Skip links

Viral

ศึกมหาเวทย์ มวยไทย X ไสยศาสตร์ “ปู่มหามุนี VS อาจารย์ยอด”

มวยหยุดโลกของแทร่! สำหรับศึกมหาเวทย์ระหว่าง ปู่มหามุนี VS อาจารย์ยอด ที่ขึ้นชกกันเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 67 ในศึกไฟต์คลับปทุมธานี ณ เทศกาลบอลลูน love นวนครเฟสติวัล 2024 เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของงานที่หลายคนรอคอย ภายใต้กติกาที่มีเพียงข้อเดียวคือ “ห้ามปล่อยควายธนูมาสู้แทน”   โดยทางเพจผู้จัดงาน FIGHTCLUB THAILAND ได้เผยแพร่การชกระหว่าง นายชัยรัตน์ ยอดพรม หรืออดีต “ปู่มหามุนี” ฤาษีชื่อดังวัย 44 ปี ขึ้นชกกับ “อาจารย์ยอด” วัย 41 ปี โดยทั้งคู่แม้จะมีส่วนสูงเท่ากัน แต่ทางด้าน “อาจารย์ยอด” เหนือกว่าด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าราวๆ 4 กิโลกรัม จึงทำให้ “ปู่มหามุนี” โดนบรรเลงเพลงมวยไปแบบครบชุด ทั้งหมัด-เท้า-เข่า-ศอก จนพ่ายแพ้ไปแบบไม่ครบยก แต่ทว่าก็ได้ใจแฟนๆ ที่เอาใจช่วยด้วยเสียงเชียร์อันล้นหลาม รวมถึงแฟนๆ ในออนไลน์ที่แห่คอมเมนต์ชื่นชมหัวใจของปู่มหามุนี อาทิ “ปู่แบกน้ำหนักเยอะเกิน แต่หัวใจใหญ่กว่าตับ ” “หุ่นต่างกันเยอะ นับถือใจปู่เลยครับ” “แบกน้ำหนักเกินหัวหน้า” “แพ้ไม่เป็นไร แค่ใจสู้ก็พอ แค่รูปร่างก็เป็นรองแล้ว ถือว่าได้สู้”   แมตช์นี้เรียกได้ว่าเป็นการนำ Soft Power อันโดดเด่นของประเทศไทยมาผสมผสานกัน ทั้งเรื่องไสยศาสตร์ หรือ “มูเตลู” และเรื่องศิลปะการต่อสู้ หรือ “Fight” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5F ที่รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดัน อาจจะดูแปลกตาและไม่เหมือนใคร แต่คงต้องกล่าวว่า นี่แหละคือ Thailand Only แบบของแทร่  

“หอแต๋วแตก” สุดยอดภาพยนตร์จดหมายเหตุที่ไม่เหมือนใคร (และไม่มีใครกล้าเหมือน!)

