Skip links

Events

Tags

“Tron: Ares ทรอน แอรีส” เปิดฉากสงคราม AI ยกระดับโลกดิจิทัล สู่ประสบการณ์ไซไฟสุดล้ำใจกลางกรุงเทพฯ ก่อนระเบิดความมันเต็มพิกัด 9 ตุลาคมนี้ ในระบบ IMAX

การกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกดิจิทัลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! “Tron: Ares ทรอน แอรีส” ภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟฟอร์มยักษ์แห่งปีจาก Walt Disney Studios ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างสมศักดิ์ศรี ด้วยการเนรมิตพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานครให้กลายเป็น “The Grid” โลกดิจิทัลสุดล้ำที่แฟน ๆ ทั่วโลกรอคอย ในงาน “Tron: Ares Light Installation” ที่ Infinicity Hall ชั้น 5 สยามพารากอน งานเปิดตัวครั้งนี้ไม่เป็นเพียงแค่การเผยโฉมภาพยนตร์ แต่คือการมอบประสบการณ์เหนือจริงที่พาผู้ร่วมงานก้าวเข้าสู่สมรภูมิของแสงและเสียงแห่งโลกอนาคต Infinicity Hall ถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามประลองสุดล้ำ ด้วยเส้นแสงเลเซอร์สีนีออนอันตระการตาที่พาดผ่านผนังและเพดาน ผสานกับจังหวะดนตรี EDM สุดเร้าใจที่กระตุ้นอะดรีนาลีน จัดเต็มด้วยการแสดงแสงสีสุดตื่นตาที่จำลองบรรยากาศของโลก Tron ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้ผู้ชมได้อินไปกับสงครามระหว่างมนุษย์และ Ares นักรบเอไออัจฉริยะที่ถูกส่งมาทำภารกิจในโลกจริง บรรยากาศในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยเหล่าคนดังและแฟน Tron ตัวจริงที่มารวมตัวกันอย่างคึกคัก นำโดยสองดาราผู้หลงใหลในโลกไซไฟอย่าง ธามไท แพลงศิลป์ และ เก้า-สุภัสสรา ธนชาต ที่ได้ร่วมแชร์ความประทับใจต่อแฟรนไชส์นี้ รวมถึงความตื่นเต้นกับเนื้อหาใหม่ที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม จากนั้นจึงเป็นการปิดท้ายค่ำคืนด้วยปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้แสงเลเซอร์และดนตรีจากดีเจชื่อดังระดับโลก 22Bullets ที่ระเบิดความมันด้วยบีตที่สอดรับกับความล้ำสมัยของ Tron: Ares สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ทุกคนได้เตรียมพร้อมก่อนการฉายจริงในโรงภาพยนตร์ 9 ตุลาคมนี้ เสียงตอบรับสุดยอด: ยกระดับประสบการณ์ไซไฟสู่จอ IMAX นอกจากปาร์ตี้สุดพิเศษแล้ว งานนี้ยังมีการจัดฉายภาพยนตร์รอบสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ซึ่งเสียงตอบรับที่กลับมานั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “Tron: Ares ทรอน แอรีส” คือปรากฏการณ์ใหม่แห่งภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟที่ครบเครื่องในทุกมิติ นักวิจารณ์ต่างยกย่ององค์ประกอบศิลป์ที่ยอดเยี่ยมและไร้ที่ติ ทั้งงานภาพที่ตระการตา การออกแบบฉากแอ็กชันที่เฉียบคม และมิติเสียงที่โอบล้อมผู้ชม จุดที่ได้รับคำชมเป็นพิเศษคือการถ่ายทอดเรื่องราวที่แปลกใหม่และลุ่มลึก ผ่านการเดินทางของ Ares (รับบทโดย Jared Leto) จากการเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีเป้าหมายชัดเจน สู่การค้นหาและทำความเข้าใจในแก่นแท้ของ “ความเป็นมนุษย์” ซึ่งสร้างความประทับใจด้านอารมณ์ความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง ผู้ชมและสื่อมวลชนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือภาพยนตร์ที่ ควรค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ระบบ IMAX ซึ่งจะมอบประสบการณ์เต็มอารมณ์ยิ่งกว่า ด้วยภาพที่เต็มตาและเสียงที่ทรงพลัง ทำให้ทุกอณูของโลกดิจิทัล The Grid มีชีวิตชีวาและสัมผัสได้ถึงความมันทะลุจอ การปะทะกันของโลก:
Tags

ANNYEONG! เพื่อนรักตะลุยเกาหลี: มหกรรมสัตว์เลี้ยง ‘เพ็ท วาไรตี้ 2025’ ที่สุดแห่งปี!

