“หนังดี มีรางวัล แต่ไม่มีคนดู”
“ละครดัง มีคนดู แต่ก็วนอยู่กับที่”
ปัญหาสารพัดสารเพของวงการคอนเทนต์ไทย ตลอดจนความเห็นจากหลายทิศหลายทาง จริงบ้าง มั่วบ้าง ปะปนกันไป แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดนั้นทำให้ศรัทธาของชาวไทยในคอนเทนต์บ้านเกิดเสื่อมสลายไปไม่น้อย เฉพาะยิ่งในยุคสตรีมมิ่งอย่างปัจจุบัน
แต่หากว่ากันตามตรง แท้จริงแล้วคอนเทนต์ไทยในทุกวันนี้ สามารถตีกระแสต่างชาติได้ดีกว่าช่วงก่อนๆ มากนัก ทั้งยอดสตรีมมิ่ง การเข้าฉายต่างประเทศ นำส่งไปยังเทศกาลระดับนานาชาติ รวมถึงการขายลิขสิทธิ์นำไปรีเมค หลายๆ เรื่องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทย อันสามารถฉายแววในเวทีโลกได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ หาช่องทางกันตามมีตามเกิด และกระจัดกระจาย
จึงเป็นเหตุผลให้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(องค์การมหาชน) หรือ CEA จัดให้มีการจับคู่ธุรกิจ(business matching) เปิดตลาดซื้อขายคอนเทนต์เป็นครั้งแรกของประเทศในชื่อ Content Project Market ภายใต้โครงการ Content Lab 2024
โดย Content Project Market เปิดพื้นที่ให้นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยได้นำเสนอผลงาน ทั้งบทภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแอนิเมชันของตนเอง รวมไปถึงไอเดีย คอนเซ็ปต์ (Pitch Deck) ที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนา พรีเซนต์/พิทชิ่งต่อนักธุรกิจ-นักลงทุนในแวดวงอุตสาหกรรมคอนเทนต์ และสตรีมมิงแพลตฟอร์มทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 64 บริษัท เพื่อต่อยอดผลงานสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในตลาดคอนเทนต์ต่อไป
ทั้งนี้ ยังมีหลักสูตรพัฒนาทักษะให้สอดรับกับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการบ่มเพาะ (Incubation Programs) 4 โครงการ และโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 โครงการ ได้แก่
- Content Lab: Newcomers แคมป์สำหรับคนทำหนังและซีรีส์หน้าใหม่
- Content Lab: Mid-Career โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และซีรีส์ สำหรับบุคลากรวิชาชีพระดับกลางในสายโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักเขียนบท
- Content Lab: Animation เวิร์กช็อปพัฒนาซีรีส์โปรเจ็กต์สำหรับสายงานด้านแอนิเมชันในกลุ่ม Mid-Career และ
- Content Lab: Advanced Scriptwriting เวิร์กช็อปพัฒนาการเขียนบทระดับมืออาชีพโดยวิทยากรจากไทยและต่างประเทศ
โครงการดังกล่าว นับว่าเป็นครั้งแรกที่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยจะได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ ทั้งองคาพยพตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อยกระดับมาตรฐานคอนเทนต์ไทยให้สามารถเจาะกลุ่มตลาดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
โดยภายในงานแถลงข่าว ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า มีการ matching ผ่านระบบ online มาล่วงหน้าแล้วกว่า 300 matching ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นตอนพูดคุยและพิทชิ่งต่อไป สะท้อนให้เห็นถึงกระแสตอบรับจากผู้ซื้อ นักลงทุน และบริษัทต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ ที่ให้ความสนใจในคอนเทนต์ไทยอย่างกว้างขวางหลากหลาย ถือว่าเป็นผลตอบรับที่ดี ให้ผลงานคอนเทนต์ไทยมีที่ยืนในเวทีโลก และนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ทั้งแบบที่ประเมินค่าได้ และประเมินค่าไม่ได้ อย่างที่มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ อาทิ หลานม่า, สัปเหร่อ, สืบสันดาน และอื่นๆ
นอกจากนี้ ผลตอบรับจากโครงการ Content Project Market ยังชี้ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากกว่าการสร้างคอนเทนต์ผีกับตลก ซึ่งเป็นคำกล่าวที่คอนเทนต์บ้านเรามักจะถูกปรามาสอยู่บ่อยๆ แต่เอาเข้าจริง คอนเทนต์ไทยที่ประสบความสำเร็จในระยะหลังๆ ก็ก้าวพ้นจากสูตรสำเร็จเดิมๆ ได้มากกว่าเก่าแล้ว
ทั้งนี้ ช่องทางการเฟ้นหาคู่ธุรกิจที่สมพงษ์กัน และการหาที่ทางในตลาดโลกให้เหมาะสม จึงนับเป็นการส่งเสริมที่สำคัญยิ่งในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย เพราะฐานผู้ชมของผลงานแต่ละอันนั้นแตกต่างกัน การก้าวข้ามพรมแดนอย่างมียุทธศาสตร์ และเป็นปึกแผ่น จึงอาจช่วยให้คอนเทนต์ไทยหลุดพ้นจากหล่มคำกล่าวที่ว่า
“หนังดี มีรางวัล แต่ไม่มีคนดู” “ละครดัง มีคนดู แต่ก็วนอยู่กับที่”
และอาจจะช่วยเปิดน่านน้ำใหม่ให้คอนเทนต์ไทย ไม่ให้พายเรือในอ่าง รวมถึงสร้างความแข็งแรงในทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมในระยะยาวต่อไปสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Content Lab 2024 ได้ที่เพจ Content Lab รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ของ CEA ได้ที่เว็บไซต์ www.cea.or.th