Skip links

Soft Power News

Tags

Music Exchange เปิดก้าวใหม่วงการดนตรีไทย สู่เบอร์ใหญ่ของเอเชีย

มูลค่าอุตสาหกรรมดนตรีในประเทศไทย อยู่อันดับ 5 ของเอเชีย และถึงแม้จะเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน แต่คำถามที่สำคัญคือ  “เราจะโตกว่านี้ได้อย่างไร?”  โดยเฉพาะในยุคที่วงการดนตรีบ้านเราพึ่งพารายได้จาก Showbiz เป็นหลัก และอัตราการเติบโตของตลาดในประเทศก็มีขอบเขตอันจำกัด หนึ่งในคำตอบที่ต้องไปให้ถึงก็คือ “ตลาดต่างประเทศ” และใช่หรือไม่ว่า เรามีบุคลากรที่เพียบพร้อมด้วยความสามารถ แต่สิ่งที่ยังขาดคือ “การสนับสนุนจากภาครัฐ” เมื่อวันที่ 2 ก.ย 68 วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ในฐานะอดีตประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี พร้อมกับ ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับแผนการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยให้ก้าวไปสู่ระดับโลก โดยมีโครงการที่ดำเนินมาเป็นปีที่ 2 และคาดว่าจะดำเนินอย่างต่อเนื่อง ก็คือ “Music Exchange” วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี และ ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) โครงการส่งเสริมศิลปินและธุรกิจเทศกาลดนตรีไทยไปสู่ตลาดสากล ซึ่งมีกลวิธีหลักๆ อยู่ 2 ประการคือ Push กับ Pull (1.) Push คือการผลักดันให้ศิลปินไทยได้มีโอกาสแสดงผลงานในเวทีระดับโลก เริ่มต้นจากการเปิดรับสมัครศิลปิน เพื่อคัดเลือกไปเพอร์ฟอร์มบนเวทีเฟสติวัลระดับนานาชาติ เบื้องต้นในปีที่ผ่านมา มีการสนับสนุนค่าเดินทาง ที่พัก ให้แก่ศิลปินที่ถูกคัดเลือก  ทั้งนี้ ศิลปินที่ได้รับการสนับสนุน มีตั้งแต่เบอร์เล็ก-เบอร์ใหญ่ เนื่องจากการผลักดันวงการดนตรีในระยะยาว ไม่สามารถอาศัยวงที่ดังใน พ.ศ. นี้ได้เพียงอย่างเดียว หากต้องพึ่งพาคลื่นลูกใหม่ในอนาคตด้วย  พร้อมกันนั้น ยังต้องพิจารณาให้มีการส่งศิลปินบางรายชื่อซ้ำๆ เพื่อต่อยอดผลลัพธ์จากปีก่อนหน้าให้สืบเนื่องต่อไป (2.) Pull การดึงดูดเครือข่ายธุรกิจต่างชาติ นับตั้งแต่สตูดิโอ ค่ายเพลง ผู้จัดเทศกาลดนตรี ให้เข้ามาเยี่ยมชมงานเทศกาลดนตรีในประเทศไทย และสัมผัสถึงศักยภาพของวงการเพลงในบ้านเรา โดยมีวัตถุประสงค์ให้เกิดการทำงานร่วมกันในอนาคต เพื่อสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศต่อไป ซึ่งกระบวนการตรงนี้ ยังต้องการแรงผลักดันจากภาครัฐ ทั้งการสนับสนุนทางการเงิน และช่องทางสานสัมพันธ์กับเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อโอกาสในการขยายตลาดเพลงไทยสู่สากล ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จำต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลากันหลายปี จึงจะเห็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ และถึงแม้โครงการ Music Exchange จะพึ่งดำเนินมาเป็นปีที่ 2 แต่ก็คาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามลำดับในปีถัดไป อย่างไรก็ดี