  อิมแพ็คฯ ผู้จัดงานแสดงสินค้าและบริการด้านสัตว์เลี้ยงชั้นนำของไทย พร้อมแล้วที่จะพาทุกท่านเข้าสู่โลกของสัตว์เลี้ยงที่ยิ่งใหญ่และมีสีสันกว่าที่เคย ในงาน “สมาร์ทฮาร์ท พรีเซนต์ส ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท วาไรตี้ เอ็กซิบิชั่น 2025” หรือที่รู้จักกันในชื่อ เพ็ท วาไรตี้ (Pet Variety) ครั้งที่ 15! งานนี้จัดขึ้นอย่างอลังการต่อเนื่อง 4 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 9-12 ตุลาคม 2568 ณ อาคาร 7-8 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้ธีมสุดเก๋ไก๋แห่งปี “ANNYEONG เพื่อนรักตะลุยเกาหลี” เพ็ท วาไรตี้ 2025 ได้ยกระดับสู่การเป็น Lifestyle Pet Exhibition แบบครบวงจรอย่างแท้จริง บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ที่รวมสัตว์เลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์และ สัตว์ Exotic หายากไว้กว่า 20,000 ตัว พร้อมบูธสินค้าและบริการจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 250 บูธ โดยคาดการณ์ว่างานนี้จะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 150,000 คน และสร้างเม็ดเงินสะพัดภายในงานได้สูงถึงกว่า 80 ล้านบาท เลยทีเดียว Pet Variety: มากกว่างานแฟร์ แต่คือ Lifestyle Pet Exhibition! นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการเลี้ยงสัตว์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสัตว์เลี้ยงพิเศษหรือสัตว์ Exotic ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้เลี้ยงในปัจจุบันมองสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวและต้องการประสบการณ์ที่มากกว่าแค่การซื้อสินค้า งานเพ็ท วาไรตี้ 2025 จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่ม Gen Z Pet Parents, ครอบครัวคนรุ่นใหม่, และ Exotic Lovers ที่กำลังขยายตัวในประเทศไทย ด้วยการนำเสนอสินค้า บริการ กิจกรรม และโซนสัตว์
Tags

สารทเดือนสิบนครศรีธรรมราช ผนวกหมุดหมายนักเดินทางสายมู และแคมเปญ “เทสใต้ Tasty: เมนูอาหารสีดำ”

เทศกาลท้องถิ่นไม่ได้เป็นเพียงการสืบสานประเพณี แต่กำลังถูกยกระดับให้เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบ Festival Economy ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการสืบสานวัฒนธรรมแต่เป็นการลงทุนทางเศรษฐกิจที่สร้างชื่อเสียงให้ กับจังหวัด สร้างรายได้ และเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจท้องถิ่น เช่นเดียวกับ “งานสารทเดือนสิบ นครศรีธรรมราช” ที่กำลังได้รับการยกระดับผ่านความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน นำโดย หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช, YEC นครศรีธรรมราช, สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้ หรือ ทีเส็บ เป็นหัวเรือใหญ่ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช และผู้ประกอบการในจังหวัด ผลักดัน Local Festival อันมีเอกลักษณ์นี้ไปสู่ Flagship Festival ให้สามารถต่อยอดได้ในระดับสากล เริ่มคิกออฟด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “เทสใต้ Tasty: เมนูอาหารสีดำ” ภายใต้แนวคิด “ชวนคนคอนหลบบ้าน รับตายาย สไตล์ใหม่” ผนวก Soft Power ด้านความเชื่อเข้ากับอัตลักษณ์อาหารพื้นถิ่น และเทรนด์การท่องเที่ยว สายมู  เพื่อสืบสานประเพณีท้องถิ่นสู่เทศกาลระดับประเทศที่ยังคงเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ ได้อย่างทันสมัยและ น่าจดจำ โดยใช้ “อาหาร” เป็นภาษากลาง เทศกาลสารทเดือนสิบ = เทศกาลกระตุ้นเศรษฐกิจ นายสิทธิพันธุ์ ปิติเจริญกิจ ประธานผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า “เราต้องการยกระดับเทศกาลสารทเดือนสิบให้กลายเป็น Magnet ของเศรษฐกิจจังหวัดไม่ใช่แค่พิธีกรรม และความเชื่อ แต่เป็นงานที่ดึงดูดนักเดินทางรุ่นใหม่ และสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น ทั้งร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจบริการ โดยในมิติของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้นำร่อง ร่วมยกระดับด้วยการจัดงาน Must Mu ชูจุดขายเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และ Soft Power ด้านความเชื่อ ซึ่งปีนี้ YEC นครศรีธรรมราช ได้ร่วมมือกับ ทีเส็บ ภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)และผู้ประกอบการ ท้องถิ่น ผนึกกำลังร้านอาหารชื่อดังทั่วเมืองเพื่อสร้างสรรค์ เมนูสีดำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความขลังและความเชื่อ เชื่อมโยงกับ Soft Power ของเทศกาลภายใต้แคมเปญ

