Skip links

Wellness

Tags

Simmons: โรลส์รอยซ์แห่งวงการที่นอน ตำนานแห่งการนอนที่โลกยอมรับมากว่า 155 ปี

เมื่อพูดถึงที่นอนระดับโลกที่เป็นที่ไว้วางใจของบุคคลสำคัญและโรงแรมหรู ชื่อ Simmons คือคำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาเมื่อเรานึกถึง แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ไม่ได้เพียงแค่ผลิตที่นอน แต่ได้สร้าง “มรดกแห่งการพักผ่อน” ที่อยู่คู่โลกมานานกว่าศตวรรษครึ่ง ในปี 1870 Zalmon Simmons พร้อมพนักงานเพียง 9 คน ได้ก่อตั้ง Simmons Bedding and Furniture ด้วยความตั้งใจที่จะเปลี่ยนวิถีการพักผ่อนของมวลมนุษยชาติให้ดียิ่งขึ้น และเพียงไม่กี่ทศวรรษถัดมา Simmons ได้พลิกโฉมวงการด้วยนวัตกรรม Pocketed Coil Spring (1910) ที่กลายเป็นมาตรฐานทองคำของที่นอนไฮเอนด์ทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ตำนานที่เลือก Simmons ตลอดประวัติศาสตร์ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่างก็เลือก Simmons เป็นเพื่อนคู่ใจในยามพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็น Henry Ford – ผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ Thomas Edison – นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ Eleanor Roosevelt – สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐฯ George Bernard Shaw – นักเขียนรางวัลโนเบล แม้แต่การเดินทางครั้งสำคัญทางประวัติศาสตร์ Simmons ก็มีส่วนร่วม—ทั้งบนเรือเดินสมุทร Titanic และ Queen Mary เรือหรูที่เป็นตำนานของโลก จากความหรูหรา สู่การเข้าถึงได้ ปี 1925 วิศวกร John Franklin Gail สร้างเครื่องจักรที่ทำให้การผลิตที่นอน Beautyrest ในระดับอุตสาหกรรมเป็นจริง คุณภาพระดับโรงแรม 5 ดาวจึงเริ่มเข้าถึงผู้บริโภคทั่วไปได้ และในปี 2000 Simmons สร้างสถิติครั้งสำคัญ ด้วยการจัดส่ง Heavenly Bed กว่า 55,000 ชิ้น ให้กับเครือโรงแรม Westin ในคำสั่งซื้อครั้งเดียว—พิสูจน์ความไว้วางใจจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับโลก Simmons Gallery ทองหล่อ: ประสบการณ์การนอนเหนือระดับ ใจกลางสุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ Simmons เปิดโชว์รูมใหม่กว่า 270 ตร.ม. เพื่อมอบประสบการณ์การเลือกที่นอนที่ไม่เหมือนใคร

พุทธะ-พาวเวอร์ อำนาจแห่งศรัทธา : เมื่อพุทธศาสนากลายเป็น Soft Power ของเอเชีย

ในทศวรรษที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันอันเข้มข้น ไม่เพียงแต่อาวุธหรือเศรษฐกิจเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้ หากแม้แต่ “ศรัทธา” ก็กลายเป็นพลังสำคัญบนเวทีระหว่างประเทศด้วยเช่นกัร และพุทธศาสนาก็คือหนึ่งในมรดกล้ำค่าที่กำลังถูกช่วงชิงความเป็นใหญ่โดยสองมหาอำนาจแห่งเอเชีย ระหว่างอินเดียและจีน โดยอินเดียยืนหยัดประกาศตัวว่าเป็น “ถิ่นประสูติของพระพุทธเจ้า” เมืองพุทธคยาและสถานที่แสวงบุญอื่นๆ ถูกจัดเป็นเส้นทางโปรโมตสำหรับการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ประกอบกับการให้ยืมพระบรมสารีริกธาตุไปยังประเทศต่างๆ เช่น ไทยและเวียดนาม รวมถึงความสัมพันธ์กับองค์ทะไลลามะ ที่ยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักทางจิตวิญญาณให้แก่การทูตของอินเดีย ในอีกฟากหนึ่ง จีนเลือกเชื่อมพุทธศาสนาเข้ากับยุทธศาสตร์หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง(Belt and Road Initiative) ซึ่งมีทั้งการจัดประชุมนานาชาติ ฟื้นฟูสถานที่แสวงบุญ และเข้าไปสัมพันธ์กับชุมชนเถรวาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแนบแน่น เช่น การช่วยบูรณะวัดในศรีลังกา เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและลดความขัดแย้งในท้องถิ่นต่อโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของจีน ขณะเดียวกันก็มีบทบาทและอ้างอำนาจในสถาบันสำคัญทางพุทธศาสนาของทิเบต กล่าวคือ ใช้พุทธศาสนาเป็นทั้ง Soft Power และ Sharp Power เพื่อจุดประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์ การขับเคี่ยวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม หรือเผยแพร่ธรรมะปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางสัญลักษณ์เพื่อช่วงชิงอำนาจนำเชิงวัฒนธรรมและความชอบธรรมทางจิตวิญญาณ แต่ละก้าวของการทูตเชิงศาสนา จึงสะท้อนแรงดึงรั้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างละเอียดอ่อน ภาพที่เราเห็นจากการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในไทย หรือการจัดงานประชุมพุทธศาสนาที่ปักกิ่งและนิวเดลี อาจเต็มไปด้วยหมู่มวลแห่งความศรัทธาและการแลกเปลี่ยนทางจิตวิญญาณ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็คือการชิงพื้นที่ และความหมายทางวัฒนธรรม รวมถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างรัฐชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่อศาสนาถูกนำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ ก็ย่อมเสี่ยงที่จะทำให้มรดกอันศักดิ์สิทธิ์ถูกลดทอนเหลือเพียงเครื่องมือทางอำนาจ วัตถุโบราณอาจถูกมองเป็นเพียงของจัดแสดง การแสวงบุญอาจกลายเป็นเวทีโฆษณาชวนเชื่อ  แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากการทูตเชิงศาสนาก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และสามารถทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งความเมตตา ความเข้าใจ และสันติภาพ อันเป็นคุณค่าที่โลกสมัยใหม่กำลังโหยหา ท้ายที่สุด การทูตเชิงพุทธจึงไม่ควรถูกจำกัดเพียงการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐชาติ หากควรเป็นพื้นที่ในการส่งเสริมคุณค่าที่พุทธศาสนาถือเป็นแก่นศรัทธา และเปลี่ยนศรัทธาให้เป็นพลังเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าใจกันและกัน แทนที่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงของการแข่งขัน … อ้างอิง :  https://asiatimes.com/2025/08/hard-rivalry-for-buddhisms-soft-power/# https://is.muni.cz/th/rlt1p/ChinaBuddhistSoftPower.pdf https://orcasia.org/article/179/the-role-of-buddhist-diplomacy-in-indias-soft-power https://orcasia.org/article/179/the-role-of-buddhist-diplomacy-in-indias-soft-power