จีนเปิดบ้านต้อนรับ Mr.Beast พร้อมผลักดัน Soft Power ยุคไลฟ์สด

ท่ามกลางความผันผวนของโลก สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน กระทั่งภาวะระส่ำระสาย การแสดงตัวด้วยความมั่นคงของประเทศมหาอำนาจอย่างจีน จึงเป็นที่น่าจับตามองในภูมิทัศน์ทาง Soft Power ของโลก อีกทั้งหลายฝ่ายยังวิเคราะห์ถึงบทบาทการเสริมสร้าง Soft Power ในเวทีโลกของประเทศจีน  เพราะนอกจากหม่าล่า รถ EV หรือเสื้อผ้า/เครื่องสำอางแล้ว หนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกพูดถึงในช่วงนี้คือ การใช้เซเลบในโลกออนไลน์เป็นตัวแทนสำหรับฉายภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของมหาอำนาจฝั่งตะวันออก เห็นได้จากการมาเยือนประเทศจีนเป็นครั้งแรกของ No.1 สายสตรีมมิ่งอย่าง IShowSpeed เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  ก่อนที่ Mr.Beast ผู้เป็น No.1 ด้านผู้ติดตาม ด้วยจำนวนกว่า 419 ล้านคนในแอปแดง จะตามมาสมทบในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ด้วยการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มของจีน รวมถึงเปิดตัวบัญชีบนแพลตฟอร์มวิดีโอ และแอปของจีนอีกสองตัว แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นการขยายตลาดของเน็ตไอดอลระดับโลก เพราะอย่างที่ทราบกันคือ หน่วยงานเซนเซอร์อินเทอร์เน็ตของจีน ได้บล็อกแพลตฟอร์มระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นแอปแดง หรือแอปดำ ดังนั้นชาวต่างชาติที่เข้ามาสร้างโปรไฟล์บนแพลตฟอร์มของจีน จึงมีโอกาสเข้าถึงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 1.1 พันล้านคนของประเทศจีน และเพียงแค่ประกาศว่าจะมีไลฟ์ของ Mr.Beast เกิดขึ้นในแอปดังของจีน ต่อมา หุ้นของแพลตฟอร์มเจ้าดัง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ก็พุ่งขึ้น 7% ในเวลาต่อมาทันที  อย่างไรก็ดี จากกระแสของทั้ง IShowSpeed และ Mr.Beast ในจีน ทำให้บางฝ่ายตั้งคำถามถึงเรื่องหลังบ้านว่า รัฐบาลจีนให้การสนับสนุนเพื่อมาโปรโมทประเทศหรือเปล่า? ทว่าคำกล่าวอ้างเหล่านี้ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ เป็นเพียงคำพูดลอยๆ ที่ยังไร้น้ำหนัก (แต่ว่าประเทศจีนก็มีโครงการอื่นที่พาอินฟลูฯ ต่างชาติมาทัวร์ประเทศเพื่อโปรโมทอยู่) แต่สิ่งที่ดูจะแน่ชัดคือ ความเปิดกว้างที่มากขึ้นของประเทศจีน ตามที่ Nikkei Asia อ้างอิงคำพูดของ Mark Tanner กรรมการผู้จัดการของบริษัทวิจัยตลาด China Skinny ซึ่งกล่าวว่า  “ประเทศจีนไม่ค่อยมั่นใจใน Soft Power ของตัวเองสักเท่าไร … IShowSpeed ทำให้พวกเขาเห็นว่านี่เป็นโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ … รัฐบาลจีนจึงยินดีต้อนรับอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ แทนการพยายามเซ็นเซอร์และคัดกรองเนื้อหา” เพราะที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายกรณีที่เกิดขึ้นภายในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือเรื่องสิทธิ-เสรีภาพ กระทั่งภาพลักษณ์เรื่องอำนาจนิยมที่ถูกถ่ายทอดออกไปยังสื่อต่างประเทศ  การรับรู้ต่อจีน โดยเฉพาะในทวีปยุโรป-อเมริกา