สารทเดือนสิบเมืองคอน : “หลบบ้าน” ปีนี้ ห้ามพลาดของดีเมนูอาหารสีดำ

“เดือนสิบให้เห็นหน้า เดือนห้าให้เห็นตัว” คือ ถ้อยคำที่ปู่ย่าตายายชาวใต้พูดสืบต่อกันมา เป็นเหมือนนาฬิกาหัวใจที่นับวันรอให้ลูกหลานกลับบ้านมาพร้อมหน้า เพราะสารทเดือนสิบไม่ใช่เพียงงานบุญ แต่คือสัญญาใจเพื่อสานสายใยในครอบครัว ว่าอย่างน้อยปีละครั้ง ทุกคนจะได้กลับมากินข้าวด้วยกัน ทำบุญอุทิศเพื่อบรรพบุรุษ และเติมเต็มความคิดถึงที่เก็บไว้นาน ในปีนี้ ความหมายของคำว่า “หลบบ้าน” หรือ “กลับบ้าน” ยิ่งลึกซึ้งไปกว่าเดิม เมื่อเทศกาลสารทเดือนสิบที่สืบสานกันมานับพันปี ถูกต่อยอดสู่ เมนูอาหารสีดำ ที่ทั้งน่าลิ้มลองและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เป็นบทพิสูจน์ว่าประเพณีเก่าแก่ก็สามารถก้าวข้ามกาลเวลาได้ โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของความกตัญญูเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ “เทสใต้ Tasty เมนูอาหารสีดำ” ที่มีแนวคิดจะยกระดับ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงดูดลูกหลานให้กลับมาสัมผัสเสน่ห์ใหม่ๆ ของเมือง แต่ยังรวมถึงการดึงดูดนักเดินทางใหม่ๆ ให้เข้ามาในจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน  ในเดือนกันยายนนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การขับเคลื่อนของ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ หรือ ทีเส็บ ชักชวนร้านอาหารกว่า 30 ร้าน ใน 7 อำเภอ ได้แก่ เมือง พรหมคีรี ขนอม สิชล ท่าศาลา ทุ่งสง และ ปากพนัง เพื่อร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารสีดำขึ้นมาเป็นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อเรื่อง “ความขลัง” และ “ความมู” ของจังหวัด  “สีดำ” จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องการเดินทางของวิญญาณบรรพบุรุษในช่วงสารทเดือนสิบ หัวใจหลักของโครงการคือการใช้ “อาหาร” เป็น Soft Power เพื่อเล่าเรื่องราวของประเพณีนี้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย หัวใจของงาน: “หมฺรับ” สำรับแห่งความกตัญญู หากพูดถึงประเพณีสารทเดือนสิบ คำแรกที่คนใต้ทุกคนต้องนึกถึงคือ “หมฺรับ” หรือ “มฺรับ” ในภาษาใต้ ซึ่งหมายถึง “สำรับ” ศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกหลานจัดทำขึ้นอย่างประณีตเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่เชื่อกันว่าได้เดินทางกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ หมฺรับจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความผูกพัน และหัวใจของความเป็นคนใต้ที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง   ภาพจำในอดีตของหมฺรับคือ กระบุงไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ ที่บรรจุสิ่งของนานาชนิดจนเต็มเปี่ยม แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยน เป็นถาดหรือกระเชอที่ทันสมัยขึ้น แต่แก่นสารและความหมายไม่เคยจางหายไป สิ่งของที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในหมฺรับแต่ละชั้นล้วนมีนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าเป็นของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางของดวงวิญญาณในโลกหน้า เปรียบเสมือนการจัดเตรียม “สัมภาระ” ให้บรรพบุรุษได้เดินทางอย่างสะดวกสบายและมีความสุข   ชั้นล่างสุด: มักบรรจุ
Tags

