Skip links

ตกหลุม “LUSS” ปั้น-เบน 2 นักวิทย์เนิร์ดคลั่งดนตรี เจ้าของ-เบื้องหลัง ไวรัลเพลงดังวงการ T-POP

 

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ต่อให้ไม่ได้ติดตามวงการเพลงไทย หรือ T-POP ก็ต้องเคยได้ยินได้เห็นเพลงฮิตของศิลปินวงหนึ่งผ่านหู ผ่านตากันมาบ้าง ไม่ว่าจะด้วยเสียงร้อง การเลือกใช้คำ หรือท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ว่าจะได้ยินเมื่อไหร่ ก็เป็นอันรู้กันทันทีว่าเป็นเพลงของ “LUSS” อย่างเพลง “เตลิด” , “ไข่พะโล้” , “หยอก หยอก” ฯลฯ

.

สไตล์เฉพาะตัวแบบ LUSS ไม่เพียงแต่ทำให้ LUSS โดดเด่นเท่านั้น แต่ผลงานเบื้องหลังในฐานะนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และมิวสิค ไดเรคเตอร์ ของ ‘ปั้น–นลพรรณ อัมพุช’ หรือ COCOBUNNY และ ‘เบน–ศิรสิทธิ์ ตั้งบุญดวงจิตต์’ หรือ  BENLUSSBOY ยังโดดเด่นไม่แพ้กัน ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น

  • จำเลยรัก – F.HERO Ft. Txrbo
  • BOOTY BOMB – 4EVE
  • LOLAY – ATLAS
  • It’s Okay Not To Be Alright – PP Krit
  • ฟ้ารักพ่อ – Badmixy feat. ยุ้ย ญาติเยอะ

ฯลฯ

.

The Attraction เลยชวน ปั้น และ เบน สองคู่หูแห่งวงการเพลงไทยที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ มาพูดคุยถึงความเป็น LUSS และการอยู่เบื้องหลัง T-POP ไปจนถึงอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะปล่อยในปี 2024 นี้

「 LUSS แท้ มันคืออะไร 」

ปั้น: ถ้าเปรียบเทียบ “LUSS” ก็คงเหมือน “นักวิทยาศาสตร์” แต่เป็นสายดนตรี มีความเนิร์ดมากๆ มีความเบียว มีความดื้อ มีความไม่ฟัง มีความขบถ อยู่เยอะมากๆ แต่สุดท้ายคนอาจจะเห็นเรา execute มันออกมาในเวอร์ชัน pop เราว่ามันสะท้อนอยู่เยอะในเพลง

เบน: “LUSS” จะชอบสงสัยกับทุกๆ สิ่งกันอยู่แล้ว ในการทำเพลงก็เหมือนกัน ‘เอ๊ะ ทำไมเราจะทำแบบนั้นกันไม่ได้’ คนเคยบอกว่าแบบนั้นไม่ดี เราก็ลองทำ ไม่เห็นเป็นไรเลย

แล้วการทดลองทางดนตรีของ นักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ “LUSS” เป็นยังไง

เบน: session ของ LUSS (เบนเน้นว่า ต้องวงเล็บไว้ด้วยว่า session ของ LUSS) มันจะสนุกมาก เพราะเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากำหนดไว้ว่าเราห้ามทำอะไร เราแค่คิดไว้ว่าเราอยากให้เพลงนี้ไปทิศทางไหน ให้ความรู้สึกอะไร แต่เราจะไม่ได้ปิดกั้น ก็เลยมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นในเพลงเยอะ

ระหว่าง ‘ตามใจตลาด’ กับ ‘ตามใจเรา’ – LUSS จัดการยังไง

ปั้น: มีหลายช่วงของ LUSS ที่เอาใจตัวเองและเอาใจตลาด คือจริงๆ ‘247, หยอก หยอก, กังฟู’ เป็นเพลงที่เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดที่เคยทำมาในช่วงนั้น แล้วอยู่ๆ ก็ดังขึ้นมา ทำให้เรารู้ว่า การเป็นตัวของตัวเองมัน… มันโอเคนี่หว่า เพราะว่าเราซื่อสัตย์กับตัวเองไง คนถึงชอบ เพราะตอนนั้นไม่มีใครที่เป็นแบบนี้

พอคนให้ความสนใจมากขึ้น มันทำให้เราหลงไปพักหนึ่ง นั่นน่าจะเป็นช่วงที่ทำตามความต้องการของตลาด (อัลบั้มนี้) ก็เลยจะเป็นช่วงที่กลับมาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะเอาความรู้สึกจากตอน ‘247, หยอก หยอก, กังฟู’  กลับมา เวลาที่เราซื่อสัตย์กับตัวเองจะออกมาเป็นยังไง

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าบาลานซ์ยังไง ไม่ได้บาลานซ์เลย อยากจะทำตามความต้องการของตัวเองนี่แหละ

‘Music can change the world’  – LUSS เชื่อแบบนั้นไหม?

