ในทศวรรษที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันอันเข้มข้น ไม่เพียงแต่อาวุธหรือเศรษฐกิจเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้ หากแม้แต่ “ศรัทธา” ก็กลายเป็นพลังสำคัญบนเวทีระหว่างประเทศด้วยเช่นกัร และพุทธศาสนาก็คือหนึ่งในมรดกล้ำค่าที่กำลังถูกช่วงชิงความเป็นใหญ่โดยสองมหาอำนาจแห่งเอเชีย ระหว่างอินเดียและจีน
โดยอินเดียยืนหยัดประกาศตัวว่าเป็น “ถิ่นประสูติของพระพุทธเจ้า” เมืองพุทธคยาและสถานที่แสวงบุญอื่นๆ ถูกจัดเป็นเส้นทางโปรโมตสำหรับการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ประกอบกับการให้ยืมพระบรมสารีริกธาตุไปยังประเทศต่างๆ เช่น ไทยและเวียดนาม รวมถึงความสัมพันธ์กับองค์ทะไลลามะ ที่ยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักทางจิตวิญญาณให้แก่การทูตของอินเดีย
ในอีกฟากหนึ่ง จีนเลือกเชื่อมพุทธศาสนาเข้ากับยุทธศาสตร์หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง(Belt and Road Initiative) ซึ่งมีทั้งการจัดประชุมนานาชาติ ฟื้นฟูสถานที่แสวงบุญ และเข้าไปสัมพันธ์กับชุมชนเถรวาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแนบแน่น เช่น การช่วยบูรณะวัดในศรีลังกา เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและลดความขัดแย้งในท้องถิ่นต่อโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของจีน
ขณะเดียวกันก็มีบทบาทและอ้างอำนาจในสถาบันสำคัญทางพุทธศาสนาของทิเบต กล่าวคือ ใช้พุทธศาสนาเป็นทั้ง Soft Power และ Sharp Power เพื่อจุดประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์
การขับเคี่ยวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม หรือเผยแพร่ธรรมะปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางสัญลักษณ์เพื่อช่วงชิงอำนาจนำเชิงวัฒนธรรมและความชอบธรรมทางจิตวิญญาณ แต่ละก้าวของการทูตเชิงศาสนา จึงสะท้อนแรงดึงรั้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างละเอียดอ่อน
ภาพที่เราเห็นจากการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในไทย หรือการจัดงานประชุมพุทธศาสนาที่ปักกิ่งและนิวเดลี อาจเต็มไปด้วยหมู่มวลแห่งความศรัทธาและการแลกเปลี่ยนทางจิตวิญญาณ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็คือการชิงพื้นที่ และความหมายทางวัฒนธรรม รวมถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างรัฐชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาสนาถูกนำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ ก็ย่อมเสี่ยงที่จะทำให้มรดกอันศักดิ์สิทธิ์ถูกลดทอนเหลือเพียงเครื่องมือทางอำนาจ วัตถุโบราณอาจถูกมองเป็นเพียงของจัดแสดง การแสวงบุญอาจกลายเป็นเวทีโฆษณาชวนเชื่อ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากการทูตเชิงศาสนาก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และสามารถทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งความเมตตา ความเข้าใจ และสันติภาพ อันเป็นคุณค่าที่โลกสมัยใหม่กำลังโหยหา
ท้ายที่สุด การทูตเชิงพุทธจึงไม่ควรถูกจำกัดเพียงการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐชาติ หากควรเป็นพื้นที่ในการส่งเสริมคุณค่าที่พุทธศาสนาถือเป็นแก่นศรัทธา และเปลี่ยนศรัทธาให้เป็นพลังเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าใจกันและกัน แทนที่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงของการแข่งขัน
…
อ้างอิง :
https://asiatimes.com/2025/08/hard-rivalry-for-buddhisms-soft-power/#
https://is.muni.cz/th/rlt1p/ChinaBuddhistSoftPower.pdf
https://orcasia.org/article/179/the-role-of-buddhist-diplomacy-in-indias-soft-power
https://orcasia.org/article/179/the-role-of-buddhist-diplomacy-in-indias-soft-power