“วันปล่อยเสือ ปี 5” เทศกาลดนตรีรักษ์โลกที่แรกของไทย! มันส์แบบยั่งยืนไปพร้อมกัน 25-26 ตุลาคมนี้

ชาวร็อก ชาวอินดี้ และชาวป่าเตรียมตัวให้พร้อม! “วันปล่อยเสือ ปี 5” เทศกาลดนตรีสไตล์ลูกเสือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังจะกลับมาแล้ว โดยปีนี้มาพร้อมคอนเซปต์ใหม่ที่แหวกแนวและน่าสนใจสุดๆ กับการเป็น เทศกาลดนตรี Eco-Friendly อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกของเมืองไทย! จัดโดย HEAVY ORGANIZER ผู้จัดเจ้าเดิมที่บ้าคลั่งและคร่ำหวอดในวงการ นำทีมโดย เฮง โคตรอินดี้ หรือคุณบุรินทร์ทร แซ่ล้อ ปีนี้พวกเขาพร้อมชวนทุกคนมา “มันส์” ไปพร้อมๆ กับการสร้าง “ความยั่งยืน” ในงาน “LEO presents วันปล่อยเสือ ปี 5 ตอน จงมันส์ดี” งานนี้จัดหนักจัดเต็ม 2 วัน 5 เวทีธรรมชาติ ที่ค่ายลูกเสือภูริทัต อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ในวันที่ 25-26 ตุลาคม 2568 พบกับทัพศิลปินไทยกว่า 70 วง พร้อม 20 วัฒนธรรมร่วมสมัย และ 10 ฐานกิจกรรมสุดมันส์ ที่จะสร้างประสบการณ์ที่ทั้งสนุกและดีต่อโลกไปพร้อมๆ กัน ความมันส์ที่มาพร้อมกับความยั่งยืน วันปล่อยเสือปี 5 นี้จะเป็นต้นแบบของเทศกาลดนตรีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่แท้จริง ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ลงมือทำจริงทุกขั้นตอน ทั้งระบบ Zero Waste (ถังปุ๋ยจากเศษอาหาร), Refill Zone (จุดเติมเครื่องดื่มด้วยแก้วและขวดที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้), การใช้ พลังงานสะอาด จากโซลาร์เซลล์บนเวที, การใช้ รถไฟฟ้า/จักรยานไฟฟ้า ในงาน, การ ปลูกต้นไม้ เพื่อชดเชยคาร์บอน ไปจนถึงการ ลด-คัดแยก-รีไซเคิลขยะ 100% เรียกได้ว่าทุกรายละเอียดใส่ใจเพื่อโลกของเรา ความตั้งใจจริงนี้ทำให้งานได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากทั้งแฟนเพลงขาประจำและพาร์ทเนอร์สายกรีนที่พร้อมจะมาร่วมกันสร้างสรรค์เทศกาลดนตรีแห่งความยั่งยืนนี้ งานแถลงข่าวที่อัดแน่นไปด้วยความมันส์ เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา งานแถลงข่าวจัดขึ้นอย่างเป็นกันเองในสไตล์วันปล่อยเสือ ณ Hard Rock Cafe Bangkok เริ่มต้นความสนุกด้วยการแสดงจาก โหน่ง หัสดี และ หนู มิดด้าม
Tags

