วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘แนท ไทยพัน (Nat Thaipun)’ สาวไทยดีกรีเจ้าของแชมป์ MasterChef Australia 2024 หรือที่อาจจะรู้จักกันจากเมนู ‘ลาบจิงโจ้ดิบ’ ที่ทำเอากรรมการและชาวเน็ตอึ้งกันตั้งแต่จานแรก พร้อมพาอาหารไทยหลากหลายเมนูไปทำความรู้จักกับผู้คนทั่วโลกมากขึ้น ปลุกซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อมีโอกาสอันดี The Attraction เลยส่งจดหมายไปไกลถึงออสเตรเลีย เพื่อสัมภาษณ์ ‘แนท’ มาให้ได้อ่านกัน
ตำแหน่ง MasterChef Australia เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปอย่างไรบ้าง?
รู้สึกเหมือนฝันเลยค่ะ! แค่ได้เข้าร่วมในรายการที่มีชื่อเสียงขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากแล้ว แต่การที่เราได้รับการยอมรับในเรื่องการทำอาหารที่สร้างสรรค์ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้นไปอีก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แนทไม่เคยมองว่าการทำอาหารของตัวเองมันเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ เราแค่มองว่าจะจัดการวัตถุดิบที่เหลืออยู่ในครัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดแค่นั้น เราเองไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าสิ่งนั้นมันจะกลายเป็นสกิลสำคัญพาตัวเองเดินทางไปจนถึงการชนะรายการ MasterChef Australia
อะไรคือเหตุผลแรกของการมาสมัครรายการ MasterChef?
พูดตรงๆ เลย ก็คือเพื่อนส่งลิงก์มาให้สมัคร MasterChef เพราะพวกเขารู้ว่าฉันชอบทำอาหารให้คนอื่นชิม ชอบการจัดงานเลี้ยงอาหารเย็น และงานปาร์ตี้ Potluck
การใช้ชีวิตในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเมืองที่มีหิมะ ทำให้หาวัตถุดิบสำหรับอาหารเอเชียที่ปกติจะหาได้ในเมืองใหญ่อย่างเมลเบิร์นยากขึ้น พอหาวัตถุดิบยากก็ยิ่งคิดถึงอาหารไทยและอาหารชนิดอื่นมากขึ้น
เมืองที่เราอาศัยอยู่มีคนหลากหลายเชื้อชาติและหลายวัย ในช่วงโควิดหลายคนหวลคิดถึงเมนูอาหารในวัยเด็ก แนทจึงเริ่มทำอาหารเพื่อให้ทุกคนได้หายคิดถึงบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าสไตล์อังกฤษ อาหารค่ำวันอาทิตย์ รวมไปถึงอาหารไทยที่เราเติบโตมา
การเดินทางรอบโลกทำให้แนทหลงรักความเชื่อมโยงของอาหารกับเรื่องราวและวัฒนธรรม ฉันเริ่มมองวัตถุดิบที่สามารถประยุกต์ใช้กับเมนูต่างๆ ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์อาหารไทยหรืออาหารชนิดใดก็ได้ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นและผลผลิตตามฤดูกาล
เมนูอาหารไทยที่นำไปแข่งขันในรายการ เมนูไหนที่คุณชื่นชอบมากที่สุด?
จานโปรดน่าจะเป็นจานแรกของซีซั่น คือ “ลาบจิงโจ้กับข้าวตัง” หรือไม่ก็ “ไส้อั่วสก็อตช์เอ้กก์” ในรอบชิงชนะเลิศ ที่ผสมผสานรสชาติไทยเข้ากับเทคนิคการปรุงแบบยุโรป
(นอกจากเมนูลาบจิงโจ้ในตอนแรก และไส้อั่วสก็อตช์เอ้กก์ในตอนสุดท้ายแล้ว ตลอดเส้นทางสู่แชมป์ของ แนท ยังเต็มไปด้วยอาหารไทยหลากหลายเมนูที่ไม่ค่อยเจอในรายการแข่งขันทำอาหารต่างประเทศ แต่เธอก็หยิบมารังสรรได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวซอยไก่ / หมูพะโล้ไข่นกกระทา / เมี่ยงใบพลู / หมึกเส้นราดน้ำจิ้มซีฟู้ด / ปลานึ่งมะนาว / Roast Bone Marrow กับ ยำส้มโอ, แจ่วส้ม และข้าวจี่ และอื่น ๆ อีกมากมาย)
อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณนำเอาเมนูไทยพื้นบ้านไปแข่งขัน?