ปั้น: เพลงมันก็คือ Soft Power อ่ะเนอะ ในวันที่ดี เราฟังเพลงเศร้าแค่แปปเดียว เราอาจจะร้องไห้ก็ได้ หรือในวันที่เราเศร้ามากๆ เราฟังเพลงที่ทำให้เรารู้สึกสนุก มันก็เปลี่ยนอารมณ์เราได้ มันเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ แต่เราว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็น Soft Power ที่หลายๆ คนอาจจะยังมองข้ามไปว่ามันมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามาก 

「เบื้องหลังขับเคลื่อนวงการ T-POP」

การได้ร่วมงานกับหลากหลายศิลปิน ทำให้ LUSS ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

ปั้น: เรียนรู้ว่ามันต่างกันในการทำเพลงให้คนอื่น กับการทำเพลงของตัวเอง แล้วก็ศิลปินมีหลายแบบมาก มีทั้งศิลปินที่รู้จักตัวเองแล้วก็ยังคงค้นหาอยู่ ความยากคือเราต้องดึงตัวตนของเขาออกมาให้ได้มากที่สุด

เบน: คีย์สำคัญของการเป็นศิลปินคือการต้องเป็นตัวเอง อย่างพี่กอล์ฟก็คือชัดมาก เสียงของเขา หรือแม้กระทั่ง 4EVE เองก็ตาม ก็มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน มีเสียงที่ชัดเจน

ถ้าอย่างนั้น เอกลักษณ์ T-POP คืออะไร

ปั้น: คนไทย เราอยู่กันเอง เราอาจจะยังไม่รู้ว่า ‘จริงๆ คนไทยมีเอกลักษณ์มากแล้ว’ แต่พวกเรากำลังพยายามค้นหาอะไรบางอย่างกันอยู่ ไปเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้ เคยมีโอกาส สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่น ตอนนั้น เขาบอกเองเลยว่า ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีน มี วัฒนธรรมที่ต่างกันมาก แล้วมันสะท้อนในรูปแบบของเพลง การทำเอ็มวี และอาร์ตทุกอย่างของไทยอยู่แล้ว มีศาสตร์และเมโลดี้ที่มาจากภาษาไทย ด้วยความที่มีวรรณยุกต์มาจำกัดเมโลดี้ บางทีเราอยู่ตรงนี้ จนเราลืมมองไปว่า T-POP มีเอกลักษณ์อยู่แล้ว

เบน: มันจะมีบางสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชัดของความเป็น T-POP อยู่ โดยที่บางทีคนไทยเองมองข้ามไป เพราะเราอยู่กับมันทุกวัน พอเราคุยกับคนที่มองจากภายนอกเข้ามา เข้าดันเห็นมันชัดมาก และทำให้เรารู้ว่าความเป็น T-POP มันแฝงอยู่ทุกที่เลย

ปั้น:  อย่างเกาหลี เขาจะมีความเพอร์เฟ็คเก็บทุกเม็ด อาจจะเป็นเพราะว่ารัฐบาลเขาสนับสนุน ส่วนญี่ปุ่น ภายใต้ culture ความน่ารัก ก็มีความบ้าๆ บอๆ ที่เขาไม่เหมือนประเทศเอเชียอื่น ส่วนของไทย อย่างหนึ่งคือด้วยความที่เราเป็นประเทศเขตร้อน (tropical country) เรามีทะเล มันมีความชิล ตลกขบขันมากกว่า ไม่ซีเรียส แล้วเกิร์ลกรุ๊ปก็จะมีหลายแบบ มี 4EVE ที่ฟาดๆ สนุกๆ หรือแม้กระทั่ง PIXXIE ที่มีความเป็นผู้หญิง (feminine) มากขึ้น

เบน: ตอนแรกก็มีการอิง (ref.) เป็น k-pop แต่สุดท้าย ตอนนี้ก็มีการเปลี่ยนวิธีการทำงานกัน ไม่งั้นเราก็เป็น k-pop ในอีกรูปแบบหนึ่งเฉยๆ เพราะฉะนั้นเราก็แค่ต้องเป็นตัวเองให้มากสุด

