ในเมื่อใส่มาติดๆ กันหลายวันขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องพูดถึงกันเสียหน่อย สำหรับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมต. คลัง ที่ขณะนี้ทำงานเดินสายพบปะต่างชาติเพื่อหาโอกาสให้ประเทศไทย ตามสไตล์ ‘นายกเซลส์แมน’ พร้อมด้วย “ผ้าขาวม้า” ที่พกติดตัวไปโชว์ให้ชาวโลกได้เห็นถึงงานฝีมือคนไทย และขณะเดียวกันก็เป็นการโปรโมต Soft Power ไทยไปพร้อมๆ กัน
ทั้งนี้ “ผ้าขาวม้า” นับว่าเป็นอาภรณ์ประจำกายของคนไทยหลายหมู่เหล่ามายาวนาน ทั้งยังถูกใช้ในหลากหลายบริบท อาทิ ใช้พันคอ เช็ดเหงื่อ คาดเอว ปูนั่ง อาบน้ำ ฯลฯ รวมถึงในปัจจุบันนี้ ก็มีใยผ้าให้เลือกมากขึ้นตามประเภทที่ใช้
ด้วยเหตุนี้ ผ้าขาวม้าจึงเรียกได้ว่าเป็น ‘ผืนผ้าอเนกประสงค์’ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากวิถีชีวิตของคนไทยโดยแท้ เนื่องเพราะคนไทยอาศัยอยู่ในภูมิประเทศเขตร้อน และหากย้อนกลับไปตามวิถีดั้งเดิม กิจกรรมต่างๆ ก็มักจะทำกันกลางแจ้ง เช่น ทำไร่ ไถนา ทอดผ้าป่า งานบวช งานวัด ฯลฯ ฉะนั้นแล้ว ผืนผ้าอเนกประสงค์ที่บางเบา ซับเหงื่อได้ดี และพกพาสะดวก จึงเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนไทยมาแต่เดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ในหลายพื้นที่ยังมีธรรมเนียม “ผูกผ้าขาวม้า” ให้แขกเหรื่อผู้มาเยือน อันเป็นการแสดงถึงการผูกไมตรีจิตอย่างอบอุ่น และสร้างความรู้สึกเป็นพวกเดียวกันไปในตัว
แต่หากจะกล่าวกันด้วยเรื่องของการเมือง จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่เรามักจะเห็นนักการเมืองคาดผ้าขาวม้า ลงพื้นที่พบปะหาเสียงกับพ่อแม่พี่น้อง ซึ่งในแง่หนึ่ง ก็เป็นการช่วยลดความรู้สึกอันสูงส่งทรงเกียรติของนักการเมือง ให้ลงมาใกล้ชิด และสร้างความรู้สึก ‘เป็นพวกเดียวกันกับประชาชนมากขึ้น’ นักการเมืองหลายคนจึงเลือกใช้ผ้าขาวม้าด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้
กระนั้นก็ตาม นายกฯ คนที่ 30 แห่งราชอาณาจักรไทยมองการณ์ไกลกว่านั้น เพราะการหยิบผ้าขาวม้ามาประดับกาย จนแทบจะเป็นของติดตัวไปแล้ว ณ ช่วงนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจผ้าขาวม้า ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ที่ดี
แต่ก็มิวาย ทำให้เกิดคำถามว่า การที่ ‘เซลส์แมนนิด’ นำผ้าขาวม้า ไปอวดโฉมต่อต่างชาติ โดยเฉพาะยิ่ง ในประเทศเขตหนาวแล้วนั้น จะมีประสิทธิภาพ / ประสิทธิผลเพียงใด? เนื่องจากภูมิอากาศที่ต่างจากบ้านเรา ซึ่งก็หมายถึงวิถีชีวิตที่ต่างจากบ้านเรา ในเขตเมืองหนาว เขาก็ต้องการผ้าผืนหนา แล้วทีนี้ ผ้าผืนบางลายตารางสีสวยจะเป็นที่ต้องการของต่างชาติได้จริงหรือ?
แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ อย่าเพิ่งสบประมาทท่านนายกฯ เกินไป เพราะอย่าลืมว่าโลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน หรือพูดให้ถูกต้องคือ ‘โลกกำลังเดือดขึ้นทุกวัน’ และในอีกไม่นาน Summer ก็กำลังจะมาถึงแล้ว ไม่แน่ว่า “ผ้าขาวม้า” ก็อาจจะเป็นที่ชื่นชอบของฝรั่งตาน้ำข้าวก็เป็นได้ หรือไม่ “ผ้าขาวม้า” ก็อาจจะยกระดับเป็น ‘แฟชั่น’ ที่อยู่เหนือ ‘ฟังก์ชัน’ ก็ได้ ใครจะไปรู้
แล้วคุณล่ะ? คิดว่าผ้าขาวม้าของเราจะไปขายฝรั่งได้ไหม?