“เดือนสิบให้เห็นหน้า เดือนห้าให้เห็นตัว” คือ ถ้อยคำที่ปู่ย่าตายายชาวใต้พูดสืบต่อกันมา เป็นเหมือนนาฬิกาหัวใจที่นับวันรอให้ลูกหลานกลับบ้านมาพร้อมหน้า เพราะสารทเดือนสิบไม่ใช่เพียงงานบุญ แต่คือสัญญาใจเพื่อสานสายใยในครอบครัว ว่าอย่างน้อยปีละครั้ง ทุกคนจะได้กลับมากินข้าวด้วยกัน ทำบุญอุทิศเพื่อบรรพบุรุษ และเติมเต็มความคิดถึงที่เก็บไว้นาน
ในปีนี้ ความหมายของคำว่า “หลบบ้าน” หรือ “กลับบ้าน” ยิ่งลึกซึ้งไปกว่าเดิม เมื่อเทศกาลสารทเดือนสิบที่สืบสานกันมานับพันปี ถูกต่อยอดสู่ เมนูอาหารสีดำ ที่ทั้งน่าลิ้มลองและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เป็นบทพิสูจน์ว่าประเพณีเก่าแก่ก็สามารถก้าวข้ามกาลเวลาได้ โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของความกตัญญูเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ “เทสใต้ Tasty เมนูอาหารสีดำ” ที่มีแนวคิดจะยกระดับ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงดูดลูกหลานให้กลับมาสัมผัสเสน่ห์ใหม่ๆ ของเมือง แต่ยังรวมถึงการดึงดูดนักเดินทางใหม่ๆ ให้เข้ามาในจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน
ในเดือนกันยายนนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การขับเคลื่อนของ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ หรือ ทีเส็บ ชักชวนร้านอาหารกว่า 30 ร้าน ใน 7 อำเภอ ได้แก่ เมือง พรหมคีรี ขนอม สิชล ท่าศาลา ทุ่งสง และ ปากพนัง เพื่อร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารสีดำขึ้นมาเป็นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อเรื่อง “ความขลัง” และ “ความมู” ของจังหวัด
“สีดำ” จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องการเดินทางของวิญญาณบรรพบุรุษในช่วงสารทเดือนสิบ หัวใจหลักของโครงการคือการใช้ “อาหาร” เป็น Soft Power เพื่อเล่าเรื่องราวของประเพณีนี้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย
หัวใจของงาน: “หมฺรับ” สำรับแห่งความกตัญญู
หากพูดถึงประเพณีสารทเดือนสิบ คำแรกที่คนใต้ทุกคนต้องนึกถึงคือ “หมฺรับ” หรือ “มฺรับ” ในภาษาใต้ ซึ่งหมายถึง “สำรับ” ศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกหลานจัดทำขึ้นอย่างประณีตเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่เชื่อกันว่าได้เดินทางกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ หมฺรับจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความผูกพัน และหัวใจของความเป็นคนใต้ที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง
ภาพจำในอดีตของหมฺรับคือ กระบุงไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ ที่บรรจุสิ่งของนานาชนิดจนเต็มเปี่ยม แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยน เป็นถาดหรือกระเชอที่ทันสมัยขึ้น แต่แก่นสารและความหมายไม่เคยจางหายไป สิ่งของที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในหมฺรับแต่ละชั้นล้วนมีนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าเป็นของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางของดวงวิญญาณในโลกหน้า เปรียบเสมือนการจัดเตรียม “สัมภาระ” ให้บรรพบุรุษได้เดินทางอย่างสะดวกสบายและมีความสุข
- ชั้นล่างสุด: มักบรรจุ อาหารแห้ง ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ เช่น ข้าวสาร พริก เกลือ กะปิ และปลาเค็ม ซึ่งเปรียบเสมือนเสบียงที่ใช้ในการเดินทางอันยาวไกล
- ชั้นที่สอง: จัดวาง พืชผลทางการเกษตร ที่เก็บได้นาน เช่น กล้วย มะพร้าว มันเทศ และอ้อย เป็นสัญลักษณ์ของ ความอุดมสมบูรณ์
