ถ้าลองนึกย้อนความทรงจำกลับไปในช่วงปี 2000 สำหรับใครที่พอจะเกิดทันหนังเรื่อง “The Beach” หลายคนน่าจะมีความรู้สึกคล้ายความสัมพันธ์แบบ Love-Hate Relationship ที่มีโมเมนต์ “ทั้งรัก-ทั้งเกลียด” เกิดขึ้นปะปนกันทุกครั้งที่นึกถึง
เพราะเบื้องหน้าที่หนังออกฉาย หนังเรื่องนี้เปรียบเหมือนพระเอกที่รับบทเจ้าพ่อขาใหญ่แห่งวงการพีอาร์ ช่วยเป็นกระบอกเสียงสร้างแบรนด์ Amazing Thailand สู่สายตาชาวโลก แถมยังแอบส่งต่อมนต์เสน่ห์ Soft Power ให้การท่องเที่ยวไทยในหลายฉากหลายซีน
แต่เบื้องหลังนั้น กลับสวมบทผู้ร้าย แอบชำเราทรัพยากรทางทะเลรอบอ่าวมาหยาอย่างดุดันไม่เคยเกรงใจ พร้อมฝากรอยเท้าย่ำเหยียบบนผืนทรายไว้ ลบเท่าไหร่ก็ไม่หายเสียที
Martial arts figure prominently in many Asian cultures, and the first known traces.
ย้อนเวลากลับไปปี 1997 สถานการณ์ก่อนสร้างภาพยนตร์
นักเขียนชาวอังกฤษ อเล็กซ์ การ์แลนด์ เปิดตัวหนังสือ “The Beach” นวนิยายแนวท่องเที่ยวผจญภัยของเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ ที่ต้องการเดินทางมาประเทศไทยเพื่อค้นหาความหมายของการใช้ชีวิตบนเกาะห่างไกลที่ไหนสักที่ จนได้พบกับดินแดนที่รายล้อมไปด้วยทุ่งกัญชา ทุกคนสามารถล่องลอยไปสู่สรวงสวรรค์ได้อย่างเสรี
เนื้อเรื่องดังกล่าวโดนใจนักอ่าน Gen X ในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแนวคิดการใช้ชีวิต “วัยรุ่นมั่วสุมเสพยาบนเกาะสวรรค์” ที่ อเล็กซ์ การ์แลนด์ ร่ายบทพรรณาโวหารเปลี่ยนภาพให้กลายเป็น “ยูโทเปียของวัฒนธรรมป็อปคัลเจอร์” ที่ถูกส่งต่อมายังหนังอเมริกันภายหลังอีกหลายเรื่อง
นั่นจึงทำให้นวนิยายเรื่องเดอะบีชติดชาร์ต Best Seller ในยุโรปและอเมริกาจนได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศอีก 25 ภาษา ถือเป็นการเปิดตัวสู่โลกนักเขียนแบบเหนือคาดของนักเขียนที่เรียนหนังสือไม่จบซะด้วยซ้ำ
อเล็กซ์ เดินทางมายังทวีปเอเชียตั้งแต่สมัยมัธยม เขาใช้เวลากว่าครึ่งปีท่องเที่ยวอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักในงานเขียนเรื่อง “เดอะบีช” แต่สุดท้ายแล้วเขากลับเลือกประเทศไทยเป็นโลเคชั่นของ “เกาะสววรค์” ในเนื้อเรื่องแทน โดยให้เหตุผลว่าประเทศไทยนั้นเหมาะกับการเดินทางแบบแบ็คแพ็คเกอร์ และดูเข้ากับการดำเนินเรื่องในนิยายที่เขาเขียนมากกว่า
ตัดภาพฉับกลับมาที่นักแสดงนำชายของเรื่อง
ในปี 1997 นั้นชีวิตของ ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ้ กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล จากการรับบท แจ็ค ดอว์สัน ในภาพยนตร์เรื่อง “Titanic” ทำให้เขากลายเป็น “The King of the World” สมดังปรารถนา ผลงานการแสดงของเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 70 แต่ก็ยังไม่สามารถเบียด แจ๊ค นิโคลสัน จากเรื่อง As Good as It Gets ที่คว้ารางวัลนักแสดงนำชายในปีนั้นไปครอง
ตัวเลือกแรกไม่ใช่ดิคาปริโอ้
หลังจากประสบความสำเร็จมหาศาลกับ บทแจ็ค ดอว์สัน ในเรื่องไททานิก ผ่านไป 2 ปี ลีโอนาร์โด้ก็ยังไม่ได้ตอบรับงานแสดงเรื่องใหม่เลย เพราะจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ Titanic ที่ค้ำคออยู่ การจะเลือกเล่นบทบาทต่อไปมันเลยไม่ใช่เรื่องง่าย
เดิมทีดิคาปริโอ้เคยวางแผนที่จะเล่นเป็นตัวละครนำใน American Psycho (2000) แต่พอเขาอัพเกรดเลเวลตัวเองขึ้นมาอยู่ระดับซูเปอร์สตาร์ ทำให้การพูดคุยเรตราคาค่าเหนื่อยนั้นหาจุดลงตัวไม่ได้