ดาวโป๊ญี่ปุ่น JAV เตรียมจัดแฟนมีตแบบฟินๆ ในไทย

นับว่าเรียกเสียงฮือฮาในบรรดาท่านสมาชิก จนนั่งกันไม่ติดเลยเชียว หลังจากที่ UTO event ประกาศจัดอีเวนต์สุดฮอต สุดร้อนฉ่า ด้วยการนำ มายูกิ อิโตะ (Mayuki Ito) นางเอกสุดเร่าร้อน ตัวท็อปอันดับ 1 จากค่าย Kawaii ประเทศญี่ปุ่น มาจัดงานแฟนมีตครั้งแรกในไทยอย่างเต็มรูปแบบ . ท่ามกลางบรรยากาศสุดใกล้ชิด ให้ท่านสมาชิกได้เสพสมกับความเป็นกันเอง ทั้ง meet and greet ถ่ายรูป แจกลายเซ็นต์ เล่นเกมกับมายูกิบนเวที พูดคุยและฟังเรื่องราวหลังกล้องของเธอ รวมถึงกิจกรรม Exclusive ที่นางเอกเอวีแห่งยุคจะมาเป็นนางแบบให้แฟนๆ รุมกระหน่ำ…กดชัตเตอร์อย่างใกล้ชิด โดยจำกัดผู้เข้าร่วมแค่รอบละ 10 คนเท่านั้น . ทั้งนี้ มายูกิ อิโตะ เดบิวต์สู่วงการหนังผู้ใหญ่เมื่อปี 2018 กระทั่งฉายแววความแซ่บสะท้านทรวง เฉพาะยิ่งในรูปแบบ VR (การถ่ายทำโดยใช้มุมกล้องแทนสายตา) ที่กระตุกจิตกระชากใจ กระทุ้งราคะจริตเหล่าผู้ชมให้ผงาดง้ำไปตามๆ กัน ถึงขนาดหลายคนยกให้เป็นตัวท็อป VR แห่งยุคสมัย . และแน่นอน อานุภาพความเย้ายวนเซ็กซี่ขยี้ใจของมายูกิ ก็สั่นสะเทือนกามารมณ์แฟนคลับชาวไทยด้วยเช่นกัน จนเป็นอีกหนึ่งรายที่ขึ้นแท่นนางเอก AV ขวัญใจชาวไทยไปในที่สุด การมาเยือนไทยครั้งนี้ เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์แฟนๆ อย่างไม่คาดคิด รวมไปถึงรูปแบบการจัด Fanmeet กับดารา AV อย่างเต็มระบบแบบนี้ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในไทย จึงเป็นที่น่าจับตาและเฝ้าดูฟีดแบคอยู่เหมือนกันว่ากระแสจะออกมาเป็นอย่างไร? . เพราะงานลักษณะนี้ หากคนที่ไม่เข้าใจก็อาจมองเป็นเรื่องหื่นกาม แต่สำหรับบางกลุ่มคนก็มองว่าเป็นการรับ-ส่งกำลังใจ ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค เหมือนงานแฟนมีตอื่นๆ . อย่างไรเสีย หากมีการนำดารา AV เข้ามาจัดงานเช่นนี้บ่อยๆ ในบ้านเรา อาจเป็นแรงกระเพื่อมถึงเรื่องกฎหมายสื่อลามกที่มีการพยายามปลดล็อคอะไรกันอยู่ก็อาจจะเป็นได้เช่นกัน . ติดตามรายละเอียดงาน “Mayuki Ito 1st Fan Meeting in Bangkok” ได้ที่ช่องทางของ  UTO event  