การนำอาหารไทยมาแข่งในรายการ เป็นการแบ่งปันมรดกทางวัฒนธรรม ที่ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่รสชาติ แต่ยังเป็นการเปิดโลกให้เห็นวิธีการกิน วัตถุดิบบางอย่าง หรือเทคนิคการทำอาหารที่อาจจะคล้ายคลึงกับเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันด้วย
สิ่งที่เราเห็นตอนที่ครอบครัวกลับไปเที่ยวเมืองไทยด้วยกัน มีอาหารหลายอย่างที่กำลังจะหายไปจากยุคของพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย ไม่ใช่เพราะมันไม่อร่อย แต่เหตุผลใหญ่คือคนรุ่นใหม่ไม่สนใจที่จะสืบทอดต่อแล้ว เนื่องจากประเทศพัฒนาขึ้น ลูกหลานย้ายเข้าเมืองกันหมด สูตรอาหารและเรื่องราวเลยไม่ได้ถูกส่งต่อ เราเองเป็นหนึ่งคนที่อยากให้คุณค่าของการทำอาหารไทยยังคงอยู่
อย่างรอบรองชนะเลิศเป็นรอบที่ใช้พลังมากที่สุด เพราะฉันพยายามผสมผสานรากเหง้าความเป็นไทย เข้ากับเรื่องราวการเติบโตในชนบทของออสเตรเลีย มันค่อนข้างซับซ้อนแต่ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ แนทรักการทำอาหารทั้งไทยและตะวันตก แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นที่สุดคือการเชื่อมโยงทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน เหมือนกับตัวแนทเองนี่แหละ (หัวเราะ)
ช่วยเล่าถึงแนวคิดในการนำเสนออาหารจานต่างๆ คุณให้ความสำคัญกับสิ่งใดเป็นพิเศษ?
การทำอาหารสำหรับแนทเองคือการแสดงออกถึงความรัก ความคิดสร้างสรรค์ และความอดทน มันเป็นวิธีการเล่าเรื่อง เชื่อมโยงผู้คน และเคารพรากเหง้าของตัวเอง แนทเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าอาหารนั้นมีพลัง ในการเชื่อมโยงผู้คน หลอมรวมวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าด้วยกัน
การเดินทางของแนทใน MasterChef Australia เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง มันผลักดันให้แนทได้สำรวจตัวตน ยอมรับรากเหง้าของตัวเอง และนำเสนอสิ่งเหล่านั้นผ่านอาหาร การเดินทางนี้ช่วยให้ตระหนักถึงพลังของอาหารในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมและแบ่งปันเรื่องราวเหล่านั้นออกไป
โดยเฉพาะการจัดจาน ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่จะช่วยเพิ่มระดับความเย้ายวนของอาหารแต่ละจาน เพราะนอกจากความอร่อยเป็นเลิศแล้ว หน้าตาของอาหารก็ควรมาด้วยลุคที่ดูน่ากินไม่แพ้กันด้วย ซึ่งวิธีการจัดจานของแนทมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความเรียบง่าย เน้นที่สีสัน เนื้อสัมผัส และรูปทรง เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละองค์ประกอบบนจานเล่าเรื่องราวและเพิ่มประสบการณ์การรับประทานอาหารให้ดียิ่งขึ้น การนำเสนอที่สวยงามสามารถยกระดับจานอาหาร ทำให้มันน่าจดจำและสนุกสนานมากขึ้นสำหรับผู้รับประทาน
ทั้งเทคนิคการทำอาหารเอย เทคนิคการจัดจานเอย ความรักและความใส่ใจเอย ทำให้เมนูทุกจานของ แนท กลายเป็นเมนูพิเศษชวนหลงใหล
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ แนท โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่กำลังรีบทำอาหารแข่งกับเวลา คือ การที่อยู่ๆ เธอก็แสดงเวทมนตร์เพื่อนช่วยเพื่อนร่วมครัวคนหนึ่งที่ไม่สามารถเปิดขวดแก้วใบหนึ่งได้
“ป๊อก ป๊อก ป๊อก”
เสียงมีดเคาะรอบฝาขวดแก้ว 3 ครั้ง ก่อนบิดฝาเบา ๆ คลายมนต์สะกดปลดปล่อยวัตถุดิบความอร่อยที่อยู่ข้างใน พร้อมหันไปบอกว่า สิ่งนี้คือ เทคนิคพิเศษของคนเอเชีย (Asian tricks)
แชร์เทคนิคพิเศษของคนเอเชีย (Asian tricks) ที่ใช้ในครัว เทคนิคอื่นๆ ให้ฟังหน่อย
มีเทคนิคหลายอย่างเลยนะ ทุกคนเห็นทริคการเปิดขวดแล้วใช่มั้ย มันเป็นสิ่งที่แนทเรียนรู้มาจากคุณยายและแม่ อีกหนึ่งความสามารถที่ได้รับการสืบทอดมาก็คือ ในทุกวัตถุดิบในครัว จะไม่กลายเป็นของเหลือทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
…
(การหลอมรวมระหว่างความเป็นไทยและตะวันตก เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนอื่นและสิ่งเหล่านี้ถูกสื่อสารผ่านจานอาหาร กระทั่งส่งให้เธอไปอยู่ในฐานะแชมป์เปี้ยนในที่สุด เห็นได้ชัดเลยว่าการเติบโตท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายรอบตัว ส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จของเธอครั้งนี้)
ความทรงจำและชีวิตในวัยเด็กของคุณเป็นอย่างไร และประสบการณ์เหล่านั้นมีอิทธิพลต่ออาหารที่คุณรังสรรค์ขึ้นอย่างไร?