“หลิง–ออม” แท็กทีมสะกดแฟนด้อมกลางเซ็นทรัลเวิลด์ ในงาน “DO DAY DREAM: Innovate for a Better Future”

บรรยากาศที่เซ็นทรัลเวิลด์ร้อนแรงขึ้นทันที! เมื่อสองสาวไอคอนแห่งปี “หลิงหลิง – ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม – กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” ควงคู่ขึ้นเวทีในงาน “DO DAY DREAM: Innovate for a Better Future” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของสองแบรนด์ดัง SPARKLE และ LESASHA งานนี้แฟนคลับทั้งไทยและต่างชาติ ต่างมาให้กำลังใจกันแน่นพื้นที่ พร้อมเสียงกรี๊ดสนั่นตั้งแต่ทั้งคู่ปรากฏตัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและพลังแฟนด้อมที่ผลักดันให้ทั้งสองแบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา บนเวที “หลิงหลิง” เผยว่า SPARKLE คือ Must-Have ไอเทมที่ใช้ทุกวันเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ส่วน “ออม” ก็ย้ำว่า LESASHA ไม่ใช่แค่เครื่องทำผม แต่คือไอเทมเสริมลุคที่ช่วยให้มั่นใจได้ทุกวัน ทั้งคู่ยังไม่ลืมขอบคุณแฟน ๆ ที่คอยอยู่เคียงข้างและส่งพลังบวกเสมอมา เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นพลัง Fandom Marketing ที่ Do Day Dream ใช้เพื่อเชื่อมโยงผู้คนกับแบรนด์ได้อย่างทรงพลัง สมฐานะคู่จิ้นแห่งยุค ที่ทรงอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมบันเทิงในสาย Girl’s love ในช่วงปีที่ผ่านมา

คิง เพาเวอร์ เฉลิมฉลองวันมหาสงกรานต์สุดคึกคัก ในงาน “อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก” ยกทุก BEACH! สนุกสุดขีดให้โลกจำ

พบกับขบวนพาเหรดสุดยิ่งใหญ่จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-รางน้ำ นำโดย อาโป-ณัฐวิญญ์, วิน-เมธวิน, ต้าห์อู๋-พิทยา และออฟโรด-กันตภณ
Tags

คิง เพาเวอร์ “อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก” จัดเต็มกับอภิมหาความบันเทิงตลอด 6 วันเต็ม เริ่มวันนี้ – 15 เม.ย. นี้

(10 เมษายน 2568) กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย – กทม. – ททท. และ ชุมชนย่านรางน้ำ ยกระดับความสนุกสุดขีด ชวนปักหมุดเทศกาลสงกรานต์ ที่งาน “อภิมหาสงกรานต์รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก” ยกทุก BEACH! สนุกสุดขีดให้โลกจำ คิกออฟเทศกาลสงกรานต์กับพิธีเปิดงานสุดยิ่งใหญ่ โดยได้รับเกียรติจาก คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน  พร้อมร่วมชมขบวนพาเหรด จากศิลปินและนักแสดงสุดฮอตแห่งปี เจฟ-วรกมล ซาเตอร์, หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง, ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ และ เอม-สรรเพชญ์ คุณากร นำทัพขบวนความสนุกสุดหรรษาท่ามกลางกิจกรรมไฮไลต์ ที่ต้องมา “สาด เต้น เล่น กิน ช้อป สนุกสุดขีดให้โลกจำ” ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พบกับ โปรโมชันจัดเต็ม และกิจกรรมอัดแน่นตลอด 6 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 15 เม.ย. 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ  เริ่มแล้วงาน “อภิมหาสงกรานต์ รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก” ยกทุก BEACH! สนุกสุดขีดให้โลกจำ โดยความร่วมมือของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กระทรวงมหาดไทย, กรุงเทพมหานคร, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และชุมชนย่านรางน้ำ กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 – 15 เม.ย. 2568 ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างสีสันความสนุกให้กับช่วงเทศกาลของไทยให้ยิ่งใหญ่คึกคักสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมผลักดันให้ย่านรางน้ำก้าวสู่การเป็น GLOBAL FESTIVALISATION เดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลองในทุกเทศกาล ตอกย้ำย่านรางน้ำเป็นแลนด์มาร์กสำหรับการเล่นน้ำสงกรานต์  โดยในพิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ร่วมด้วยคุณอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, คุณอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, คุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย และคุณวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมชมความยิ่งใหญ่ของขบวนพาเหรดอภิมหาสงกรานต์ รางน้ำ มโหฬาร มหาสนุก จากทัพศิลปินและนักแสดงสุดฮอตแห่งปี เจฟ-วรกมล ซาเตอร์, หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง, ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ และ เอม-สรรเพชญ์ คุณากร เดสติเนชั่นแห่งการเฉลิมฉลองในทุกเทศกาล ตอกย้ำย่านรางน้ำเป็นแลนด์มาร์กสำหรับการเล่นน้ำสงกรานต์ 
Tags