นักแสดงที่มาคว้าบทนี้ไปแทนก็คือ คริสเตียน เบล ที่มีการเปิดเผยรายได้ในภายหลัง ว่าค่าตัวของเขาจากการรับเล่นหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้าน Danny Boyle ผู้กำกับ ”เดอะ บีช” เดิมทีนี้นั้นก็ได้วางตัว Ewan McGregor เพื่อมารับบท “ริชาร์ด” ในหนังเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว แต่ทางค่าย ทเวนตี้ เซนจูรี่ฟ็อกซ์ นั้นอยากได้ตัว ลีโอนาร์โด้ ที่กำลังฮ็อตมารับบทนี้แทน
ทางค่ายจึงจัดการทุ่มงบ 20 ล้าน (จากทุนสร้างหนังทั้งหมด 50 ล้านเหรียญสหรัฐ) มาเป็นค่าตัวสำหรับพ่อหนุ่มคนนี้คนเดียวแบบเน้นๆ เพราะพลังแห่งคำพูด “I’m the King of the World” ที่แจ็ค ดอว์สัน เคยตะโกนไว้ในหนังไททานิกนั้น มันช่างมีพลังดึงดูดเกินจะต้าน ผู้กำกับอย่างบอยล์เองก็เลยจำต้องยอม ศิโรราบให้ลีโอนาร์โด้ได้เล่นบทนำแต่โดยดี
เลือกหาดมาหยา ไม่ใช่เพราะความสวย
ฝ่ายสถานที่ได้ตระเวนหาโลเคชั่นที่เหมาะสมในหลายประเทศเพื่อที่จะถ่ายทำ ทั้ง ออสเตรเลีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, ศรีลังกา จนกระทั่งได้บทสรุปที่ประเทศไทยตามเนื้อหาในบทประพันธ์จริงๆ สำหรับเหตุผลในการเลือกหาดมาหยานั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะความงามตามธรรมชาติจนน่าตื่นตะลึง แต่เป็นเพราะทีมงานมองเห็นศักยภาพในการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่มากกว่า
เนื่องจากเนื้อเรื่องตามบทภาพยนตร์จะต้องมีการปรับหน้าดินบนชายหาดให้ใหญ่พอสำหรับเล่นกีฬาคริกเก็ต ฟุตบอล วอลเลย์บอล ทีมถ่ายทำจึงไถพรวนพืชพันธุ์ไม้ออกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงการนำต้นมะพร้าวกว่าร้อยต้นมาปลูกเพื่อให้ได้ทัศนียภาพที่สวยสมเป็นเกาะสวรรค์ตามบทประพันธ์
ดราม่ากองถ่ายทำลายระบบนิเวศน์
ผลกระทบด้านความเสียหายของธรรมชาติ ในช่วงการถ่ายทำยังไม่สามารถเห็นได้ชัดนัก แต่หลังจากกองถ่ายย้ายออกจากพื้นที่ และเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุม คลื่นลมพัดแรงเข้ากระทบชายฝั่ง แนวสันทรายสีขาวก็ทรุดตัวลงไปในทะเลอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นการกัดเซาะบริเวณชายฝั่งค่อนข้างรุนแรง ชายหาดพังทลายเป็นแนวยาวจากการขุดหน้าดินเพื่อใช้ในการถ่ายทำ กระทบไปถึงแนวปะการังที่ค่อยๆ ถูกทำลายแบบไม่อาจฟื้นฟูให้กลับมาสวยงามได้ดังเดิม
ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเหล่าเอ็นจีโอ รวมตัวกันฟ้องร้องค่าเสียหายจากกระบวนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมรอบหาดมาหยาต่อศาลเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท แต่ภายหลังมีการเจรจาไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเหลือเพียงแค่ 10 ล้านบาทเท่านั้น
ฉาก Thailand Soft Power ที่อยู่ในหนังเรื่องนี้
อ่าวมาหยา สรวงสวรรค์ของแบ็คแพ็คเกอร์
นอกจาก ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ้ ที่เป็นตัวแสดงนำแล้ว ตัวเกาะเองก็เปรียบได้กับตัวแสดงหลักในเรื่องที่ได้รับบทเด่นไม่แพ้กัน ด้วยการประพันธ์ของนักเขียนบทภาพยนตร์ที่วางให้อ่าวมาหยา เป็นสถานที่ยูโทเปียในฝันของนักท่องเที่ยว ภาพความสวยงาม หาดทรายสีขาวนวล ท้องทะเลสีคราม ธรรมชาติที่ดูสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่เงียบสงบ ทำให้คนดูภาพยนตร์ถูก Soft Power ของอ่าวมาหยา ดึงดูดให้อยากมาเยือนมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
เปิดประสบการณ์ดิบเถื่อน ดื่มเลือดงู
ริชาร์ดถูกท้าทายจากไกด์นำเที่ยวชาวไทย ว่าคนอย่างเขาก็คงเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่น่าจะใช่คนใจถึง กล้าทดลองอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อย่างการดื่มเลือดงูแบบสดๆ แน่นอน โดนหมิ่นขนาดนี้ เขารีบรับคำท้าอย่างไม่ลังเล เพราะแบกศักดิ์ศรีคนอเมริกันไว้ ยกแก้วมาซดรวดเดียวเกลี้ยงแล้วชิ่งอย่างไว