ถ้ารัฐบาลสนับสนุน T-POP จะไปได้ไกลกว่านี้ใช่ไหม

ปั้น: ประเทศโลกที่หนึ่งกับประเทศที่กำลังพัฒนามันก็ต่างกัน ความต้องการขั้นพื้นฐาน (ของประเทศโลกที่หนึ่ง) โอเคแล้ว ถึงโฟกัสเรื่องศิลปะได้ ของเรามันยังมีบางจุดในประเทศที่ต้องการพัฒนาอยู่ เข้าใจว่า (ศิลปะ) ยังไม่ใช่ความต้องการแรก (priority)

เบน: เราว่ามันก็ดีขึ้นในทุกๆ วัน

ปั้น: ใช่ มันดีขึ้นในทุกๆ วัน

「เติบโตมากับวัฒนธรรมเอเชีย」

การใส่องค์ประกอบ “ความเป็นไทย” ลงในเพลงหรือ MV จะเป็น “Soft power” ที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมไทยได้ไหม

ปั้น: อืม… มันได้อยู่แล้วนะคะ ด้วยยุคสมัยในตอนนี้ Asian Rising กำลังเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากขึ้น พวกเรามันเจ๋งนะเว้ย เราเลยหลงใหลกับมันมานานแล้วและไม่มีโอกาสเอามาใส่ในภาพของเพลง รอบนี้ก็เลยตั้งใจทำให้ชัดขึ้น

เบน: มันคือความเป็นตัวเรา เราโตมากับมัน

“เธอบอกว่าเธอ bad ยิ่งกว่า Sukuna

but baby don’t you know I’m your Makima”

ปั้น: อนิเมะก็เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมเอเชียที่เราโตมา ในอัลบั้มนี้เราเลยอยากนำความเป็นวัฒนธรรมเอเชียมาใส่มากขึ้น ทั้งในภาพและเพลง

เบน: อย่างเพลงเตลิดมันก็มีเนื้อเพลง เป็นตัวอนิเมะ อย่างเพลง howyoulie. เราก็นำเสนอผ่านการเล่นโกะ ยิ่งเพลงถัดไปที่ถ่ายเอ็มวีไปแล้ว ก็จะชัดที่สุด

「Is there anything on the Moon?

เปลี่ยนชื่ออัลบั้มจาก ‘Pink Sky’ สู่ ‘Is there anything on the Moon?’

ปั้น: ตอนแรกเรารู้สึกว่ามันรสวนิลามากเลย Pink Sky ~ คือตอนแรกเราตั้งเป็นตุ๊กตาไว้ก่อน เพื่อที่เราจะทำอัลบั้มให้สำเร็จสักที เออ พอเราได้มาดูโทนสี เอ่อ.. มันดูไม่ใช่ มันดูแสบกว่านั้น ซึ่ง ‘Is there anything on the Moon?’ แสดงถึงความขี้สงสัยของพวกเราได้ดี

เบน: อย่างที่บอก เราชอบตั้งคำถามกับทุกๆ สิ่ง เวลาที่เราทำเพลง 1 เพลง คือการที่เราได้ค้นตัวเองเยอะมากๆ รู้สึกว่า ‘Is there anything on the Moon?’ เป็นอะไรที่พอดีกับเรามากที่สุด

ถ้าให้เลือกของ 1 ชิ้นเอาไปไว้บนดวงจันทร์

ปั้น: ถ้าคิดเร็วๆ เราจะทิ้งอัลบั้มของตัวเองไว้บบนนั้น

เบน: ให้คนบนดวงจันทร์ได้ฟัง ว่ามีอะไรอยู่บนดวงจันทร์ (หัวเราะ)

เบน: ส่วนเราเอาส้มตำปูปลาร้าที่เผ็ดมากๆ ไปให้เขาแล้วกัน เวลาเราคุยกับเพื่อนในต่างประเทศที่ชอบไปร้านอาหารไทย เขาบอกว่า I love ส้มตำมากเลย แล้วเขาก็เปิดรูปให้เราดู แล้วเราแบบ ของปลอมอะ อันนี้มันไม่ใช่เลย เราว่าน้อยคนจะได้กินส้มตำปูปลาร้าของจริง เราคงเอาไปให้ชาวดาวอังคารได้กิน

ปั้น: แต่อาหารมันออกไปอยู่บนดวงจันทร์แล้วมันจะกลายร่างเป็นอะไรอะ เพราะแบบนักบินอวกาศ ก็ต้องกินอาหารที่บดไปแล้ว …