รถยนต์สันดาป ไม่ใช่รถยนต์ผาดโผนที่ขับเคลื่อนอยู่บนสันดาบหรือสันมีดอย่างที่บางคนเข้าใจ
หากแต่เป็นคำนิยามของรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันในการขับเคลื่อน แม้จะมีข้อดีในเรื่องของการดูแลรักษาที่สามารถทำได้ง่ายกว่า แต่เครื่องยนต์สันดาปนั้นถูกมองเป็น “แบ๊ดบอย” ในสายตาของสิ่งแวดล้อม ที่ปล่อยมลพิษออกมาแบบไม่เคยเกรงใจกันบ้างเลย
ในขณะที่ผู้มาใหม่อย่างรถไฟฟ้า EV นั้น เมื่อลองพิจารณาถึงคุณสมบัติ เปรียบเทียบจุดดีจุดด้อย ไม่ว่าจะมองมุมไหน อนาคตใกล้ๆ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ยังไงก็ “มาแน่”
ซึ่งหลายประเทศได้วางนโยบายไว้อย่างชัดเจนว่าจะคุมกำเนิดรถยนต์ที่สร้างมลพิษ หันมาสนับสนุนรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเดินหน้าสู่นโยบายพลังงานอย่างยั่งยืนแบบเต็มตัวแทน
โดยประเทศที่ออกตัวเร็วและแรงหยั่งกะโดมินิค โทเร็ตโต้ ก็คือรัฐบาลไวกิ้ง ที่ประกาศกร้าวเลยว่าอีก 2 ปี (2025) “มีรถสันดาป ไม่มีกู” โดยรถใหม่ที่เปิดตัวและวิ่งในประเทศนอร์เวย์ทั้งหมดนั้นต้องเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100%
ในขณะที่ประเทศยักษ์ใหญ่ด้านยนตรกรรมอย่าง เยอรมนี ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย ก็ขีดเส้นตายไว้ที่ปี 2030 ว่าจะหันมาใช้พลังงานที่ไม่ปล่อยมลพิษ พร้อมออกมาตรการทางภาษีทั้งบีบทั้งนวด เพื่อบังคับและจูงใจให้ค่ายรถยนต์ทั้งหลายเลิกขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนซะ
ฝรั่งเศสและอังกฤษ ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่แพ้กัน แต่ขอเวลาทำใจอีกหน่อย ตั้งเป้าปี 2040 แทนสำหรับนโยบายห้ามการซื้อขายรถทุกประเภทที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและรถยนต์ที่ใช้ในประเทศทุกคันจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงเท่านั้น
ส่วนประเทศไทยเอง นโยบายด้านรถยนต์ไฟฟ้าน่าจะจัดอยู่ในเลเวล “งุ่มง่ามอย่างแยบยล”
คือน่าจะปล่อยให้ประเทศผู้นำของโลกเขาทำกันไปก่อน แบบ “ใครพร้อม ไปก่อนเลย” เราค่อยมาศึกษาพัฒนาข้อดีข้อเสียของประเทศต่างๆ แล้วค่อยมาปรับใช้แบบไทยสไตล์อีกทีนึง
โดยนโยบายที่ทางรัฐบาลตั้งเป้าไว้ก็คือ “30@30” จะผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อย 30% ภายในปี 2030 เพื่อเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ
โดยมีการกำหนดเป้าหมาย ผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะ 725,000 คัน รถจักรยานยนต์ 675,000 คัน รถบัสและรถบรรทุก 34,000 คัน พร้อมส่งเสริมการผลิตรถประเภทอื่นๆ ได้แก่ สามล้อ เรือโดยสาร และรถไฟระบบราง
ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่จะมารองรับ ก็ได้กำหนดสร้างสถานี Fast charge 12,000 หัวจ่าย และสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีก 1,450 สถานี
ซึ่งปัจจัยชี้วัดว่าประเทศเราจะสามารถทดแทนรถยนต์สันดาปมาเป็น ZEV แบบ 100% ได้เร็วขนาดไหนนั้น เรื่องของราคา-ความคุ้มค่า น่าจะเป็นปัจจัยแรกๆ ที่คนไทยให้ความสำคัญ
#TheAttraction #SoftPower #รถยนต์สันดาป #EV #ZeroEmissionVehicle