เข้าสู่โรงภาพยนตร์แล้ว สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ที่ว่ากันด้วยเรื่องของ “คน” กับ “ลิง” ที่จะมาชวนผู้ชมทุกท่านขบคิดประเด็นที่ลึกซึ้งไปด้วยความลุ้นระทึก “Kingdom of the Planet of the Apes” หรือ “อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ภาพยนตร์ชุดที่ครองใจผู้ชมมานานหลายปี โดยเฉพาะชุดไตรภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
โดยในเวอร์ชั่นนี้ เป็นการเล่าเรื่องในช่วงเวลา 300 ปีต่อมาจากภาคก่อน ซึ่งเป็นยุคที่ “วานร” หรือว่า “Apes” ปกครองโลกบนซากสมบัติทางอารยธรรมของมนุษย์ ในขณะที่มนุษย์กลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่สติปัญญาตกต่ำ สำหรับเรื่องนี้ กล่าวได้ว่าเป็นการเปิดอาณาจักรใหม่โดยสานต่อจากเส้นเรื่องเดิม ซึ่งได้ Wes Ball ผู้กำกับที่สร้างชื่อมาจากภาพยนตร์ชุด Maze Runner ที่หลายคนประทับใจ มากำกับเรื่องนี้ และแน่นอนว่าความลุ้นระทึก ตามแบบฉบับของหนังแอคชั่น-ผจญภัย จึงสามารถวางใจให้แก่เรื่องนี้ได้เลย
อย่างไรก็ดี นอกจากความอลังการที่เล่นใหญ่ ใส่เต็ม ทั้งงาน CG, โปรดักชั่น, การแสดง และเทคนิคต่างๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ “Kingdom of the Planet of the Apes” คงไว้ตามต้นฉบับคือ การตั้งคำถามถึงการอยู่ร่วมกันระหว่าง “คน” กับ “ลิง” ซึ่งเป็นแก่นแกนของเรื่องมาตั้งแต่เวอร์ชั่นหนังสือ พร้อมกันนั้น ยังเป็นภาพสะท้อนของปัจจุบัน ในการอยู่ร่วมกันระหว่าง “มนุษย์” กับ “สิ่งมีชีวิตร่วมโลก” กับคำถามแห่งยุคสมัยที่สุดแสนท้าทาย คือ “เรา” สามารถดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้จริงหรือไม่?
เฉพาะอย่างยิ่ง ในโลกที่มนุษย์ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศน์และอารยธรรม โดยปราศจากการเหลียวแลเพื่อนร่วมโลก ทั้งยังผลักให้สิ่งมีชีวิตอื่นเป็นเพียง “ตัวประกอบ” ในรากฐานแห่งมนุษยนิยม หากแต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ พาเราพลิกมุมกลับ ปรับมุมมอง ให้เหล่าวานรเป็นผู้ครองโลก โดยมีมนุษย์เป็นเพียงชนหมู่น้อยไปเสีย
และถึงแม้ภายในเรื่องนี้ ชื่อของ “ซีซาร์” ตัวละครหลักจากภาคก่อนๆ จะกลายเป็นเพียงตำนานเล่าขาน ประหนึ่งศาสดาของเหล่าวานร และยิ่งกาลเวลาผ่านไป วาจาสิทธิ์ของซีซาร์ ก็เริ่มถูกนำไปบิดแปลงเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของวานรบางกลุ่ม จนนำไปสู่การทำสงครามในนามของสันติภาพ ซึ่งประเด็นดังกล่าว ก็ไม่ผิดไปจากโลกที่เรากำลังหายใจอยู่ในชีวิตจริงเท่าใดนัก
ไม่เพียงเท่านี้ ภายในเรื่องยังมีการกล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนการ ที่วานรผู้ปกครองต้องการล่นระยะเวลา ให้เกิดวิวัฒนการแบบเร่งรัด ซึ่งอาจช่วยยกระดับภูมิปัญญาของเหล่าวานรไปอีกขั้น ประเด็นนี้ก็ชวนให้นึกถึง AI ภายใต้กำมือมนุษย์ในโลกจริงอยู่ไม่น้อย ว่าจะก่อให้เกิดวิวัฒนการแบบ “ก้าวหน้า” หรือ “ย้อนกลับ”
อย่างไรก็ตาม “อาณาจักรแห่งพิภพวานร” ภาคนี้ก็ลงเอยด้วยการทิ้งประเด็นชวนให้ขบคิดกันต่อ ทั้งทางภาพยนตร์ ตลอดจนทางโลกแห่งความจริง “Kingdom of the Planet of the Apes” จึงเป็นภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัย ที่จะดูเอาสนุกก็ดี หรือจะดูเพื่อย้อนมองโลกปัจจุบันก็ได้ โดยสามารถรับชมในทุกโรงภาพยนตร์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป