่เรื่องของเรื่องคือ ความตึงเครียดระหว่างรวันดาและคองโกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้รวันดามีส่วนในการทำให้เกิดวิกฤตในภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก รวมถึงการสนับสนุนกลุ่ม M23 ที่มีส่วนรู้เห็นและรับผิดชอบต่อการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง สร้างสถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก รวมถึงการสังหารและทำร้ายร่างกาย ใช้ความรุนแรงทางเพศ ก่ออาชญากรรม บังคับอพยพ ฯลฯ และนั่นแหละปัญหา เพราะความโหดร้ายเหล่านี้ ทางการรวันดาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็น หรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงความรุนแรงภายใน อาทิ การปราบปรามผู้เห็นต่าง การข่มขู่และละเมิดสิทธิมนุษยชน การจับกุมโดยพลการ การขาดเสรีภาพ และความยุติธรรม แม้ฝ่ายรวันดาจะปฏิเสธข้อกล่าวหาร้ายแรงมาตลอด แต่องค์กรระหว่างประเทศก็ยืนยันเสียงแข็งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันไม่ชอบมาพากล ทั้งนี้ ข้อตกลงระหว่าง Visit Rwanda กับ PSG มีมูลค่าระหว่าง 8 ล้านยูโรถึง 10 ล้านยูโรต่อปี และเพิ่งจะขยายสัญญาไปจนถึงปี 2028 ซึ่งโลโก้ Visit Rwanda จะได้สิทธิ์ปรากฎอยู่ในชุดฝึกซ้อมและชุดวอร์มของทีม PSG รวมถึงบนอาร์มแขนเสื้อชุดแข่งในรายการสำคัญ ตลอดจนรังเหย้าของทีมอย่าง Parc des Princes ก็มีป้ายโฆษณา Visit Rwanda เด่นอยู่ข้างสนาม กระทั่งชา-กาแฟที่เสิร์ฟใน Parc des Princes ก็อิมพอร์ตมาจากรวันดา นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า PSG Academy Rwanda ศูนย์พัฒนาเยาวชน ที่จัดให้มีการพัฒนาทักษะฟุตบอล การศึกษา และการให้คำปรึกษาแก่เยาวชนชาวรวันดา ทั้งหมดนี้เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมผ่านการเล่าเรื่องและประสบการณ์ที่พิเศษ กลยุทธ์ของรวันดากับ

‘หลวงเจ๊ AMITOFO’ หยอกล้อเพราะศรัทธา – เสกบุดด้าเป็นของเล่น!

ชาวพุทธปีลึกถึงกับเอามือทาบอก เมื่อได้เห็น “หลวงเจ๊ Amitofo” — อาร์ตทอยที่ไม่เพียงสร้างความตื่นตาตื่นใจ แต่ยังจุดประกายการสนทนาที่ลุกลามไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออก ด้วยการผสมผสานอย่างกล้าหาญระหว่างความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปกับสีสันแห่งความกะเทยและป็อปคัลเจอร์เข้าไว้ด้วยกัน ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินหญิงชาวจีน SHUPI ไม่เพียงดึงดูดสายตาผู้พบเห็น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่หลากหลาย ตั้งแต่เสียงปรบมือแห่งความชื่นชม ไปจนถึงเสียงวิพากษ์ที่ตีตราผลงานว่า “บาปหนา”—เปิดพื้นที่ให้เกิดการถกเถียงอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องขอบเขตของศิลปะ ความเหมาะสมทางวัฒนธรรม ลามไปถึงบทบาทของศาสนาในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เสียงสะท้อนจากโลกอนุรักษ์นิยม ในแวดวงที่ยึดมั่นถือมั่นในความออริจินัล โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หลวงเจ๊ Amitofo ไม่อาจหลีกเลี่ยงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความ “ไม่ความเหมาะสม” และการขาดความเคารพต่อสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาไปได้ อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งเหล่านี้กลับทำให้อาร์ตทอยชิ้นนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น พร้อมทั้งส่งแรงกระเพื่อมทางวัฒนธรรมที่ทรงพลัง ที่มาของ “หลวงเจ๊” SHUPI ได้เผยเจตนาแท้จริงของผลงาน ว่าต้องการให้พระพุทธรูปดู “เฟรนด์ลี่” และร่วมสมัยมากขึ้น มีความน่ารักแต่แอบแฝงนัยยะอันลึกซึ้ง การตีความใหม่นี้ท้าทายภาพจำพระพุทธรูปในบริบทดั้งเดิม โดยเฉพาะในวัฒนธรรมไทย ลบเส้นแบ่งระหว่าง “ความน่าเลื่อมใสในอุดมคติ” กับ “ความเป็นจริงในสังคม” ตัวอย่างเช่น “ปาง Work from Home”, “ปางนอนเล่นมือถือ” หรือคอลเลกชั่น City Walk ล้วนไม่ได้แค่เรียกรอยยิ้ม ผลงานเหล่านี้ยังสื่อให้เห็นว่า ความศรัทธาไม่จำเป็นต้องถูกขังอยู่ในกำแพงวัดหรือการเจริญสมาธิเสมอไป หากแต่อาจผลิบานได้ในกิจวัตรประจำวัน เพื่อเข้าถึงใจคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเผชิญความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกปัจจุบัน อาร์ตทอยชิ้นเล็กกับพลังที่ยิ่งใหญ่ “หลวงเจ๊ Amitofo” คือผลงานที่ตีความ “รูปเคารพ” ใหม่ในเชิงศิลปะ พร้อมกับหยอกเย้าประเด็นใหญ่ในสังคมอย่างแยบคาย และหากถูกใช้อย่างชาญฉลาด แม้แต่ “ของเล่น” ก็สามารถกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงอิทธิพลในการขับเคลื่อนความคิดและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้อย่างแท้จริง 📍 ผู้ที่สนใจ สามารถแวะไปชมนิทรรศการหลวงเจ๊ “Amitofo X Colorverse” ได้ที่ Union Mall ชั้น 4 | Co-Art Space #7 ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. – 14 ก.ย. 2568 #Amitofo #UnionMallxAmitofo #Colorverse #UMCOARTSPACE7 #UnionCoArtSpace #Pride2025 #BeYourself