เป็นไวรัลอีกแล้วววว  สำหรับภาพยนตร์เรื่อง   “หอแต๋วแตก”  ของผู้กำกับมือถึงไม่ต้องพึ่งบทอย่าง   “พชร์ อานนท์”   ที่เดิมที เหมือนจะปิดกล้องไปแล้วสำหรับ “หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด” ภาพยนตร์ในซีรีส์หอแต๋วแตกที่  “พี่พชร์” ประกาศว่าจะเป็นภาคสุดท้าย (The Finale) ในวาระครบรอบ 17 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวภาคแรก แต่มิวาย เมื่อมีกระแส “วันกะเทยผ่านศึก” อันเป็นวันประกาศศักดาของกะเทยไทย เช่นนั้นเอง ผู้กำกับระดับขุ่นแม่อย่างพี่พชร์ก็ไม่นิ่งดูดาย รีบโพสต์ประกาศหานักแสดง และหยิบกล้องยกกองไปถ่ายทำเพื่อเพิ่มซีนดังกล่าวเข้าไปในหนังกันแบบด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า คือพึ่งเป็นข่าวไปได้ไม่ทันไร รุ่งขึ้นแกก็โพสต์หานักแสดง และวันต่อมาก็ยกพลไปถ่ายทำ พออีกวันบอกตัดต่อเสร็จสรรพ พร้อมส่งให้กองเซ็นเซอร์ตรวจทานแล้วด้วย อย่างไรก็ดี “พี่พชร์” ได้ชี้แจงว่า ในการถ่ายทำ ตนระมัดระวังเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่ได้สนับสนุนความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เตรียมพบฉาก “สุขุมวิท 11” ได้ในวันที่ 14 มี.ค. ที่จะถึงนี้ในโรงภาพยนตร์ได้เลย   งานโปรดักชั่นที่เร็ว..แรง..ทะลุนรก ยิ่งกว่าหนัง The Fast ทุกภาคมารวมกันแบบนี้ คงไม่มีใครทำได้หรือกล้าทำ ถ้าไม่ใช่ “พชร์ อานนท์” นับว่าเป็นการทำงานที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยเลยก็ว่าได้ กระนั้นก็ตาม แฟนๆ ภาพยนตร์บางท่านก็ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำงานที่เน้นความฉับไว แต่ไร้คุณภาพหรือไม่? สำหรับประเด็นนี้ ผู้กำกับอดีตนักปั้นมือทองได้กล่าวอีกว่า “หนังเราไม่สุกเอาเผากินแน่นอน อย่างน้อยโปรดักขั่นหนังเราก็ไม่แพ้ใครอยู่แล้ว การใช้เวลาในการทำงานมันไม่ได้อยู่กับจำนวนวันที่ทำ แต่มันอยู่ที่ว่าคุณพร้อมและมีความชำนาญแค่ไหนต่างหาก” “บอกตรงนี้ว่า หอแต๋วแตกภาคนี้ไม่มีคำว่าเละ ถึงจะมีฉากสุขุมวิท 11 อยู่ด้วยก็ตาม อย่าดูถูกคนทำหนัง 32 ปี”   การหยิบยกไวรัลที่เกิดขึ้นมาใช้เป็นองค์ประกอบในหนัง ถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ตามแบบฉบับ “พชร์ อานนท์” ทั้งไวรัลในไทยหรือต่างชาติ และที่สำคัญ “หอแต๋วแตก” เรียกว่าเป็นหนังที่ถูกจริตคนไทยจำนวนไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่อยู่มาได้ถึง 17 ปี  และหากลองคิดๆ ดู ถ้าปิดตำนาน “หอแต๋วแตก” ไปแล้ว จะมีภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนกล้าทำแบบนี้อีกบ้าง ถึงแม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้างเป็นธรรมดา ทว่าแต่ละมุขก็เป็น “มีมระดับตำนาน” มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น “หล่อนมีพิรุธอีกแล้วนะ”

สมมตินะครับสมมติ สมมติถ้าถนนพระราม 2 สร้างเสร็จ คุณครูจะดีใจมั้ยครับ

หลานเอ้ย เคยได้ยินเรื่องของถนนที่สร้างไม่มีวันเสร็จมั้ย… กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีถนนเส้นหนึ่งชื่อว่า พระรามสอง ฉายาถนนเจ็ดชั่วโคตรในตำนานที่สร้างมานานกว่า 50 ปี จนมีอายุพอๆ กับลุงคนหนึ่งที่รู้สึกเหมือนสนิทสนมกันมาเป็นเวลานาน คอยสร้างมีม สร้างเรื่องราวให้เป็นที่เล่าขานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนทำให้ The Attraction ตั้งคำถามว่า ถ้าลุงถนนพระรามสอง สร้างเสร็จล่ะ จะเป็นยังไง   เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม เห็น “อะไรแปลกๆ” หรือเปล่า แม้ข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนนจะเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่อุบัติเหตุประเภทหนึ่งที่แตกต่างจากท้องถนนทั่วไป คือ ข่าวอุบัติเหตุจากวัสดุก่อสร้างแถวพื้นที่ก่อสร้างทางยกระดับมอเตอร์เวย์ เอ็ม 82 ซึ่งมีให้ได้เห็นได้ยินเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นเหล็กก่อสร้างหล่นทับคนงาน หรือหล่นทะลุรถ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย อุบัติเหตุครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา เกิดเหตุสลิงรถเครนยกกระเช้าคนงานขาด ทำให้กระเช้าตกลงมาด้านล่าง มีผู้เสียชีวิต 1 ศพและมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย บริเวณปากซอยพระรามสอง 72 ถนนพระรามสองขาเข้า แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ทางภาครัฐมีมาตรการดำเนินการก่อสร้างในช่วงเวลากลางคืนแทน แต่นั่นก็ไม่อาจเรียกความเชื่อใจจากประชาชนให้กลับคืนมาได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ระยะหลังมานี้ ทุกครั้งที่ขับรถผ่าน หลายคนต้องเคยแอบเงยหน้ามองข้างบนว่า ตัวเองจะเป็นผู้โชคร้าย ลุ้นรับวัตถุปริศนาที่หล่นลงมาจากฟ้าหรือไม่ ถ้าภายในปี 68 การก่อสร้างทางยกระดับมอเตอร์เวย์ เอ็ม 82 แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ เราก็อาจจะไม่ต้องรีบขับผ่านถนนเส้นนี้ แล้วเปลี่ยนเป็นขับรถชมวิวย่านพระรามสองจากที่สูงกันแบบสบายใจแทนมากขึ้นก็เป็นได้ (แต่พื้นถนนจะยุบหรือไม่ ก็อาจจะเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องกังวลกันต่อไป)    ขอเวลาคืนมาได้ไหม จะเอาไปใช้กับอย่างอื่น เนื่องจากถนนพระรามสองเป็นถนนหลักสำหรับขาเข้า-ออกกรุงเทพ ทำให้ปัจจุบันมีการจราจรหนาแน่นถึง 200,000 คัน/วัน ทำให้เกิดปัญหารถติดอยู่บ่อยครั้ง เราจึงต้องใช้เวลาในการเดินทางนานมากขึ้น อีกทั้งยังต้องทนปวดคอปวดหลัง และควักเงินจ่ายค่าน้ำมันเพิ่มขึ้น ทั้ง ๆ ที่มีรายได้เท่าเดิม ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้กัดกินเวลาชีวิต ทำให้เรามีเวลาทำงานหรือเที่ยวน้อยลง ส่งผลต่อมูลค่าเศรษฐกิจที่สูญเสียไปและไม่มีวันได้กลับมาจำนวนมาก หากรวมระยะเวลาทั้งหมดที่เราต้องติดอยู่บนถนนเส้นนี้ ดังนั้น หากพระรามสองสร้างเสร็จ อย่างน้อยเราก็น่าจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ได้เที่ยวทะเล หรือช็อปปิงที่เซ็นทรัล พระราม 2 เพิ่มขึ้นสัก1-2 ชั่วโมง   พร้อมสูดอากาศดีให้ชุ่มปอด  มากไปกว่านั้น