มี “บง” ไม่มี บ้ง! เกาหลีใต้เตรียม ชู “บง” เชียร์โอลิมปิก 2024

  ทุกการแข่งขันกีฬา สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ กองเชียร์จากผู้ชม  แต่จะให้มาเชียร์ด้วยการชูธงชาติ มันก็ธรรมดาไป . เพราะโอลิมปิก 2024 ปีนี้ HYBE หนึ่งในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ หยิบ แท่งไฟ หรือ บง (봉) มาออกแบบเป็นแท่งไฟอย่างเป็นทางการสำหรับเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ . แท่งไฟแท่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคบเพลิงและสนามกีฬาโอลิมปิก โดยจะมีโลโก้ทีมชาติเกาหลีใต้อยู่ด้านบน โดยจะผลิตออกมาทั้งหมด 5,000 แท่ง แบ่งเป็น 2 เวอร์ชัน ได้แก่ -แท่งไฟสำหรับการใช้งานทั่วไป 4,500 แท่ง – แท่งไฟสำหรับให้นักกีฬา และคณะกรรมการโอลิมปิกและกีฬาเกาหลี (KSOC) อีก 500 แท่ง (รุ่นนี้จะมีธงชาติปักอยู่ด้านบนแท่งไฟ) . แท่งไฟเหล่านี้จะติดตั้งโปรแกรมการแสดงสีและแสงตามจังหวะให้สอดคล้องกับสโลแกนเชียร์ เหมือนแท่งไฟที่เห็นได้ตามคอนเสิร์ต K-POP ที่จะเปลี่ยนสีและเสียงไปตามจังหวะเพลง … นอกจากนี้ HYBE ยังส่ง “โฮชิ” “ดีเค” และ “ซึงกวาน” – สมาชิกของ “BSS” ซับยูนิตของวงบอยแบนด์ “SEVENTEEN” ร่วมชาเลนจ์ Tiktok ส่งกำลังใจเชียร์ทีมชาติเกาหลีใต้ โดยจะใช้เพลง “Fighting” (2023) เป็นเพลงหลักของชาเลนจ์ ถือว่าเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน มีความหมายประมาณว่า “ไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ทำได้ แค่ฟังเพลงนี้” … “แท่งไฟ เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยแสงหนึ่งเดียว ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมการเชียร์โอลิมปิกที่จะสนับสนุนนักกีฬาด้วยใจเดียวกัน” . แท่งไฟ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม K-POP โดยแต่ละวงจะมีแท่งไฟประจำวง การมีแท่งไฟเหมือนกันไว้โบกสะบัดเชียร์ศิลปินที่ชื่นชอบไปตามเสียงเพลง จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มก้อนและความเป็นหนึ่งเดียวของแฟนคลับ  . ดังนั้น การเปิดโลกการเชียร์โอลิมปิกรูปแบบใหม่ด้วยแท่งไฟ ถือว่าเป็นมูฟเม้นท์ที่น่าสนใจมากของเกาหลีใต้ เป็นการผสานเอาเอกลักษณ์ของ K-POP มาใช้ ไม่ว่าจะ บง เพลง และศิลปิน ต่อยอด soft power ที่มีได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว … อ้างอิง https://koreajoongangdaily.joins.com/…/HYBE…/2086486 https://www.youtube.com/watch?v=mBXBOLG06Wc  

ถ้าคบกันเธอจะถือมั้ยไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ เธอนั้นถือคบเพลิง “จิน – อี้ป๋อ – จ้าวลู่ซือ” คนดังถือคบเพลิงโอลิมปิก 2024