การเติบโตในออสเตรเลียกับพ่อแม่ที่เป็นคนไทย ให้มุมมองการทำอาหารที่ไม่เหมือนใครแก่ตัวฉันเองค่ะ ฉันจำได้แม่นเลยว่าแต่ละวันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สนุก สดใส และอาหารที่หลากหลาย
พ่อกับแม่ได้ปลูกฝังเรื่องของการทำอาหารรวมถึงประเพณีที่หลากหลายให้กับฉัน การเติบโตมากับวัฒนธรรมที่แตกต่างนี้ได้สร้างสไตล์การทำอาหารแก่ฉันอัตโนมัติ ทำให้ฉันสามารถผสมผสานรสชาติแบบไทยกับเทคนิคตะวันตกได้อย่างกลมกลืน
รากเหง้าความเป็นคนไทยในตัวฉันเป็นพื้นฐานสำคัญในเส้นทางของการเป็นเชฟ ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันได้สร้างสรรค์เมนูฟิวชั่นที่ยังคงเคารพรากเหง้าของตนเองและยังสามารถผสมผสานกับอิทธิพลรอบตัวได้ในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่เรียนรู้จากครอบครัว?
สิ่งที่ฉันเรียนรู้จากแม่และย่าคือ อาหารไม่ใช่แค่พลังงานสำหรับร่างกาย แต่มันเป็นรูปแบบของการดูแลเอาใจใส่ เป็นภาษาแห่งความรักที่บางครั้งอาจจะแสดงออกเป็นคำพูดได้ยาก ฉันได้เรียนรู้ว่าในอาหารไทย ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติโดยรวม แต่เป็นการทำให้ดีที่สุดจากสิ่งที่มี และทำอะไรที่น่าทึ่งได้จากสิ่งเหล่านั้น
ตอนเด็กๆ เราไม่ได้ถูกสอนมารยาทไทยอย่างเป็นทางการ แต่เราได้เรียนรู้วิธีการกินด้วยกัน แบ่งปันอาหารพร้อมกับเล่าเรื่องราว พ่อของฉันเก่งมากในการเชื่อมโยงอาหารกับเรื่องราวจากทุกที่ โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับวัยเด็กและชีวิตของเขา
ชอบอาหารไทยเมนูไหนมากที่สุด?
แนท: อาหารในวัยเด็กที่ฉันชอบที่สุดคือ “ลาบหรือส้มตำ” ฉันชอบกินกับข้าวเหนียว กับผักสดเยอะๆ เช่น กะหล่ำปลีสด ถั่วฝักยาว และสมุนไพรสด แน่นอนว่าต้องเสิร์ฟพร้อมกับเนื้อย่างหลากหลายชนิด (โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ป่า)
คิดว่าอาหารไทย “แท้” มีจริงไหม และอาหารไทยแท้สำคัญคุณมีลักษณะพิเศษอย่างไร ที่หาไม่ได้จากที่อื่น?
ฉันรู้สึกแปลกๆ กับคำว่า “แท้” นิดหน่อย เพราะบางทีมันไม่เปิดโอกาสให้กับเรื่องราวการเดินทางที่หล่อหลอมให้เป็นอาหารไทยอย่างที่เรามีทุกวันนี้ แต่ถ้าไม่ต้องลงลึกขนาดนั้น อาหารไทยคือเรื่องของความสมดุล – หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และแน่นอนว่าต้องมีความสมดุลของเนื้อสัมผัสด้วย
คนไทยในเมืองไทยจะมีโอกาสได้ชิมฝีมือคุณไหม หรือมีโอกาสกลับมาเปิดร้านอาหารไทยในเมืองไทยหรือเปล่า?