อย่าล้อเล่นกับระบบ พี่กะเทย x มวยไทย เปิดสังเวียน #สุขุมวิทซอย11 กะเทยไทย-ปินส์ยกพวกตีกัน

ในฝั่งกีฬา  “มวยไทย”  พี่กะเทยเคยฝากประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทยมาแล้ว โดยบุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่สุด หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว คงจะหนีไม่พ้น “ตุ้ม-ปริญญา เจริญผล” – อดีตแชมป์มวยไทยแห่งสนามมวยเวทีลุมพินี ผู้ขี้นสังเวียนชกพร้อมกับ “เครื่องสำอาง” สีสันสดใส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากในสมัยนั้น แต่สิ่งนี้ก็มีส่วนช่วยให้พาเธอล้มนักมวยไทย และต่างชาติมาแล้วหลายราย จนได้รับโอกาสเซ็นสัญญาชก ณ ประเทศญี่ปุ่น  เธอมีจุดมุ่งหมายในการชกมวยอย่างแน่วแน่ คือเพื่อหาเงินสำหรับผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งในปีเดียวกันกับที่เธอได้แชมป์ เธอก็สามารถทำความฝันของเธอได้สำเร็จ จนเรื่องราวของเธอถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง บิวตี้ฟูล บ๊อกเซอร์ กวาดรางวัลและรายได้มากมายจากต่างประเทศ  ปัจจุบันตุ้มประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการมานานหลายปีแล้วแต่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการ โดยการเปิดค่ายมวยไทยของตัวเองชื่อว่า “น้องตุ้มมวยไทยยิม” ที่บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อสอนมวยไทยให้แก่ผู้ที่สนใจแบบไม่จำกัดเพศและอายุ   ในวาระแห่งชาติ#สุขุมวิทซอย11 ราชินีสังเวียนอย่าง “ตุ้ม” ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์นี้ว่า “ฉันละอยากจะฝากแม่ไม้มวยไทยให้กลับไปฟิลิปปินส์ แล้วจะรู้ว่ากะเทยไทยของแท้ ที่นี่ประเทศไทย กะเทยไทย มวยไทย ลูกๆ เข้าค่ายแม่ด่วนๆ แม่จะสอนมวยให้” เพราะ หลังไทย – ปินส์แอบหยิกหลัง วางมวยกันมาทุกการประกวดนางงาม ล่าสุด พี่กะเทยไทยหยิบวัฒนธรรม   “มวยไทย” มายกระดับซอฟต์ พาวเวอร์ไทยไปอีกขั้นอีกครั้ง เมื่อมีพี่กะเทยไทย 2 คน  ถูกกลุ่มพี่กะเทยฟิลิปินส์กว่า 20 คน รุมทำร้าย และขโมยทรัพย์สิน  พร้อมนำคลิปเหตุการณ์ ไปเผยแพร่ต่อในเชิงเหยียดหยาม เมื่อเป็นเช่นนั้น  ทีมพี่กะเทยไทย ก็อยู่เฉยไม่ได้ เกิดการรวมตัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย หน้าโรงแรมถิ่นกะเทยปินส์  โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีเข้าดูแล และพยายามส่งตัวพี่กะเทยฟิลิปปินส์ ขึ้นรถไปโรงพักทีละ  2-3 คน  พี่กะเทยไทยจึงอาศัยจังหวะนี้เข้าไปป้อนยำใหญ่ใส่สาระพัด จนกำเนิดปาฏิหารย์นางปีน นางลอย นางบินข้ามหัวหมดไม่สนยศ สนตำแหน่ง เรียกได้ว่าจะหมัดจะมวย กระบวย จะเหล็ก งัดออกมาเอาคืนกันแบบพอประมาณ (ประมาณว่าเจ็บหนักแน่) เรียกได้ว่าพี่สาวกะเทยฟิลิปปินส์พลาด มาล้อเล่นกับระบบพี่สาวกะเทยไทยที่ผ่านการฝึกรด. เขาชนไก่ และการเกณฑ์ทหารกันมาเกือบทุกคน  แถมยังพร้อมใจทำงานกันเป็นระบบ ยิ่งกว่าประกวดเชียร์ลีดเดอร์งานกีฬาสี  เพราะแค่คลิปสั้นๆ  ก็ปาไปล้านเรื่องราว คนหนึ่งเจรจาหลีกทาง หรือจะเรียกว่า ส่งสัญญาณขยิบตาเปิดศึก

