Skip links

ผลงานรัฐบาลเป็นที่ประจักษ์! Soft Power ไทย โต 0.6

การประเมิน Global Soft Power Index 2025 โดย Brand Finance องค์กรประเมินมูลค่าแบรนด์ และการวิจัยเชิงลึก ซึ่งได้เก็บข้อมูลจากผลสำรวจมากกว่า 170,000 คน จาก 193 ประเทศทั่วโลก ด้วยเกณฑ์ชี้วัดกว่า 55 เกณฑ์ชี้วัดที่ประกอบการพิจารณา เพื่อประเมินการรับรู้เชิงประสิทธิภาพ หรือ Soft Power ของประเทศต่างๆ ในเวทีโลก 

ปรากฏว่า อันดับของประเทศไทยสูงขึ้นจากปีที่แล้วขึ้นมา 1 อันดับ จากอันดับ 40 ในปี 2024 เป็นอันดับที่ 39 ของโลก ในปี 2025 

โดย Brand Finance ให้คะแนนอัตราการเติบโตของ Soft Power ประเทศไทยจากปี 2024 – 2025 อยู่ที่ +0.6 ตัวเลขนี้นับว่าทรงๆ คือไม่ได้มีการเติบโตที่เป็นนัยยะสำคัญแต่ประการใด ขณะที่ อัตราการเติบโตจากปี 2023 – 2024 อยู่ที่ +2.4 ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ในเกณฑ์การเติบโตค่อนไปทางสูง 

ทั้งนี้ Brand Finance ได้แบ่งหมวดหมู่ของเกณฑ์ชี้วัดเป็น 11 หมวด โดยหมวดหมู่ที่ไทยทำคะแนนได้มากที่สุดคือ Familiarity หรือความคุ้นเคยที่ชาวโลกมีต่อประเทศนั้นๆ ส่วนหมวดที่คะแนนน้อยที่สุดเป็น Governance หรือการบริหารปกครองแผ่นดิน ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่ประเทศไทยทำคะแนนได้น้อย/น้อยที่สุดติดต่อกันหลายปี

ทั้งนี้ มีอันดับของประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม อาทิ สหรัฐอเมริกา ที่ปี 2024 มีอัตราการเติบโตของ Soft Power อยู่ที่ +4.0 แต่ปีนี้ 2025 กลับเพิ่มขึ้นเพียง +0.7 เท่านั้น แต่ทว่าคะแนนรวมของอเมริกายังคงครองความเป็นที่ 1 ของตารางอยู่เช่นเดิม 

ส่วนประเทศที่ทำคะแนนได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ อาทิเช่น จีน ซึ่งปีที่แล้วอยู่อันดับ 3 ของตาราง มีอัตราการเติบโตของ Soft Power อยู่ที่ +6.2 ส่วนปีนี้ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ +1.6 เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ ที่ปีนี้ทะยานขึ้นมาถึงสามอันดับ จากอันดับ 15 ในปีที่แล้ว ขึ้นมาเป็นอันดับ 12 ในปีนี้ ด้วยอัตราการเติบโตที่ +2.2

กล่าวโดยสรุป การจัดอันดับ Global Soft Power Index 2025 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มและทิศทาง Soft Power ของแต่ละประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะขยับขึ้นมา 1 อันดับ และยังคงมีจุดแข็งในด้าน Familiarity หรือความคุ้นเคย ที่ต่างชาติรับรู้เกี่ยวกับประเทศ แต่การเติบโตโดยรวมยังค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยด้าน Governance หรือการบริหารปกครอง ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ต้องได้รับการพัฒนา หากต้องการเสริมสร้าง Soft Power ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ยังคงมีพัฒนาการที่โดดเด่นสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จในการขยายอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไปสู่ระดับโลก