  ก่อนการแข่งขันโอลิมปิก จะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ผู้ถือคบเพลิง (Torch Bearers) จะร่วมกันส่งต่อคบเพลิงจากโอลิมเปีย ประเทศกรีซ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศเจ้าภาพ ซึ่งจะต้องได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการจัดการโอลิมปิกประจำปีนั้น . โอลิมปิกปารีส 2024 ปีนี้ ฝรั่งเศส เน้นหลักการให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายในสังคม หลังฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกในประวัติศาสตร์ที่จัดการแข่งขันพาราลิมปิก . ผู้ถือคบเพลิงในปีนี้ จึงมีทั้งนักกีฬา บุคคลผู้มีชื่อเสียง ตลอดจนประชาชนทั่วไปและผู้พิการที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เพื่อเป็นตัวแทนความหลากหลายด้านต่างๆ . แต่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ก็มีดาราดังจากฝั่งเอเชียถึง 3 คนได้ร่วมถือคบเพลิงในปีนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น . ‘จิน’ หรือ คิม ซอกจิน สมาชิกวง BTS ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงโอลิมปิก ปารีส 2024 ซึ่งจะถือว่าจินเป็นศิลปิน K-POP คนแรกที่ได้ถือคบเพลิง โดยจินจะเป็นตัวแทนของ ‘ความสามัคคี’ และ ‘สันติภาพ’ . ‘หวังอี้ป๋อ’ ดารานักแสดงชายจากจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดขณะนี้ ก็เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงด้วยเช่นกัน โดยอี้ป๋อจะเป็นตัวแทนของ ‘วัยรุ่นยุคใหม่’ และ ‘แรงสนับสนุนนักกีฬา’ โดยก่อนหน้านี้ อี้ป๋อเคยถูกแต่งตั้งเป็นทูตส่งเสริมวัฒนธรรมโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งเมื่อปี 2022 และทูตส่งเสริมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกรอบคัดเลือกที่เซี่ยงไฮ้ 2024 มาแล้ว . รวมถึง จ้าวลู่ซือ ดาราสาวชื่อดังจากจีนเองก็ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิงในครั้งนี้ด้วย … ในปัจจุบันการเมืองไม่ได้มาแค่ในรูปแบบของผู้นำเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง การที่จิน – อี้ป๋อ – จ้าวลู่ซือได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ถือคบเพลิง 10,000 คน ถือได้ว่าเป็นการตอกย้ำถึงอิทธิพลของอุตสาหกรรมบันเทิงเอเชียที่มีบทบาทระดับโลกได้ไม่มากก็น้อย  

เด็กไทยทำถึง!! ชนะเลิศออกแบบลายรถแข่ง F1

  เสียงชื่นชมล้นหลาม หลังจากที่ ชลัช สุวณิชย์ นักเรียนไทยอายุ 16 ปี ชนะการประกวดออกแบบลายรถแข่ง F1 ของทีม Red Bull หรือ Oracle Red Bull Racing ในแคมเปญ Forever Rebl ซึ่งเป็นกิจกรรมให้แฟนๆ ร่วมกันออกแบบลายพิเศษสำหรับรถแข่ง RB20 โดยแคมเปญดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ที่ทีม Red Bull ร่วมแข่ง F1 . โดยลวดลายออกแบบที่แฟนๆ ส่งเข้าประกวด จะถูกคัดเลือกมา 3 อันดับ ซึ่งจะถูกนำไปใช้จริงทั้งหมด 3 รายการ ได้แก่ บริติช กรังด์ปรีซ์ , สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ และ ยูไนเต็ด สเตทส์ กรังด์ปรีซ์ ตามลำดับ . ซึ่งลายออกแบบของ ชลัช สุวณิชย์ ถูกเผยออกมาและนำไปใช้จริงเป็นลายแรก ในรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ 2024 ที่ผ่านมา โดยทางด้าน Christian Horner ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO และหัวหน้าทีม ได้กล่าวว่า . “แฟนๆ ของเราเป็นหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ และผมมีความสุขมากที่พวกเขาได้มีส่วนสำคัญในการเดินทางของพวกเรา” . ส่วน ชลัช สุวณิชย์ เยาวชนไทยผู้ชนะเลิศการออกแบบ ได้ระบุว่า “สีแดงในการออกแบบรถสื่อถึงจิตวิญญาณและความแข็งแกร่งที่ปรากฎอยู่บนโลโก้ Red Bull รวมถึงแรงบันดาลใจจากวิธีการใช้สีแบบ Flow-Vis ในการทดสอบ Aerodynamics ผมชอบดูทีม Oracle Red Bull Racing คว้าชัยชนะ และผมคงจะไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่ได้เห็นพวกเขาชนะด้วยลายรถของผมได้เลย” . ทั้งนี้ มิใช่แค่เพียงลายชุดแข่งรถ RB20 นี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ Red Bull