“พี่จอง-คัลแลน เอฟเฟกต์” SOFT POWER ที่ดูแล้วใจฟู กับความน่ารักที่หาได้ยากในหมู่ชายไทย!

ปรากฎการณ์พี่จอง-คัลแลน youtuber สายท่องเที่ยวซึ่งกำลังเป็นที่นิยม จากช่อง 컬렌 Cullen HateBerry นับว่าเป็นกรณีที่น่าสนใจในรูปแบบของการนำเสนอที่เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องมีการปรุงแต่งอันใดมาก ทว่าด้วยเสน่ห์ของสองหนุ่มชาวเกาหลีนี้เองซึ่งเป็นที่ดึงดูดและชวนให้หลายคนกลายเป็นผู้ติดตามหรือแฟนคลับ “ด้อมใจฟู” ไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่ถูกทาบทามให้เป็นพรีเซนเตอร์จากหลายๆ ที่ กระนั้นก็ตาม ด้วยความเป็น “พี่จองกับคัลแลน” ก็ได้มีการเลือกรับงานตามความพึงพอใจของสองคนนี้ จนเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ณ ช่วงที่ผ่านมา ความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้มีโปรดักชั่นใหญ่โต ผนวกกับการเดินทางท่องเที่ยวแบบไม่พยายามโปรโมทมากจนเกินไป รวมถึงการฝึกพูดภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ ตามสไตล์สองหนุ่มชาวเกาหลี ได้สร้างปรากฏการณ์ และเอฟเฟกต์ต่อสังคมไทย ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว อีกทั้งยังส่งผลต่อมุมมองของหนุ่มสาวชาวไทยไปโดยปริยาย แน่นอนว่า ด้วยความเป็น youtuber สาย Vlog / ท่องเที่ยว จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งกลายเป็นจุดเช็คอินที่หลายคนปักหมุดไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาสจะต้องไปตามรอย พี่จองกับคัลแลนให้ได้ โดยวันนี้เราได้คัดสรรจุดเช็คอิน หรือ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ จากอีพีต่างๆ มาไว้ที่นี่แล้ว 5 สถานที่ เริ่มต้นจาก 1. ดอยหัวหมด จากคลิป “ถึงแม่สอด ต่อด้วยอุ้มผาง เพราะเราตามหาทีลอซู” เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2024 โดยดอยหัวหมดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ใครมา อ.อุ้มผาง จ.ตาก ก็ต้องมาชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกในยามเช้าตั้งแต่เวลา 05.00น.-06.00น. อันเป็นจุดขายของดอยหัวหมดแห่งนี้ โดยที่มาของชื่อดอยหัวหมด จากข้อมูลระบุว่าเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาหินปูนเตี้ยๆ อีกทั้งยังไม่มีต้นไม้ใหญ่ปกคุม ชาวท้องถิ่นจึงเรียกว่า “ดอยหัวหมด” มาจนถึงทุกวันนี้ 2. ช้าง อารีน่า และ บุรีรัมย์ คาสเซิล จากคลิป “แวะมาสนุก 1 วันที่บุรีรัมย์ ก่อนเราจะมุ่งหน้าไปสุรินทร์” เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2023 สำหรับใครที่เป็นสายชอบทำกิจกรรมหลากหลาย ช้าง อารีน่า และ บุรีรัมย์ คาสเซิล นับว่าตอบโจทย์ เนื่องจากมีกิจกรรมกีฬาสนุกๆ ทั้งที่เกี่ยวกับฟุตบอลและแข่งรถ ของฝั่ง ช้าง อารีน่า และหากขยับมาหน่อยทางฝั่ง บุรีรัมย์

