Skip links

คนไทยเสียดายแทน Taylor Swift พลาดแล้ว ไม่ยอมมาเล่นคอนเสิร์ตดีย์ๆ ในไทย 🥹🥲

เป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่อง สำหรับคอนเสิร์ต ‘The Eras Tour’ ของศิลปินสาวเบอร์หนึ่งจากแผ่นดินสหรัฐฯ อย่าง “Taylor Swift” ที่ล่าสุดบินลัดแผ่นฟ้ามาหาแฟนๆ ชาว ‘Swifties’ ณ ประเทศสิงคโปร์ ด้วยการแสดงคอนเสิร์ตกว่า 6 รอบ ตั้งแต่วันที่ 2 – 4 และ 7 – 9 มีนาคม 2567

เดิมที การทัวร์คอนเสิร์ตของนักร้องสาวเจ้าของรางวัลแกรมมี่อวอร์ดกว่า 14 รางวัล ดูเหมือนจะไม่มีประเด็นเผ็ดร้อนอะไร กระทั่งเมื่อ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า สิงคโปร์จ่ายเงินให้กับผู้จัดคอนเสิร์ตราวๆ 500 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไข ห้ามมิให้ยอดศิลปินหญิงผู้นี้จัดแสดงคอนเสิร์ตที่อื่นใดในเอเชีย ซึ่งนายกเศรษฐา ได้แสดงทัศนะไว้ว่า

“…ถ้ารู้งี้ผมว่าผมดีลมาประเทศไทย ต่อโชว์ต่ำกว่า 2 ล้านเหรียญอีก ผมมั่นใจว่าเขาสามารถดึงดูดสปอนเซอร์ได้ เขาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาได้ที่เมืองไทยเยอะกว่า…”

 

ทั้งนี้ ตัวแทนจากทางการสิงคโปร์ ได้ออกมาตอบโต้ว่า มีการจ่าย ‘เงินสนับสนุน’ จริง แต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนตัวเลขที่แท้จริงก็ยังไม่มีการระบุไว้อย่างชัดเจน ประเด็นดังกล่าวนี้ก็เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง กระทั่งทำให้หลายฝ่ายห่วงว่า ‘ศึกชิงนาง’ ในครั้งนี้ อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนหรือไม่?

อย่างไรก็ดี งานนี้ดูเหมือนว่า นอกจากพระศุกร์เข้า แล้วยังจะมีพระเสาร์แทรกอีกด้วย เมื่อ ‘ศึกชิงนาง’ ยังไม่ทันวาย ซ้ำร้าย ‘ศึกชิงตั๋ว’ ก็เข้ามาสมทบ เมื่อมีชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งติดแฮชแท็ก #buybybei ซึ่งพูดถึงกรณีของผู้บริโภคบางรายที่ซื้อตั๋วกับร้านรับกดบัตรในโซเชียล แต่ปรากฎว่า เมื่อสแกนตั๋วก่อนจะเข้างาน พบว่า มีบุคคลอื่นได้สแกนเลขที่นั่งของตั๋วดังกล่าวไปแล้ว มิหนำซ้ำ บางเลขที่ของตั๋วยังมีผู้มาแสดงความเป็นเจ้าของกว่า 8 ราย

 

กระนั้นก็ตาม ในมิติทางเศรษฐกิจก็คงต้องบอกว่า สิงคโปร์รับประโยชน์ไปเต็มๆ โดยสำนักข่าว CNBC ได้รายงานว่า ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของ Maybank วิเคราะห์ว่าคอนเสิร์ต Taylor Swift สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแก่สิงคโปร์ได้ราวๆ 260.3 – 371.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท 

และไม่ใช่แค่โอกาสทางเศรษฐกิจอย่างเดียวที่ประเทศไทยพลาดไป เนื่องเพราะเรายังสูญเสียโอกาสในการโปรโมตการท่องเที่ยว, อาหาร, วัฒนธรรม และของขึ้นชื่ออื่นๆ อันเป็น Soft Power ของบ้านเรา ที่ก่อนหน้านี้เหล่าศิลปินระดับ World Class มักจะมาสัมผัสด้วยตนเองเมื่อครั้งมาจัดแสดงที่เมืองไทย 

แต่หากจะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่บ้านเราที่สูญเสียโอกาสอยู่ฝ่ายเดียว ทว่า “Taylor Swift” นักร้องสาวชาวสหรัฐฯ ก็พลาดโอกาสทองของชีวิตด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

โอกาสที่จะได้ลิ้มลอง “ใข่เจียวปูของเจ๊ไฝ” เชฟสตรีทฟู้ดผู้มีชุดประจำตำแหน่งที่ใครเห็นก็ต้องจดจำ หรือแม้แต่ “ทิพย์สมัย-ผัดไทยประตูผี” ร้านเด็ดเจ้าดังที่รอคิวนานไม่แพ้เจ๊ไฝ ซึ่งทางด้าน Taylor Swift ยังไม่มีวาสนาได้ลิ้มรส

อีกทั้ง ยังอดได้ของดีจากอาจารย์สักระดับ top tier อาทิ อ.หนู กันภัย, อ.เหน่ง อ่อนนุช ที่บริกรรมคาถาและลงอัคระให้แก่คนดังมานักต่อนัก รวมถึงแหล่งรวมของสายมูอื่นๆ ที่ควรมาสัมผัสด้วยตนเอง

นอกจากนี้ นักร้องสาวยังพลาดโอกาสที่จะได้สวมใส่กางเกงช้าง ใส่เสื้อลายดอก คีบรองเท้าแตะ และนั่งรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ คิดแล้วก็น่าเสียดาย… นี่มันประสบการณ์ดีๆ ทั้งนั้น

 

เช่นเดียวกัน สำหรับคนไทยเองก็พลาดโอกาสดีๆ ไปตั้งมากมาย อาทิเช่น โอกาสของวินมอเตอร์ไซค์แถวราชมังฯ (ทั้งวินจริงและวินเถื่อน) ซึ่งพลาดโอกาสต่อยอดธุรกิจ ในการฟาดฟันราคาค่าโดยสารมหาโหดหลังคอนเสิร์ตจบ

หรือแม้แต่ร้านค้ารายย่อยระแวกนั้น ก็สูญเสียกำไรก้อนโต เนื่องจากในงานคอนเสิร์ต ณ ราชมังฯ ซึ่งเป็นบริเวณปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ร้านค้ารายย่อยระแวกนั้นกำไรบานเบอะ คิดแล้วก็น่าเสียดาย… นี่มันโอกาสของ SME ทั้งนั้น

ส่วน Swifties ชาวไทยเองก็เสียโอกาสในการฟิตร่างกายเพื่อสุขภาพ เนื่องเพราะ ทุกครั้งหลังคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ จบ มักจะมี Bonus Track จากระบบขนส่งมวลชนของประเทศ คือ เสียงฝีเท้าของนักท่องเที่ยวที่พาเหรดกันออกมาด้วยความสิ้นหวัง อันมีสาเหตุมาจากการไม่สามารถหารถกลับที่พักได้ คิดแล้วก็น่าเสียดาย… นี่มันโอกาสที่คนไทยจะได้ฝึกเดินไกลเพื่อสุขภาพแท้ๆ

ยังมีอีกมากที่ประเทศไทยต้องสูญเสียโอกาสไป นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คิดแล้วก็น่าเสียดาย… แต่ถ้าใครนึกอะไรออกว่าประเทศไทยเสียโอกาสอะไรอีก ก็สามารถแบ่งปันกันได้ที่ช่องคอมเมนต์ด้านล่างเลย