- ชั้นที่สาม: เป็นชั้นของ เครื่องใช้ประจำวัน ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เช่น หม้อ กระทะ เข็ม และด้าย รวมถึงเครื่องบูชาอย่างธูปและเทียน ซึ่งเปรียบได้กับ เครื่องมือสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในภพภูมิหน้า
- ชั้นบนสุด: คือหัวใจสำคัญของหมฺรับที่เต็มไปด้วย ขนมเดือนสิบทั้ง 5 ชนิด ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง
- ขนมลา ทำหน้าที่เป็น ผืนผ้าเครื่องนุ่งห่ม
- ขนมพอง เปรียบเสมือน เรือหรือแพ สำหรับข้ามวัฏสงสาร
- ขนมกง หรือขนมไข่ปลา เป็นตัวแทนของ เครื่องประดับ
- ขนมดีซำ หมายถึง เงินตรา หรือเบี้ยที่ใช้ในการเดินทาง
- ขนมบ้า คือ ของเล่นหรือลูกสะบ้า เพื่อสร้างความสนุกสนานและคลายเหงาให้แก่ดวงวิญญาณ
ดังนั้น หมฺรับจึงไม่ใช่แค่การจัดเตรียมสิ่งของเพื่อทำบุญ แต่คือการแสดงออกถึง ความกตัญญู ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเชื่อ และความหวังดีที่ลูกหลานมีต่อบรรพบุรุษ
อีกมุมหนึ่ง แม้ “หมฺรับ” จะเป็นแก่นหลักของประเพณีสารทเดือนสิบที่สะท้อนถึงความกตัญญูและเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมทางศาสนา แต่ในยุคที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมสมัยใหม่มากขึ้น โครงการ “เทสใต้ Tasty” จึงได้เข้ามาเติมเต็มและ “ต่อยอด” ประเพณีนี้อย่างชาญฉลาด โดยหยิบยกเอาความหมายเชิงสัญลักษณ์ของประเพณีมาตีความใหม่ผ่าน “อาหารสีดำ” ซึ่งเป็นสีที่เชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องความขลังและความมูของชาวนคร
การผสานกันนี้ช่วยขยายขอบเขตของเทศกาลให้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการทำบุญหรือขบวนแห่ในช่วงกลางวันเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นงานเทศกาลที่ผู้คนสามารถ “กิน เที่ยว แชร์” ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน การสร้างสรรค์เมนูอาหารสีดำที่ร่วมสมัยนี้ ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่รู้สึกว่าประเพณีเป็นเรื่องไกลตัวหรือเป็นเพียง “ประเพณีโบราณ” อีกต่อไปแต่กลับรู้สึกว่าเป็น งานร่วมสมัย ที่พวกเขามีส่วนร่วมและสามารถภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเองได้
แนะนำ 10 เมนูสีดำต้องลอง
สารทเดือนสิบปีนี้ หากอยากสัมผัส “มิติใหม่ของความเชื่อแห่งรสชาติอาหารสีดำ” คุณไม่ควรพลาด 10 เมนูเด็ดที่เกิดจากการตีความวัฒนธรรมสู่ความร่วมสมัย แต่ละจานคือการเล่าเรื่องผ่านสีดำที่ทั้งน่าค้นหาและอร่อยไม่เหมือนใคร
- แกงคั่วกรรเชียงปู Black Pearl (ขนมยิ้มซีฟู้ด): แกงคั่วใต้รสเผ็ดร้อนที่คุ้นเคย ถูกยกระดับด้วยกรรเชียงปูชิ้นโต และซอส “Black Pearl” สีเข้มข้นราวอัญมณี
- My Nakhon เค้กเบียร์ดำ (AG) : เค้กสีดำเข้มทำจาก JIB Stout คราฟเบียร์ดำจากโรงเบียร์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราช ผสม ช็อกโกแลตจากฟาร์มในอำเภอท่าศาลา รสชาติเด่นเป็นเอกลักษณ์
- ข้าวมันโคลนทะเลอ่าวไทย (ครัวตังเก): ข้าวมันหอมๆ ที่ผสมซอสทะเลสีดำเข้ม เสิร์ฟคู่ซีฟู้ดสดจากอ่าวไทย ทุกคำคือการพาคนกินดำน้ำสู่ท้องทะเลคอนผ่านรสชาติ
- แกงโคลน (แลเล): แกงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความขลังของสีดำและเอกลักษณ์รสชาติแบบชาวใต้แท้ๆ
- บุญ-พองเดือนสิบ (Blue Surf Cafe): เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมเดือนสิบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล
- ขนมลาบัน (Ek’s bake house) : ขนมปังโฮมเมด ผสานกับความกรอบบางเบาของ ขนมลา ขนมประจำงานบุญเดือนสิบ ได้รสสัมผัสกรอบ-นุ่มในคำเดียว ราวกับเชื่อมอดีตกับปัจจุบันให้ละลายในปาก