QATAR AIRWAYS สายการบินที่ดีที่สุดในโลก เลือกเมนูอาหารไทยเสิร์ฟบนเครื่อง!

กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินที่ได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลก พร้อมครองตำแหน่งสายการบินยอดเยี่ยมถึง 7 ปีซ้อน ได้จับมือกับเชฟชาวไทยระดับมิชลินสตาร์ รังสรรค์เมนูอาหารไทยเสิร์ฟผู้โดยสารบนเครื่อง  อาหารไทยนั้นถือเป็นอีกหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับมาอย่างยาวนาน และยังได้รับรางวัลอาหารที่อร่อยติดอันดับโลกในหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นแกงพะเเนงได้รับอันดับ 1 อาหารสตูว์ที่ดีที่สุดในโลก 2023 จากเว็บไซต์ TasteAtlas หรือจะเป็นแกงมัสมั่นได้รับอันดับ 1 อาหารที่ดีที่สุดในโลก 2021 จากเว็บไซต์ CNN Travel และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ทางกาตาร์ แอร์เวย์ส ได้จับมือกับ เชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟไทยชื่อดังเจ้าของร้านอาหาร “ฤดู” (Le Du) ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่เพิ่งคว้ารางวัลร้านอาหารอันดับ 1 แห่งเอเชีย Asia’s 50 Best Restaurants 2023 มาหมาดๆ  มาร่วมครีเอตเมนูอาหารไทยสุดพิเศษ ผสานความคลาสสิกเข้ากับการสร้างสรรค์สมัยใหม่กลายเป็นเมนูที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตามแบบฉบับของ Le Du อย่าง กุ้งเเม่น้ำ (Le Du River Prawn),​ ฉู่ฉี่กุ้งมังกร (Lobster Curry), แกงซี่โครงเนื้อ (Beef Short Rib Curry) และตบท้ายเป็นเมนูอาหารหวานอย่าง สาคูมะพร้าว (Coconut Sago)  โดยเมนูสุดพิเศษนี้จะเริ่มเสิร์ฟให้แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ภายใน 6 เส้นทางการบินในเอเชียแปซิฟิกเท่านั้น (ไทย-โดฮา, โดฮา-ไทย, ไทย-ฮ่องกง, ฮ่องกง-ไทย, ไทย-สิงคโปร์, สิงคโปร์-ไทย)