งานหนังสือ 68 มีอะไร? งานไม่ใหญ่แน่นะวิ

1) เพิ่มฮอลล์ ขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น จากเดิม 15,000 ตารางเมตร เป็น 20,000 ตารางเมตร 2) ขยายบูธเพิ่มเป็น 1,200 บูธ จาก 400 สำนักพิมพ์ 3) หนังสือที่งานกว่า 2,000,000 เล่ม 4) เพิ่มกิจกรรมพบปะระหว่างนักเขียนกับนักอ่าน ตามโซนต่างๆ ให้มากขึ้น รวมไปถึงนักเขียนต่างชาติ ที่จะได้เจอกับนักอ่านไทยมากขึ้นด้วย 5) ต่อยอด Bangkok Right Fair หรืองานซื้อขายลิขสิทธิ์ในลักษณะ B2B ให้สำนักพิมพ์ต่างชาติร่วมเจรจาซื้อขายลิขสิทธิ์กันภายในงานหนังสือ ซึ่งประสบผลสำเร็จมาจากปีก่อนหน้า และในปีนี้ มีสำนักพิมพ์ต่างชาติเดินทางมาร่วมกว่า 14 ประเทศ และทางผู้จัดคาดการณ์ตัวเลขซื้อขายสูงถึง 65 ล้านบาท 6) บูธตัวแทนจากต่างประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน อิหร่าน ยูเครน ฯลฯ ที่มาร่วมสมทบความเป็นงานหนังสือนานาชาติให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ในส่วนของเราเองก็มี 7) นิทรรศการหนังสือแปล ที่ได้รับทุนการแปลเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานของ Soft Power สาขาหนังสือ ที่ต้องการนำผลงานไทยไปบุกตลาดโลกให้มากขึ้นกว่าเดิม 8) นิทรรศการหนังสือที่ผู้จัดคัดเลือกมา ในที่นี้ทางเราขอใช้คำว่า “หนังสือแนะนำที่คนยังไม่ค่อยได้อ่าน” โดยมีกรรมการคัดสรรเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพราะว่ากันตามตรง วงการหนังสือก็ไม่ต่างจากวงการสร้างสรรค์อื่นๆ ที่ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งมีฐานผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มของตนเองมากขึ้น กล่าวคือ niche market เติบโตและแข็งแรงมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งต่อให้เป็นนักอ่านที่ท่องทะยานโลกอักษรมากขนาดไหน ก็ยากที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มอื่น หรือในภาพรวม นิทรรศการลักษณะนี้ก็สามารถชี้เป้า “ของดีที่เราอาจตกหล่นไป” ได้เช่นกัน 9) โซนพิเศษ “นวดเพื่อสุขภาพ” ใครเดินจนปวดเมื่อยก็เข้าไปใช้บริการได้ (แว่วๆ มาว่าราคาย่อมเยาว์ซะด้วยนะ) ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “จะทำยังไงให้งานหนังสือไม่ใช่แค่แหล่งขายหนังสือ” “งานหนังสือต้องไม่ใช่มหกรรมลดราคาหนังสือ” “และต้องไม่ใช่พื้นที่เอื้ออาทรระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย” เอาเข้าจริง ปัญหาวงการหนังสือบ้านเรายังมีให้สาธยายอีกมาก แต่หากจำกัดวงแคบมาเฉพาะที่งานหนังสือ คงต้องบอกว่า มีอีกมากมายที่เราสามารถยกระดับขึ้นได้อีก ทั้งการเป็นตัวแทนของคนวงการหนังสือทั้งประเทศ และความเป็นอีเวนต์ระดับนานาชาติของอาเซียน ยังไม่นับรวมถึงรายละเอียดปลีกย่อย อาทิ ไม่มีเก้าอี้-ที่นั่ง
Tags