- เป-ตะ ดำสารท (Bangkok Coffee): กาแฟสกัดเย็นที่ตั้งชื่อให้เข้ากับเทศกาลโดยเฉพาะ “เป-ตะ” คือคำเรียกขานของ “เปรต” ในหมู่คนคอน ถ่ายทอดเป็นความเข้มข้นของกาแฟดำผสมกับความนุ่มละมุนของนม
- เฟตตูชินี่ผัดขี้เมาทะเลลุยกระทะทองแดง (wine no.6): เส้นพาสต้าสีดำที่ทำขึ้นพิเศษ ผสมผสานรสชาติแบบอิตาเลียนเข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่น
- kiekie latte (Mary feel): ลาเต้สีดำเข้มที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบคุณภาพดี ให้รสชาติที่กลมกล่อมและน่าค้นหา
- ปลาย่างซอสโคลน (kole): ปลาเนื้อสดจากทะเลใต้ถูกย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อม “ซอสโคลน” สีดำที่ทั้งน่าฉงนและเข้ากันได้อย่างลงตัว
ส่วนเมนูอื่นๆ สามารถ สแกนคิวอาร์โค้ด หรือคลิกที่ลิงก์นี้ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
https://maps.app.goo.gl/V3Ex2YB7S2q9RjeM9?g_st=il
เทสใต้ Tasty: ซอฟต์พาวเวอร์ที่เริ่มจากโต๊ะอาหาร
สิ่งที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ ไม่ได้จบแค่การได้ลองอาหารใหม่ แต่คือตัวอย่างจริงของ Soft Power ที่เห็นผลได้ในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจท้องถิ่นที่เติบโตจากการมีร้านเข้าร่วมกว่า 30 ร้าน การสืบทอดวัฒนธรรมที่ทันสมัยที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้อยากลองชิมและแชร์ต่อ หรือการเป็น “แรงดึงดูด” ให้ลูกหลานคอนที่ไปทำงานต่างถิ่นอยากกลับมาเจอครอบครัว นี่คือ Soft Power ในความหมายแท้จริง ไม่ใช่เพียงการโปรโมตวัฒนธรรมออกนอกประเทศ แต่คือการทำให้คนในบ้านเกิดภูมิใจและอยากกลับมามีส่วนร่วม
จากความเชื่อและรสชาติประจำถิ่น สู่เวทีโลก – Powered by TCEB
ภายใต้แคมเปญ “เทสใต้ Tasty” ร้านอาหารและคาเฟ่ที่เข้าร่วม อาทิ ครัวตังเก, Wanderwood, Blue Surf Cafe, One more Thai Craft Chocolate ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างสรรค์เมนูพิเศษ แต่ยังสามารถต่อยอดเพื่อรองรับกิจกรรม MICE (Meeting, Incentive, Convention, Exhibition) ในอนาคต เช่น การจัดเตรียมอาหารว่างและเมนูธีมพิเศษสำหรับงานประชุม/สัมมนา, การเป็นสถานที่จัดประชุมทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงการต่อยอดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Travel Routes) ที่ผสานทั้งวัฒนธรรม อาหาร และการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ นี่คือการเชื่อมโยงประเพณีและวัฒนธรรมเข้ากับธุรกิจการประชุมและการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ซึ่งจะสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในระยะยาว
นครศรีธรรมราช: เมืองแห่งศรัทธาและรสชาติ
สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางในเดือนสิบนี้ นครศรีธรรมราชคือคำตอบที่ผสมผสานทั้ง “ความเชื่อ” และ “ความคิดสร้างสรรค์” ได้อย่างลงตัว คุณสามารถเริ่มต้นวันด้วยการไปไหว้ศาลหลักเมือง หรือขอพรไอ้ไข่วัดเจดีย์ จากนั้นออกเดินสาย กิน-มู กับเมนูสีดำที่กระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ และปิดท้ายวันด้วยการร่วมพิธีทำบุญหมฺรับ ที่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นข้าวปลาอาหารและเสียงหัวเราะของครอบครัว เมื่อได้สัมผัสครบ คุณจะเห็นว่า นครศรีธรรมราชไม่ใช่แค่เมืองแห่งศรัทธา หากคือ เมืองแห่งรสชาติ ความทรงจำ และแรงบันดาลใจ ที่จะทำให้คุณหลงรักอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
#สารทเดือนสิบ #เทสใต้Tasty #เมนูอาหารสีดำ #TheAttraction