“ยาดมหงส์ไทย” พลังหอมชื่นใจแบบไทยๆ ที่ทั่วโลกพร้อมใจดม

คล้อยหลังจากที่ “มินนี่-ณิชา ยนตรรักษ์” เมมเบอร์ชาวไทยของวง (G)idle เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังแดนกิมจิ ให้สัมภาษณ์กับ ELLE KOREA ถึงไอเท็มเด็ดที่ต้องมีคือ “ยาดมหงส์ไทย” ตามติดด้วย “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BLACKPINK” สาวไทยสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีชื่อดังระดับโลกหยิบมาใช้ในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 26 ปี แบบส่วนตัวกับครอบครัวและเพื่อนสนิทเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยหนึ่งในเพื่อนของ “ลิซ่า” ได้ลงรูปในอินสตาแกรม @aantpw ซึ่งมีอยู่รูปหนึ่งเผยให้เห็น “ลิซ่า” ถือ “ยาดมหงส์ไทย” แบบหลอด ในมืออย่างชัดเจน โดยปรกติแล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ยาดมมักคุ้นเคยว่า “ยาดมหงส์ไทย” มีรูปทรงเป็นแบบกระปุก โดยที่หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่า  “ยาดมหงส์ไทย” มีแบบหลอดที่สะดวกในการพกพามาก่อนด้วย ยิ่งทำให้เกิดการกระตุ้นแห่ซื้อตามกันยกใหญ่จน TikTok ของแบรนด์ @hongthaibrand ทำคอนเทนต์ เปิดเผยว่า สิ่งที่อยู่ในมือ “ลิซ่า” คือ “ยาดมสมุนไพรหมัก” แบบหลอด มี 2 ด้าน ราคาหลอดละ 28 บาท จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานใหญ่ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ขออภัยลูกค้า เนื่องจากกระแสตอบรับสินค้าดีมากจนสต็อกหมด เรียกได้ว่าเป็นอีกครั้งที่ “ลิซ่า” เป็นซอฟต์พาวเวอร์ช่วยให้สินค้าของไทยฟีเวอร์ขายดีขึ้น อย่างที่เคยเป็นปรากฏการณ์มาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่การสวม “ชฎา” ในมิวสิกวิดิโอเพลงเปิดตัวอัลบั้มเดี่ยว LALISA รวมทั้งการพูดถึง “ลูกชิ้นยืนกิน” ในรายการทอล์กเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ “ลูกชิ้นยืนกิน” ของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง “เก่ง–ธีระพงศ์ ระบือธรรม” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด วัย 47 ปี กล่าวว่า ต้นกำเนิดของ “ยาดมหงส์ไทย” เริ่มมาตั้งตี่ 2548 จนปีนี้มีอายุย่างเข้าปีที่ 18 แล้วก็รู้สึกดีใจที่ได้พยายามทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติมาตลอดคือ มีการยอมรับในระดับสากล เพราะถ้าชาวต่างชาติซื้อ “ยาดมหงส์ไทย” นั่นแปลว่าลูกค้าได้สินค้าคุณภาพ เกิดการยอมรับไม่ใช่แค่บางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมาเหล่านางงามก็ติดต่อเข้ามาเพื่อนำสินค้าไปแจกเพื่อนนางงาม ตรงนี้จึงเป็นความภูมิใจว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่ช่วยกันเผยแพร่ความสามารถและสินค้าแบบไทยๆ ที่มีเอกลักษณ์ “จริงๆ แล้ว การผลิตสินค้าออกมาทุกครั้ง เรามีเรื่องของอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ตัวตน และที่สำคัญคือไม่เหมือนใคร วันนี้เรายังอยากจะทำให้ลูกค้าทั่วประเทศได้จดจำสิ่งที่หงส์ไทยอยากจะสื่อคือ คนไทย สี ขวด เสน่ห์ ลักษณะ และกลิ่น โดยเฉพาะยาดมหงส์ไทยกระปุกสีเขียวฉลากสีเหลืองที่ขายดีที่สุดก็พัฒนากลิ่นมาแล้วมากกว่า
Tags

Sport Themed Hotels ที่พักของคนรักเกมกีฬา ประสบการณ์ที่เหนือกว่าความเอนเตอร์เทน

สำหรับแฟนๆ ที่คลั่งไคล้กีฬา และมองหาประสบการณ์การเสพความเอ็นเตอร์เทนที่ได้อรรถรสมากกว่าเดิม Sport Themed Hotels หรือโรงแรมที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์แฟนกีฬา ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย วันนี้ The Attraction จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 โรงแรมที่ผสานความคลั่งไคล้มาสู่ที่พักสุด Exclusive 1. Hotel Football – England โรงแรมที่เกิดขึ้นจากการลงขันของ 5 ตำนานนักเตะทีมปีศาจแดง ไรอัน กิกส์, พอล สโคลส์, นิกกี้ บัตต์ และพี่น้องเนวิลส์ ที่ซื้อที่ดินต่อจากแฟนบอลมาสร้างเป็นโรงแรมที่มี DNA ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฝังอยู่แทบทุกอณู ตัวโรงแรมอยู่ติดกับสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของทีมแมนยูฯ โดยวันที่มีแข่งทาง Hotel Football ก็จะมีการจัดกิจกรรมรวมพลดูบอล เปลี่ยนดาดฟ้าเป็นที่รวมพล ซึ่งในวันธรรมดาก็สามารถใช้พื้นที่ด้านบนนี้ เป็นสนามฟุตซอล 5 คนได้อีกด้วย สำหรับแฟนบอลแมนยูฯ ทั่วโลก การได้ไปดูบอลในสนามและเข้าพักในโรงแรมของตำนาน 5 นักเตะยุครุ่งเรือง ถือเป็นทริปในฝันที่สาวกแมนยูฯ หลายคนใส่ไว้ในลิสต์สถานที่ต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิตอย่างแน่นอน 2. Thai Fight Hotel – Thailand โรงแรม Thai Fight เอาใจคอมวยทั่วโลกด้วยการรังสรรค์ที่พักในธีมโฮเทลมวยไทย ขึ้นที่เกาะสมุย ตั้งใจให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้โตขึ้น โดยต่อยอดมาจากแบรนด์ Thai Fight ที่สร้างการจดจำไปทั่วโลกตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี ภายในห้องมีนวม และกระสอบทราย เอาไว้ให้ผู้เข้าพักลุกขึ้นมาใส่เดี่ยวได้ตลอดเวลาที่รู้สึกอยากจะเตะอะไรสักอย่างให้ลอยปลิว หรือการเตะกระสอบทรายไม่ใช่ทาง ที่โรงแรมก็มีคลาสมวยไทนแบบตัวต่อตัวกับครูมวยชื่อดังที่ผ่านสังเวียน Thai Fight มาลงนวม เป็นคู่ซ้อมให้คุณอีกด้วย 3. e-ZONe – Japan อี-โซเนะ อีสปอร์ต โฮเทล ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในโรงแรมที่สร้างมาเพื่อชาวอีสปอร์ตระดับตัวพ่อ  2 ชั้นแรกของโรงแรมเปิดเป็นพื้นที่สำหรับการเล่นเกมอีสปอร์ตแบบทีม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับอย่างครบครัน นอกจากสเปคคอมพิวเตอร์และการ์ดจอระดับเทพแล้ว ความเร็วอินเตอร์เน็ตนั้นก็จัดเต็มมาเพื่อประสบการณ์ความเร็วแรง เอาใจคอเกมแบบไม่มีหัวร้อน ชั้นที่ 3 ของโรงแรมออกแบบมาตอบโจทย์คอเกมสาย Solo ที่มาคนเดียวก็เฟี๊ยวได้ เล่นคนเดียวได้อย่างไม่มีเขิน
Tags