แน่นอนค่ะ! ฉันวางแผนจะไปเยือนเมืองไทยเร็วๆ นี้ และอยากร่วมงานกับเชฟท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์อะไรพิเศษๆ ด้วย
…
เชื่อได้เลยว่าหากเธอมาประเทศไทยครั้งต่อไป ย่อมมีการตอบรับที่ดีจากคนไทยเป็นแน่ แต่หากเธอมาเยือนไทยในเร็ววัน วัตถุดิบหลักที่มีความท้าทายคงหนีไม่พ้นวาระแห่งชาติขณะนี้อย่าง “ปลาหมอคางดำ” เราจึงมอบโจทย์นี้ให้เธอไป
การแพร่พันธ์ุอย่างรวดเร็วของวัตถุดิบที่กำลังเป็นไวรัลในประเทศไทย ณ ขณะนี้อย่าง “ปลาหมอคางดำ” ในฐานะแชมป์ MasterChef Australia 2024 คุณจะรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูอะไร?
เนื่องจากมีปลาชนิดนี้เยอะมาก ฉันแนะนำให้ร้านอาหารใช้มันในหลายๆ วิธี สำหรับร้านอาหารทั่วไป แค่ทำอะไรง่ายๆ อย่างลาบก็น่าสนใจและง่ายดีแล้ว
แต่สำหรับร้านอาหารระดับสูงขึ้นมา ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะทำไส้กรอกจากปลาหมอคางดำได้อร่อยมาก อาจจะเป็นไส้กรอกไทยรสจัดจ้าน หรือไส้กรอกรมควันรสเผ็ด ที่อยู่ระหว่างกุนเชียงกับซาลามี่ก็ได้ การทำไส้กรอกรมควันจะดีกว่าเพราะเราสามารถเก็บไว้ใช้ในอนาคต สามารถนำมาผัดใส่ข้าวผัดเหมือนกุนเชียง หรือแม้แต่เป็นส่วนหนึ่งของชุดเนื้อเย็นในร้านอาหารหรูก็ได้ หรือจะผัดใส่คาโบนาร่าในร้านอาหารอิตาเลียนก็ยังได้! มีทางเลือกมากมายไม่สิ้นสุดเลย
ฉันเห็นในข่าวว่าพวกเขากำลังคิดจะนำปลาชนิดที่ไม่เป็นอันตรายมาช่วยกำจัดปลาหมอคางดำ แต่ฉันคิดว่าเราได้เห็นแล้วว่าการนำสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่เข้าไปในสภาพแวดล้อมใหม่ส่งผลอย่างไรในทั่วโลก ส่วนใหญ่แล้วมักจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี (เช่น สุนัขจิ้งจอกในออสเตรเลีย)
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้รู้จักกับ ‘แนท ไทยพัน’ มากยิ่งขึ้น และเป็นอีกครั้งที่ Soft Power ไทยด้านอาหาร ได้สร้างความประทับใจแก่ชาวต่างชาติ ทั้งยังตอกย้ำถึงศักยภาพและองค์ความรู้ที่มีมูลค่าในด้านอาหาร อันเป็นสินทรัพย์ที่มีอยู่ในประเทศ ซึ่งสามารถนำไปสู่การสร้างรายได้ ภาพลักษณ์ และความประทับใจที่ต่างชาติมีแก่เรา เพื่อเป็นการสานต่อความเป็นเลิศด้านอาหาร อย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด
ทั้งนี้ สำหรับ แนท ไทยพัน คงต้องกล่าวว่า ชัยชนะในรายการ MasterChef Australia นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่พลิกผันเส้นทางชีวิตของเธอ เพราะชัยชนะของ แนท ไทยพัน มิใช่ชัยชนะของสาวไทยเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นชัยชนะของอาหารไทยอีกด้วย เนื่องจากความภูมิใจ เสียงชื่นชม ความยินดี และกำลังใจ สิ่งเหล่านี้ถูกส่งมอบให้เธอตั้งแต่ช่วงแข่งขัน ตลอดจนเธอคว้าชัย และคงไม่จบลงไปตามรายรายการแข่งขันแน่นอน
มาทำความรู้จัก แนท ไทยพัน ให้มากขึ้น พร้อมชื่นชมเส้นทางกว่าจะประสบความสำเร็จของเธอได้ในการแข่งขัน MasterChef Australia Season 16 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 19.30 น. ทางช่อง Lifetime 145, 339 และแอพ TrueVisions Now