ตกหลุม “LUSS” ปั้น-เบน 2 นักวิทย์เนิร์ดคลั่งดนตรี เจ้าของ-เบื้องหลัง ไวรัลเพลงดังวงการ T-POP

  ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ไม่ได้ติดตามวงการเพลงไทย หรือ T-POP ก็ต้องเคยได้ยินได้เห็นเพลงฮิตของศิลปินวงหนึ่งผ่านหู ผ่านตากันมาบ้าง ไม่ว่าจะด้วยเสียงร้อง การเลือกใช้คำ หรือท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าจะได้ยินเมื่อไหร่ ก็เป็นอันรู้กันทันทีว่าเป็นเพลงของ “LUSS” อย่างเพลง “เตลิด” , “ไข่พะโล้” , “หยอก หยอก” ฯลฯ . สไตล์เฉพาะตัวแบบ LUSS ไม่เพียงแต่ทำให้ LUSS โดดเด่นเท่านั้น แต่ผลงานเบื้องหลังในฐานะนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และมิวสิค ไดเรคเตอร์ ของ ‘ปั้น–นลพรรณ อัมพุช’ หรือ COCOBUNNY และ ‘เบน–ศิรสิทธิ์ ตั้งบุญดวงจิตต์’ หรือ  BENLUSSBOY ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น จำเลยรัก – F.HERO Ft. Txrbo BOOTY BOMB – 4EVE LOLAY – ATLAS It’s Okay Not To Be Alright – PP Krit ฟ้ารักพ่อ – Badmixy feat. ยุ้ย ญาติเยอะ ฯลฯ . The Attraction เลยชวน ปั้น และ เบน สองคู่หูแห่งวงการเพลงไทยที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ มาพูดคุยถึงความเป็น LUSS และการอยู่เบื้องหลัง T-POP ไปจนถึงอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยในปี 2024 นี้ … 「 LUSS แท้ มันคืออะไร 」 ปั้น: ถ้าเปรียบเทียบ “LUSS” ก็คงเหมือน “นักวิทยาศาสตร์” แต่เป็นสายดนตรี

ROCKSTAR กันทั้งแผ่นดิน บอกเลยว่า “โคตรไทย”

