Skip links

‘Amitofo’ อาร์ตทอย ‘หลวงเจ๊’ ‘พุทธพาวเวอร์’ สะเทือนวงการ ‘พระ’

เป็นกระแสในวงการนักจุ่มมาสักพักแล้ว สำหรับอาร์ตทอย Amitofo ผลงานของศิลปินชาวจีนนามว่า Shu Pi ผู้สร้างสรรค์ผลงานรูปพระอมิตภะพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในนิกายมหายานและวัชรยาน ซึ่งถูกดัดแปลงออกมาเป็นปางต่างๆ มากมาย อาทิ ปางถือทิชชู่นั่งปลดทุกข์, ปาง Work From Home, ปาง It’s OK, ปางนอนเล่นโทรศัพท์ และอื่นๆ 

ส่วนที่เป็นไฮไลท์คือตัว Secret ที่ชื่อ Beautiful alone. #ปางมาส์กหน้าทำสวยด้วยชุดคลุมสีจมปูววว~ ปางนี้นี่แหละที่ถูกตั้งชื่อเล่นว่า “หลวงเจ๊” ซึ่งยั่วกิเลสนักจุ่มให้สั่นระรัวจนไม่อาจจะต้านทานไหว จำต้องจุ่มมาประทับชั้นวางกันสักองค์ อีกทั้งยังมีคอลเลกชันที่เป็นพวงกุญแจและสร้อยคอ เหมาะแก่การพกติดตัวไว้ให้สบายใจ

ส่วนเรื่องพุทธคุณ คงเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ต้องเตือนก่อนว่า คนมีของอย่าลองดี เพราะเรื่องแบบนี้ “คนเล่นเขารู้กัน”  …ว่าไปนั่น🤣🤣

เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอยู่แล้วเชียว แต่แล้วก็เป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อ บุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า 

“อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใดๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง ที่ผ่านมา พศ. ทำได้เพียงขอความร่วมมือ”

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้อาร์ตทอย “หลวงเจ๊” เป็นที่พูดถึงกันมากขึ้น และเป็นที่ตามหาของบรรดานักล่ากล่องจุ่มกันแบบฉ่ำๆ โดย Shu Pi ผู้ออกแบบ Amitofo เคยอธิบายไว้ว่า ผลงานดังกล่าวมิได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นของขลัง แต่เป็นไปเพื่อความผ่อนคลายเสียมากกว่า ซึ่งได้การตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักจุ่มชาวไทยเป็นพิเศษ 

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า Amitofo จะเป็นอาร์ตทอยสัญชาติจีน แต่ก็มีจุดร่วมบางอย่างที่เชื่อมถึงคนไทย ไม่ต่างจากอาร์ตทอยตัวอื่นๆ ที่มาจากต่างแดน และหากกล่าวถึงวงการอาร์ตทอย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นกระแสถึงขนาดที่รัฐบาลไทยยังต้องเอ่ยปากชม พลางถอดกลยุทธ์ความสำเร็จ และไหลตามน้ำลำเลียงอาร์ตทอยขึ้นขบวน Soft Power ไปกะเขาด้วย

ถึงที่สุดแล้ว วงการอาร์ตทอยก็นับว่าเป็นแขนงหนึ่งของศิลปะและการออกแบบ ทั้งนี้ อาร์ตทอย “หลวงเจ๊” ก็เป็นตัวอย่างของการเชื่อมร้อยสัญลักษณ์ดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของสังคมไทยในยุคดิจิทัลที่พยายามปรับตัวเพื่อสอดรับกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่โดยไม่ทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม กระแสของ Amitofo จึงเป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างวิถีการแสดงออกร่วมสมัยผ่านมุมมองที่สร้างสรรค์และเข้าถึงง่าย

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เป็นโอกาสอันดีที่สังคมจะได้เผชิญต่อความเปลี่ยนแปลง ความสร้างสรรค์ และพลวัตทางสังคมที่ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ปรากฏการณ์นี้ได้เปิดพื้นที่ให้เกิดการถกเถียงและแลกเปลี่ยนมุมมองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้อย่างมีวุฒิภาวะ ว่าจะสามารถจัดสมดุลระหว่างการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับพื้นที่ทางศิลปะได้อย่างไร

ในท้ายที่สุด เราอาจต้องย้อนกลับไปพิจารณาหลักธรรมพื้นฐานที่ว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วัตถุสิ่งของย่อมไม่เที่ยง แม้แต่รูปแบบการแสดงออกซึ่งความศรัทธาก็ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย หากแต่สิ่งสำคัญคือการวางใจเป็นกลาง รักษาอุเบกขา พร้อมที่จะเรียนรู้และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ

สาธุ