31 สิงหา เกียมตัวฮาปอดโยก Prime Video จับ 6 นักแสดงสายฮา มาดวลมุข “ฮาแหกเกาะ” แบบด้นสด ใครตลกสุด…รอด!

“ภารกิจฮาแหกเกาะ (Comedy Island)“ คือ ซีรีส์ออริจินัลไทยเรื่องแรกของ Prime Video เป็นรายการซีรีส์คอเมดี้แบบไม่มีสคริปต์รูปแบบใหม่ เอาใจผู้ชมชาวไทยโดยเฉพาะ เป็นส่วนผสมของซีรีส์บวกกับเรียลลิตี้ นักแสดงจะได้รับรู้บทเพียงบางส่วน เมื่อคำว่า “เอาล่ะสิ” เกิดขึ้น นักแสดงจะต้องใช้ไหวพริบเอาตัวรอดไปตามสถานการณ์ โปรเจกต์นี้เป็นการรวมตัวขององค์ประกอบความฮาระดับท็อป ที่ได้ 6 นักแสดงอย่าง บร๊ะเจ้าโจ๊ก, แจ็ค-แฟนฉัน, เผือก-พงศธร, รัศมีแข, มาร์ช-จุฑาวุฒิ, พีค-ภัทรศยา และ ติช่า-กันติชา มาติดเกาะ เมื่อมารวมกับฝีมือผู้กำกับฝีมือดี คีท-กฤษดา (มหาลัยเที่ยงคืน, The Collector คนประกอบผี Movie Version) กับผู้กำกับหนังสายคอมเมดี้อย่าง เมษ-ธราธร ( ATM เออรัก เออเร่อ, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้, อ้าย..คนหล่อลวง) แล้ว ก็เหมือนเป็นเครื่องหมายมาตรฐานการรันตีว่าซีรีส์ “ภารกิจฮาแหกเกาะ” นี้จะไม่ทำให้คอหนังแนวคอเมดี้ผิดหวังแน่นอน แต่ขอตินิดเดียว ผลงานกำกับหนังของ เมษ-ธราธร เรื่องล่าสุด “อ้าย..คนหล่อลวง” ที่เอา “ณเดชน์ คุกิมิยะ” มาสวมบทมิจฉาชีพ 18 มงกุฏ พูดตรงๆ กันเลยตรงนี้ว่า “ไม่ชอบ!” เพราะบทคนหล่อไปล่อลวงคนอื่นที่ณเดชน์เล่น ทำให้คนหล่อคนอื่นๆ ถูกตั้งแง่และมองในภาพลักษณ์ไม่ดีตามไปด้วย ซึ่งแน่นอน ผลกระทบนี้ ตัวผมก็ต้องรับไปเต็มๆ แบบมิอาจหลีกเลี่ยง เฮ้อ! อิอิ Prime Video คาดหมายว่าซีรีส์ออริจินัลของไทยเรื่องแรกนี้ จะเป็นตัวช่วยเพิ่มยอด Subscription คนดูสตรีมมิ่งวิดีโอมากยิ่งขึ้น โดยสัดส่วนทางการตลาดในประเทศไทยนั้น Netflix  ยังคงนำเป็นอันดับ 1 มียอดผู้ใช้งานอยู่ที่ 41% อันดับ 2 เป็น Prime Video มีผู้ใช้ 15% อันดับ 3 เป็น Disney+ 14% และอันดับ 4 เป็น HBO GO