  เป็นเอ็มวีที่ต้องบอกเลยว่า “โคตรไทย”   และทำออกมาได้ว้าวมาก ตั้งแต่การเล่นกับป้ายไฟที่เป็นจุดเด่นของ “เยาวราช” ตอกย้ำความงามของการเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลของกรุงเทพ ไปจนถึงการฉีกกฎการเป็นไอดอลเกาหลีจนไม่เหลือชิ้นดี ทั้งสีผิวและการชวน พี่ชาย-พี่สาวนักบิด ยกล้อฮาร์เลย์กลางเยาวราช นักเต้นและพี่ๆ LGBT มาร่วมแสดงเอ็มวี นำเสนอภาพความเป็นไทยแบบที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน เปิดพื้นที่ให้พี่ๆ เหล่านี้ได้ประกาศความโคตรไทยไปพร้อมกัน เพราะหากยังอยู่ในค่ายเกาหลีหรือยังคงเดินทางเฉพาะการเป็นไอดอล นึกภาพไม่ออกเลยว่าเราจะได้เห็นลิซ่าในมุมนี้หรือไม่ ไม่เพียงเฉพาะแต่สีผิวที่เปลี่ยนไปจากตอนยังอยู่ในค่าย YG แต่ยังรวมถึงการให้พื้นที่พี่นักเต้นได้ใส่ชุดที่ออกแบบมาแล้ว หรือการมีพี่สาว LGBT ในเอ็มวี ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก แถมในบางซีน ไม่รู้ว่าทางทีมตั้งใจมั้ย แต่รู้สึกว่าภาพ-สีในบางซีนจะวาง สีแดงสลับขาวและน้ำเงิน ชวนให้นึกถึงธงชาติไทยไว้ด้วย เก็บทุกซีนจริงๆ ไม่บ่อยครั้งนักที่ไทยจะมีซูเปอร์สตาร์ระดับโลก แต่พอมีทั้งทีก็ต้องเรียกว่า ลิซ่าทำถึงมากจริงๆ ตอนนี้ก็ถึงคราวคนไทยที่ต้องสนับสนุนเอ็มวีนี้ให้ได้ตีตลาดเพลงโลกให้ได้ ใจหนึ่งก็เลยอยากวางลิงค์ให้กดไปฟังกันง่ายๆ แต่เหมือนว่าลิซ่าจะเป็น Rockstar เกินไป จนขัดใจเฟซบุ๊ก ทำให้ตอนนี้ผู้ใช้งานที่ใส่ลิงค์เพลง ถูกระงับบัญชีไปแล้ว แต่ยังไงก็ตาม ตอนนี้สามารถรับชม LISA – ROCKSTAR (Official Music Video) ในช่อง LLOUD Official กันได้แล้ว  

ลิซ่า = ตัวแทน Soft Power ไทยที่แท้ทรู ยกทีมถ่ายเอ็มวีย่านเยาวราช ชาวเยาวราชต้องแจงปิดข่าวเงียบขนาดนี้ได้ยังไง!!!

  ลิซ่า คัมแบ็คโซโล่ Rockstar อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยวจากค่าย LLOUD ครั้งแรก ด้วยการยกกองปิดถนนถ่ายเอ็มวีกลางย่านเยาวราช สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตที่ขึ้นชื่อเรื่องคนพลุกพล่านตลอดเวลา แต่ลิซ่าก็ทำให้ถนนเส้นนี้ไม่มีผู้คนได้ แถมยังมีข่าวแว่วมาว่าเอ็มวีนี้ยังใช้ทีมนักเต้นและนักแสดงคนไทยทั้งหมด เรียกว่า นำเสนอความเป็นไทยในทุกส่วนของเอ็มวีได้ดีทีเดียว . แม้เยาวราชจะมีชื่อเสียงอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ว่าการคัมแบ็คครั้งนี้ อาจจะเป็นอีกครั้งที่ลิซ่าจะสร้างอิมแพ็คให้กับระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยได้อย่างมหาศาล . เพราะหากย้อนไปตั้งแต่โซโล่ครั้งแรกของลิซ่าในเพลง Lalisa ลิซ่าก็แต่งชุดไทยจัดเต็ม พร้อมด้วยเซตฉากที่ดูคับคล้ายคับคลากับปราสาทหินพนมรุ้ง สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเมืองบ้านเกิดของลิซ่า สร้างปรากฎการณ์ส่งความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลกกว่า 700 ล้านวิว . หรืออย่างปีที่แล้วที่ลิซ่าใส่ชุดผ้าไหมจากจ.อุดรธานีไปไหว้พระวัดมหาธาตุ จ.อยุธยา ก็ทำให้ทั้งผ้าไหมจากจ.อุดรธานีกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วอินเทอร์เน็ต และทำให้วัดมหาธาตุกลายเป็นแลนด์มาร์กอีกแห่งที่ต้องใส่ชุดไทยไปถ่ายรูปเช็คอินแบบลิซ่า . รวมถึง ล่าสุด ใน Monaco F1 Grand Prix 2024 ลิซ่าก็ยังสวมใส่ชุดรีไซเคิลจากขยะพลาสติกของแบรนด์ PIPATCHARA’ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าฝีมือคนไทยอวดลุคสุดปังในไอจีก็ถูกพูดถึงไปทั่วโลกโซเชียล ดังนั้น หากพูดคร่าวๆว่า ซอฟต์พาวเวอร์ หมายถึง อำนาจในการดึงดูดให้ผู้คนสนใจ ยอมรับและทำตามอย่างเต็มใจ โดยไม่ใช้อำนาจบีบบังคับหรือยัดเยียดให้ผู้อื่นรับรู้ . สิ่งต่างเหล่านี้ที่ลิซ่าทำถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความภูมิใจในความเป็นไทยของลิซ่าแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างความเข้มแข็งของวัฒนธรรมไทยในสายตาชาวโลก เพราะถึงลิซ่าจะไม่บอกโต้งๆ แต่ทุกการกระทำก็ล้วนแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการส่งความเป็นไทยสู่สายตาโลกอย่างแนบเนียนทุกครั้ง … LISA – ROCKSTAR (MV Teaser) https://www.youtube.com/watch?v=iKsT8HXSfPA  

