Skip links

Festivel

ที่มา ‘วันฮาโลวีน’ ที่คุณอาจไม่รู้ เส้นทางจากยุโรป สู่อเมริกาและทั่วโลก

มีเทศกาลสากลอยู่ไม่มากนักที่หลายแห่งในโลกจะปฏิบัติร่วมกันโดยพร้อมเพรียง ถ้าไม่นับวันขึ้นปีใหม่แล้วล่ะก็ อาจจะมี “วันคริสต์มาส” กับ “วันตรุษจีน” ที่พอจะพบได้ในหลายภูมิภาค  แต่เทศกาลสากลไม่ได้มีแค่นี้ เพราะ “วันฮาโลวีน” ยังเป็นหนึ่งในเทศกาลที่คนทั่วโลกพร้อมจอยไปด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ทวีปใดก็ตาม และเผลอๆ วันฮาโลวีน อาจจะเป็นเทศกาลสากลที่ง่ายต่อการเข้าร่วมมากที่สุดในโลกด้วยซ้ำไป  เพราะหากเปรียบเทียบ วันฮาโลวีนมิได้มีความเข้มข้นทางศาสนาเท่ากับวันคริสต์มาส และไม่ได้ขึ้นอยู่กับความผูกพันทางสายเลือดอย่างวันตรุษจีน ทว่าธีมหลักของวันฮาโลวีน ซึ่งเกี่ยวกับผี วิญญาณ ความตาย เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ทุกแห่งหน ธีมดังกล่าวจึงเชื่อมโยงผู้คนได้ทั่วโลก รวมถึงการละเล่นที่เรียบง่าย ทำตามได้แทบจะทุกหมู่ชน อาทิ การแต่งกาย/แต่งหน้าแฟนซี หรือเล่น “Trick or Treat” ซึ่งกิจกรรมต่างๆ นอกจากมอบความสนุกแล้ว ยังสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับคนรอบตัว เพื่อนบ้าน ชุมชน และสังคมไปในตัวด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับ ‘วันปล่อยผี’ ดูเผินๆ เราอาจจะคุ้นชินในวัฒนธรรมของชาวอเมริกันสมัยใหม่ที่มักพบได้ตามสื่อต่างๆ แต่กว่าจะมาเป็นที่รู้จักผ่านอเมริกา ต้นเรื่องคงต้องย้อนเวลาและย้ายแผ่นดินไปยังถิ่นยุโรป ต้นกำเนิดของวันฮาโลวีน ว่ากันว่า มาจากความเชื่อเก่าแก่ของชาวเซลติกโบราณกว่า 2,000 ปีที่แล้ว โดยวันสำคัญนั้นมีชื่อว่า “Samhain” ซึ่งถือว่าเป็นวันสิ้นสุดฤดูร้อน ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งยังเป็นช่วงที่เส้นพรมแดนระหว่างโลกของ “คนเป็น” และ “คนตาย” จะเลือนรางลงในคืนวันที่ 31 ตุลาคม โดยเชื่อกันว่า วิญญาณของคนตายจะกลับคืนสู่โลกในวันนั้น  ต่อมา เมื่อจักรวรรดิโรมันเข้ามาปกครองอาณาเขตดังกล่าว ส่งผลให้มีการผสานรวมกับประเพณีอื่น จนเกิดเป็นชื่อใหม่ ความหมายใหม่ รวมถึงแนวคิดแบบคริสตจักรที่แผ่ขยายปกคลุมเขตแดนเซลติก จึงก่อให้เกิดพลวัตทางวิถีปฏิบัติและคติความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไป  ในประเด็นนี้ กําพล จําปาพันธ์ เขียนไว้ในบทความเผยแพร่ทาง The People โดยอ้างอิงถึงผลงานของผู้เชี่ยวชาญสองคนได้แก่ Ruth Edna Kelley และ Ray Bradbury ซึ่งอธิบายว่า ‘Halloween’ มาจากคำว่า ‘All-hallows’ ในคริสต์ศาสนา หมายถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งมวล ส่วนชาวเซลติกดั้งเดิมมีคำว่า ‘All Hallows Eve’ หมายถึง ‘วันก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย’ ต่อมา เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันจึงกลายเป็น ‘Hallowe’en’ และ