ลักเซมเบิร์ก : ประเทศที่ “สิทธิแรงงาน” และ “ประกันสังคม” ดีที่สุดในโลก

ลักเซมเบิร์ก เป็นหนึ่งในประเทศที่เล็กที่สุดในยุโรป โดยมีประชากรอยู่อาศัยราวๆ 600,000 คน และพื้นที่ใช้สอยก็ไม่ได้เยอะ เปรียบเทียบได้ใกล้เคียงกับจังหวัดอยุธยาเท่านั้นเอง แต่ทว่า ลักเซมเบิร์กกลับเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิตของแรงงานดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประเทศเล็ก แต่เศรษฐกิจแข็งแกร่ง เพราะเป็นประเทศขนาดเล็ก ครั้นจะอาศัยเพียงทรัพยากรในประเทศคงไม่เพียงพอต่อการเติบโต ลักเซมเบิร์กจึงต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและแรงงานจากทั่วโลก ให้เข้ามาเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนประเทศเล็กๆ แห่งนี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินและการธนาคารที่สำคัญของโลกติดต่อกันหลายปี ปัจจุบัน ประชากรในลักเซมเบิร์กกว่า 47% เป็นชาวต่างชาติ และข้อมูลของ IMF ระบุว่า GDP เฉลี่ยต่อหัวสูงถึง 131,380 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในโลก นอกจากรายได้ที่สูงแล้ว สิ่งที่ทำให้คนอื่นอยากเข้ามาทำงานที่นี่คือ เรื่องสวัสดิการ สวัสดิการที่ก้าวหน้า ในลักเซมเบิร์ก พนักงานทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่ดีเยี่ยม ตัวอย่างเช่น: ✅ วันลาพักร้อน 26 วัน (ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน) ✅ ลาป่วยได้ถึง 26 สัปดาห์ (ได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน) ✅ ลาคลอด 20 สัปดาห์ (ยังรับเงินเดือนเต็มจำนวน) ✅ โบนัสเงินเดือนที่ 13 หรือพูดง่ายๆ ว่าได้รับเงินกินเปล่าเพิ่มมาอีกหนึ่งเดือน อันนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ  ✅ สวัสดิการด้านสุขภาพ ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล ทันตกรรม และสายตา ✅ คูปองค่าอาหารฟรี ระหว่างวันทำงาน ✅ เงินช่วยเหลือค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าเล่าเรียนของตนเอง และบุตร ✅ สิทธิใช้รถบริษัทกลับบ้าน ✅ สิทธิเข้าร่วมคอร์สออกกำลังกายและดูแลสุขภาพจิตฟรี ภาษีแพงแต่คุ้มค่า แน่นอนว่าสวัสดิการที่ดีมาจากอัตราภาษีและเงินสมทบที่ค่อนข้างสูง แต่ภาครัฐสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่า เงินภาษีทุกบาท ทุกสตางค์ จะถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของทุกคนจริงๆ  สิทธิแรงงาน และประกันสังคมของลักเซมเบิร์ก จึงเปรียบเสมือนผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ซึ่งทำหน้าที่เป็นตาข่ายสังคม คอยคุ้มกันไม่ให้ผู้คนตกลงไปในก้นบึ้งแห่งชีวิต Soft Power ของลักเซมเบิร์ก มาตรฐานสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ไม่เพียงดึงดูดแรงงานมีทักษะจากทั่วโลก แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและธุรกิจข้ามชาติต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของแรงงานยังสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมและจุดยืนของลักเซมเบิร์ก ว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับสิทธิแรงงานและคุณภาพชีวิตของประชากรอย่างแท้จริง  ซึ่งไม่ใช่แค่ประชากรในประเทศเท่านั้น หากแต่เป็นประชากรจากทั่วโลก ในเมื่อแรงงานข้ามชาติเป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