ลาบูบู้ใส่ชุดไทย โผล่เดินงาน Thai Festival in Beijing

  หลัง ททท. เปิดเผยโปรเจคต์กระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนที่จะทำร่วมกับ POP MART แล้วได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ททท.ก็ดูท่าว่าจะไม่เปลี่ยนแผน . เพราะเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ททท. เริ่มปลุกกระแสเที่ยวไทยจากจีนด้วยการพาลาบูบู้ใส่ชุดไทย เดินงาน Thai Festival in Beijing ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านการแต่งชุดไทย ก่อนจะบินมาเที่ยวไทยในวันที่ 1 กรกฎาคม ในฐานะ Special guest for Amazing Thailand  ฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน . อีกทั้ง ภายในงานยังมีดารา-ศิลปินแนวหน้า คริส พีรวัส, สน ยุกต์, วิว วรรณรท และ 4EVE เป็นตัวแทนส่งละครไทยและวงการ T-pop กลางปักกิ่ง … Thai Fest หรือ งานเทศกาลไทย เป็นงานเทศกาลที่สถานทูตไทยและสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศจัดขึ้น ไฮไลท์ในงานจึงอยู่ที่การจำลองประเทศไทยขนาดย่อม ๆ ไปไว้ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะอาหารไทย ขนมไทย หรือการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยก็รวมไว้ในที่เดียว งานนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของซอฟท์พาวเวอร์ที่สำคัญต่อการสร้างภาพ “ความเป็นไทย” ในสายตาต่างชาติ … การให้ลาบูบู้ใส่ชุดไทย ก็ถือว่าสร้างประเด็นจุดกระแสความสนใจได้ไม่น้อย หากนับในแง่ของการสร้างภาพจำความเป็นไทยที่นักท่องเที่ยวเห็นได้ชัดและเข้าใจง่าย . แต่ใจหนึ่งก็ยังคงเกิดคำถาม ว่าทำไมททท.ถึงไม่นำมาสคอต “สัญชาติไทย” มาใช้ ทั้ง ๆ ที่ไทยมีมาสคอตมากมายที่โด่งดัง อย่างน้องหมีเนย หรือ ButterBear ที่กำลังมีกระแสในจีน (ถึงขั้นต้องจดลิขสิทธิ์ในจีน) และมาสคอตอีกหลายตัวที่พร้อมจะโด่งดังมาทำกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบไทย ๆ . แม้ลาบูบู้ใส่ชุดไทยจะมุ่งเน้นการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนในงาน Thai Fest ที่กรุงปักกิ่ง แต่ในบางพื้นที่ Thai Fest ก็ได้รับกระแสตอบรับดีมากอยู่แล้ว ทำให้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี อย่างเช่น ในปีนี้ ก็มีการจัด Thai Fest ณ