ก่อนหน้านี้ มีคำพูดเชิงเสียดสีทำนองว่า “ของเซินเจิ้น” หรือ “ของจีน” อันหมายถึงสินค้าปลอม ของก็อปปี้ ซึ่งสะท้อนภาพรวมอุตสาหกรรมจีนในยุคหนึ่งได้ไม่มากก็น้อย
แต่ดูเหมือนว่าคำพูดข้างต้นจะใช้ไม่ได้เสียแล้วสำหรับจีนยุคใหม่ เพราะหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป และบางคนตั้งข้อสังเกตว่า ถึงขนาดที่อาจเปลี่ยนโลกเลยด้วยซ้ำ ทั้ง AI โทรศัพท์มือถือ รถ EV หรือแม้แต่ยานอวกาศ ทั้งหมดนี้เป็นความสำเร็จเพียงส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขอย้ำว่าเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ยังมี “ทีเด็ดที่เราไม่รู้” และยังไม่ถูกปล่อยออกมาอยู่อีก
หากกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว การสลัดคราบนักก็อปคุณภาพต่ำ ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ผู้นำแห่งยุคสมัย ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดมาด้วยแผนการระยะยาวที่ชื่อว่า “Made in China 2025” ซึ่งได้ประกาศออกมาเมื่อปี 2015 พูดง่ายๆ คือแผนงานเศรษฐกิจแห่งอนาคต เพื่อให้ประเทศจีน เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่
อีกทั้งยังเป็นการลบล้างภาพจำในช่วงที่จีนวางตัวเป็น “โรงงานโลก” เมื่อครั้งที่เปิดตลาดผลิตสินค้าสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะหลังจากเข้าร่วมองค์การการค้าโลก (WTO) เมื่อปี 2001 ซึ่งเป็นช่วงที่ของก็อปจากจีนเริ่มแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ ในมุมหนึ่ง อาจเป็นเพราะช่วงนั้นจีนยังไม่ได้มีอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ และแม้จะผิดต่อหลักความชอบธรรม แต่การลอกเลียนสินค้าที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ก็เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการเข้าสู่ตลาดของผู้ผลิตรายย่อย
อนึ่ง หลังจากที่จีนใช้กระบวนท่า copy and development ศึกษาสิ่งที่มีคนทำมาก่อน กระทั่งสะสมองค์ความรู้มากพอ ทีนี้ก็ถึงเวลามองไปยังอนาคต
โดยในแผนงาน Made in China 2025 มีการประเมินแนวโน้วเทคโนโลยี และทิศทางอนาคต เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ประกอบไปด้วย
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
- เครื่องจักรกลการผลิต และหุ่นยนต์
- การผลิตอุปกรณ์อากาศยานและอวกาศ
- การผลิตเครื่องมือวิศวกรรมทางทะเลขั้นสูง
- การผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางรถไฟที่ทันสมัย
- ยานยนต์ประหยัดพลังงานและยานยนต์พลังงานใหม่
- อุปกรณ์ด้านพลังงานไฟฟ้า
- เครื่องจักรและอุปกรณ์ด้านการเกษตร
- การผลิตวัสดุชนิดใหม่
- ยา ชีวภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูง
นอกจากการสนับสนุนอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทางการจีนยังตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2568 จะพึ่งพาตนเองให้ได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในด้านชิปของสมาร์ทโฟน และได้ร่างแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างตลาดอุตสาหกรรม AI ให้มีมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนภายในปี 2030
โดยการสนับสนุนนวัตกรรมสมัยใหม่นั้นเป็นไปอย่างรอบด้าน อาทิเช่น
- การสนับสนุนด้านการลงทุน
รัฐบาลกลางจีนจัดสรรงบกว่า 10,000 ล้านหยวน เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม เช่น Internet of Things (IoT), วัสดุชนิดใหม่, เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
- การสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ทางการจีนได้สนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาภาคการผลิต เช่น ให้การสนับสนุนบริษัทมากกว่า 1,000 บริษัท, ก่อตั้งหน่วยงาน China Robot Industry Alliance ส่งเสริมการพัฒนาและการใช้หุ่นยนต์ในภาคการผลิต
- โครงการนำร่องการผลิตอัจฉริยะ
รัฐบาลได้ทำโครงการนำร่องหลายโครงการ ที่สอดรับกันการผลิตอัจฉริยะ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และระบบเครือข่ายที่ก้าวหน้า
โครงการเหล่ามีจุดประสงค์เพื่อมุ่งหมายให้ประเทศจีน เป็นผู้นำแห่งโลกยุคใหม่ และถึงแม้จะมีเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมในการแข่งขัน รวมถึงข้อจำกัดทางการเมือง ทำให้ในระยะหลัง คำว่า Made in China 2025 จึงเลือนๆ ไปบ้าง แต่ทว่าภารกิจนี้ยังดำเนินต่อเนื่องอยู่ไม่ขาดตอน
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าประเทศจีนปราศจากของก็อป หรือของคุณภาพต่ำอีกต่อไป เพียงแต่การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ที่ทำให้บริษัทเทคชั้นนำของโลกต้องผงะ มีร้อนๆ หนาวๆ กันเลยเชียว รวมถึงสินค้าใกล้ตัวประเภท รถยนต์ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ที่ผู้บริโภคระดับปัจเจกสมาทานประสิทธิภาพสินค้าจีนอยู่ไม่น้อย ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ หรือ Nation Branding ของจีนอย่างมาก ซึ่งเป็นตัวอย่างของการวางแผนและจัดวางสถานะของประเทศที่ประสบความสำเร็จในเวทีโลก ณ ปัจจุบัน
…
อ้างอิง :
https://thaipublica.org/2018/08/pridi110/
https://techsauce.co/tech-and-biz/made-in-china-2025-from-eic-scb