Key Success ของคนทำ Festival ปั้นเทศกาลให้ปัง พร้อมดัน Soft Power

งานเทศกาล นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติได้จำนวนมาก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลดั้งเดิม หรือ งานเทศกาลสมัยใหม่ ก็ล้วนแต่เป็นที่สนใจในระดับสากล  ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาสู่แนวคิดที่จะยกระดับและผลักดันงานเทศกาลของไทยให้มีหน้ามีตาทัดเทียมเทศกาลระดับโลก ด้วยความร่วมมือจาก TCEB, THACCA, OFOS และ EMA ซึ่งได้จัดการอบรมพิเศษในโครงการ Event Think Tank เป็นเวลา 2 วัน สำหรับทุกฝ่ายที่สนใจ Festival ยิ่งไปกว่านั้น ภายในงานยังได้รวมเอาคนในวงการที่ประสบความสำเร็จ มาร่วมแบ่งปันความรู้ และแชร์วิธีคิดที่น่าสนใจ แต่ละคนที่มาเรียกได้ว่ารุ่นใหญ่ทั้งนั้น โดยในวันที่ 2 ของการอบรม มีประเด็นที่เราเก็บมาฝากได้ดังนี้ 1. นิมิตร พิพิธกุล เจ้าของงาน puppet festival / อุปนายกสมาคมการค้าส่งเสริมการจัดมหกรรมและเทศกาลนานาชาติ “ทุกอย่างเป็นเทศกาลได้ แต่เทศกาลจะสร้างให้มีทุกอย่างไม่ได้” ประโยคง่ายๆ ที่สรุปใจความได้อย่างครบถ้วน คือคุณนิมิตรกำลังบอกว่า เราสามารถจัดเทศกาลได้จากทุกอย่างนี่แหละ ตัวคุณนิมิตรเองก็จัดงานจากสิ่งเล็กๆ อย่าง “หุ่น” จนกลายมาเป็น “เทศกาลหุ่นโลก” ซึ่งจัดมาแล้วกว่า 28 ครั้ง โดยรวบรวมเอาหุ่นมาจากทั่วมุมโลก อันเป็นภูมิปัญญา วัฒนธรรม และสินค้าของแต่ละแห่ง  แต่กระนั้นก็ตาม ใช่ว่าเทศกาลจำเป็นต้องมีทุกอย่าง เพราะบางครั้งการทำให้มีทุกอย่าง เช่น อาหาร เสื้อผ้า ดนตรี กีฬา ฯลฯ อาจทำให้ตัวงานไม่เป็นที่จดจำ สุดท้ายแล้วคนก็ลืมว่ามันคืองานอะไร เพราะฉะนั้น ควรเลือกแก่นให้ชัดเจนว่าจะทำอะไร ต่อให้สิ่งนั้นจะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มแค่ไหนก็ตาม “เมื่อเราทำเทศกาล ไม่ใช่ว่าเรา(คนไทย)รู้จักไหม แต่คือโลกรู้จักไหม เพราะทั่วโลกมี 193 ประเทศ และทุกประเทศมีหุ่น ซึ่งมันไม่ใช่แค่ของสำหรับเด็กเล่น แต่คือวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และสินค้าของแต่ละชาติ” ในบริบทนี้ คุณนิมิตรยังกล่าวเสริมอีกว่า สำหรับการทำงานเทศกาล โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างชาติ “ความเคารพ” เป็นเรื่องสำคัญ ในที่นี้ไม่ใช่แค่การให้พื้นที่ ให้โอกาส หรือให้เวลาโดยเท่าเทียมกัน แต่เป็นการเคารพตัวตนและอัตลักษณ์ของแต่ละกลุ่มชน  “อย่าเอาเขามาเปลี่ยน เราไม่แปร art เขามาเป็น product