วันนี้ (27 พฤษภาคม 2568) ณ ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Amazing Thailand Love Wins Festival (Pride Month) หนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ร่วมเฉลิมฉลอง Pride Month หรือเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชุมชน LGBTQIAN+ ทั่วโลก เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ พร้อมเป็น Pride Destination ระดับโลกอย่างแท้จริง
โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ หลังจากการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขมาตรา 1448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567
การก้าวข้ามนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากวัฒนธรรมไทยที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางเพศมาช้านาน ทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับชุมชน LGBTQIAN+ จากทั่วโลก รองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า “วันที่ 23 มกราคม 2568 เป็นวันแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะต้องถูกจารึกไว้ว่าเป็นวันที่คู่รัก LGBTQIAN+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียม”
บูสต์พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
หนึ่งในแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเป็น Pride Destination คือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่มหาศาล จากการศึกษาของ Agoda พบว่า การประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยคาดว่าจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 65,000 ล้านบาท
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสรวงศ์ เทียนทอง เผยว่า การจัดกิจกรรม Amazing Thailand Love Wins Festival ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของไทยจากตลาดนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ของโลกที่มีมูลค่าสูงถึงกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ร้านค้า และชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ
จุดแข็งที่เหนือกว่า
สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นเหนือประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและระดับโลกคือการผสมผสานระหว่างกฎหมายที่รองรับ วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง และโครงสร้างการท่องเที่ยวที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ กล่าวว่า “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพร้อมเดินหน้าส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น Pride Destination จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทั่วโลกอย่างเท่าเทียม”
ความได้เปรียบเชิงแข่งขันของไทยประกอบด้วยหลายมิติ ได้แก่ ความหลากหลายของจุดหมายปลายทาง ตั้งแต่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ไปจนถึงเกาะสวรรค์อย่างภูเก็ต สมุย และพัทยา การต้อนรับที่อบอุ่นของคนไทยที่เป็นที่รู้จักในนาม “แลนด์ออฟสไมล์” รวมถึงความคุ้มค่าในการใช้จ่ายที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกในราคาที่เข้าถึงได้
เทศกาลใหญ่ครอบคลุมทั่วประเทศ
การจัดงาน Amazing Thailand Love Wins Festival ในเดือนมิถุนายนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว แต่ขยายไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ โดยในภาคกลางจะมี Bangkok Pride Festival 2025 ภายใต้ธีม “Born This Way” ซึ่งจะจัดขบวนแห่ 7 ขบวนหลัก 7 สี 7 คอนเซ็ปต์ ในวันที่ 1 มิถุนายน จากสนามกีฬาแห่งชาติถึงแยกราชประสงค์
ในภาคเหนือจะมี Chiang Mai Pride 2025 และกิจกรรมใน 4 อำเภอของจังหวัดตาก ภาคตะวันออกจะมี Pattaya Pride และกิจกรรมในตราดและชันทบุรี ภาคใต้จะมีงานใน 6 จังหวัด รวมถึง Phuket Pride และ Samui Pride Nation ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีงานในขอนแก่น อุบลราชธานี และมุกดาหาร
เป้าหมายสูงสุด World Pride 2030
การจัดงาน Amazing Thailand Love Wins Festival ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเฉลิมฉลองเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเป้าหมายใหญ่คือการเป็นเจ้าภาพ World Pride 2030 ซึ่งจะเป็นการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลาง Pride ของโลกอย่างแท้จริง และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ
การเป็นเจ้าภาพ World Pride จะทำให้ไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศที่เป็นผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งจะสร้างคุณค่าทางแบรนด์ให้กับประเทศในระยะยาวและดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงจากทั่วโลกให้เดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
อนาคตที่สดใสของ Soft Power ไทย
Amazing Thailand Love Wins Festival เป็นตัวอย่างการใช้ Soft Power ของไทยอย่างชาญฉลาด โดยการผสมผสานระหว่างค่านิยมความเท่าเทียม วัฒนธรรมการต้อนรับที่อบอุ่น และความสามารถในการจัดงานระดับโลก เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
การก้าวสู่การเป็น Pride Destination ระดับโลกของไทยไม่ได้เป็นเพียงการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และการยอมรับความหลากหลายในสังคม ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคและสร้างมรดกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลัง
ในขณะที่หลายประเทศยังคงต่อสู้กับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ ประเทศไทยได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงได้อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่จะทำให้ “Land of Smiles” กลายเป็น “Land of Love and Equality” ที่แท้จริงของโลก
#TheAttraction #PrideMonth #AmazingThailandLoveWinsFestival #AmazingThailand