“แมนสรวง” มหรสพแห่งกิเลสและกลลวง แสงสว่างหนัง SOFT POWER ไทยในเวทีโลก!?

ถ้าใครได้ดู Trailerภาพยนตร์ “แมนสรวง” ที่ถูกปล่อยออกมาให้ชมทาง Youtube แล้ว คงจะได้เห็นถึงความสวยงามของงานอาร์ตไดเรคชั่นอันโดดเด่นชนิดกระแทกเบ้าตา ที่ไม่ว่าจะกดหยุดคลิปตอนไหนองค์ประกอบภาพก็ออกมาสวยราวกับรูปถ่ายที่มีการจัดวางไว้เป็นอย่างดี  ความสวยงามความอลังการของฉากนั่นมันก็เป็นเพียงส่วนนึง แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้สร้างบรรทัดฐานเอาไว้ก็คือการทุ่มลงทุนในโปรดักชั่นส์ของหนังที่เห็นได้จากชื่อของทีมงานที่อยู่ในตอนท้าย End Credits จำนวนกว่า 1,200 คน  โปรเจกต์นี้ได้รวมคนเก่งๆ ให้มาทำงานร่วมกันได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะการร่วมมือของ 3 ผู้กำกับคือ กฤษดา วิทยาขจรเดช, ชาติชาย เกษนัส และ ผศ.ดร.พันพัสสา ธูปเทียน พร้อมทีมนักแสดงแห่งยุคอย่าง มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง, อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์, บาส-อัศวภัทร์ ผลพิบูลย์, ต๋อง-ธนายุทธ ฐากูรอรรถยา, น็อต ณัฐสิทธิ์ ปัญญางาม, พง พงศกร พลสันติกุล และ อรอนงค์ ปัญญาวงค์ ฯลฯ https://www.youtube.com/watch?v=YrqMcFD1osQ&t=2shttps://www.youtube.com/watch?v=gmGW87TFuao เสน่ห์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นน่าติดตามก็คือ การผสานเรื่องราวของภาพยนตร์แนวสืบสวนไขปริศนาฆาตกรรมเข้ากับการพาผู้ชมไปย้อนประวัติศาสตร์สู่ยุคปลายของช่วงรัชกาลที่ 3 ที่สอดแทรกมนตร์เสน่ห์ความเป็นไทยในยุคนั้นไว้แทบทั้งเรื่อง โดยเฉพาะการร่ายรำของตัวแสดงนำในเรื่องนี้ ที่เป็นหนึ่งในความบันเทิงหลัก ณ สถานเริงรมย์ที่ชื่อว่า “แมนสรวง” ซึ่ง อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์ ที่รับบท เขม นายรำในเรื่อง ต้องเข้าคลาสร่ายรำนานกว่า 7 เดือนเพื่อให้เข้าถึง insight การสวมบทบาทเป็นนายรำแห่งแมนสรวง โดยที่ไม่ใช้นักแสดงแทนเลย ทั้งยังต้องลดน้ำหนัก ปรับรูปร่างมวลกล้ามเนื้อให้คล้ายกับคนยุคก่อนอีกด้วย  ปอนด์-กฤษดา วิทยาขจรเดช ผู้บริหารค่าย Be On Cloud ตั้งใจอยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งใน Soft Power เผยแพร่ความเป็นไทย สอดแทรกวัฒนธรรมไทยไปสู่สายตานานาประเทศแบบเรียบเนียน จึงได้ตัดสินใจของบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรม  ที่มีงบสำหรับส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยในปี 2566 จำนวนกว่า 970 ล้านบาท  แม้จะดูเป็นตัวเลขที่เยอะ แต่เงินจำนวนดังกล่าวแบ่งออกเป็น งบสำหรับโครงการพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 893 ล้านบาท, โครงการด้านการต่างประเทศ 20 ล้านบาท และใช้ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ราว 58 ล้านบาท  ซึ่งภาพยนตร์ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากระทรวงวัฒนธรรม นอกจากเรื่องแมนสรวงแล้ว