การดื่มเลือดงูแบบสดๆ นั้นเป็นวิธีการยังชีพเพื่อเอาตัวรอดในป่า ที่ภายหลังได้นำมาเป็นหนึ่งในยุทธวิธีการฝึกทหาร COBRA GOLD ที่มีนาวิกโยธินฝ่ายไทย เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ เข้าร่วม
ทุ่งกัญชา สวรรค์ของนักสูบสายเขียว
ทุ่งกัญชาที่ถูกปลูกอยู่บนเกาะ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นสรวงสวรรค์ของเหล่านักเสพ เวลา 20 ปีผ่านไป พืชกัญชงกัญชาที่เคยเป็นพืชผิดกฎหมาย วันนี้ถูกปลดล็อคให้เมืองไทยเป็นดินแดนกัญชาเสรี เราจะเรียกพืชชนิดนี้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่ทำให้เราเป็น สยามเมือง “ยิ้ม” ได้รึเปล่านะ !?
ฉลามน่ะชอบงับคุณ
ในฉากที่เพื่อนร่วมแคมป์ของริชาร์ดถูกฉลามกัดขณะออกไปล่าปลา แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย ที่พอลงไปดูถึงหาดมาหยาสถานที่จริงในวันนี้ ก็ยังมีฉลามแหวกว่ายให้นักท่องเที่ยวพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเป็นสายพันธ์ุฉลามครีปดำ ที่มีนิสัยเฟรนด์ลี่ ไม่เคยมีข่าวเสียหายไล่งับแขนงับขานักท่องเที่ยว แตกต่างกันคนละขั้วกะตัวที่อยู่ในหนังก็เถอะ
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลายฉากที่นำเสนอซอฟท์พาวเวอร์แบบไทยๆ สู่สายตาชาวโลก อย่างการนั่ง “รถตุ๊กๆ” ที่เป็นอีกหนึ่ง iconic ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อ อย่างฉาก “ถนนข้าวสาร” จุดเช็คอินสำคัญของนักเที่ยวกลางคืน “พระนอนวัดโพธิ์” ที่มีความปราณีต งดงาม จนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสต้องขอเดินทางมาชมให้ได้หลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทย
สรุปแล้ว Soft Power ไทยในหนังเดอะบีช สำเร็จหรือล้มเหลว
ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช นี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้คนดูหนังทั่วโลก รู้จักชื่ออ่าวมาหยา แม้กระทั่งคนส่วนใหญ่ของประเทศไทยเองยุคนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอ่าวที่เงียบสงบและสวยงามแบบนี้อยู่ในประเทศด้วย
หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำรายได้ทั้งหมด 144.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จากวันที่หนังเปิดฉายออกสู่สายตาชาวโลก มาถึงปัจจุบันนี้ อิทธิพลของหนังเรื่องนี้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายล้านคนออกเดินทางตามรอยภาพยนตร์ สร้างเม็ดเงินมหาศาลสู่ภาคการท่องเที่ยว
ในช่วงพีคๆ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ต่ำกว่า 4 พันคนต่อวัน ทั้งๆ ที่อ่าวมาหยามีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงแค่ 375 คน/วัน เท่านั้น ด้วยหน้าหาดมีความกว้างไม่ถึง 300 เมตร นักท่องเที่ยวที่มาด้วยความหวังจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบในหนัง จึงต่างผิดหวังไปตามๆ กัน
จำนวนผู้คนที่หลั่งไหลมาแม้จะพาเม็ดเงินจำนวนมหาศาลมาสู่ภาคการท่องเที่ยวและกระจายไปยังชุมชนโดยรอบ แต่อีกด้านนึงก็เป็นต้นเหตุแห่งปัญหา ที่มีส่วนทำให้ระบบนิเวศน์ที่เคยสวยงาม พังทลายลงในระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี
หนังเรื่อง The Beach นี้อาจประสบความสำเร็จในแง่ของการใช้ Soft Power ผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่ในทางกลับกันก็นำมาซึ่งปัญหาด้านการทำลายสิ่งแวดล้อมมากมายอย่างที่เราทราบ
ทำให้ตอนที่เราย้อนกลับไปดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ เราก็ยังพูดไม่ได้เต็มปากว่า “ภูมิใจ” หรือ “ผิดหวัง” จะ “รัก” หรือจะ “ชัง” ภาพยนตร์เรื่องนี้กันแน่
Note : สำหรับใครที่อยากจะย้อนเวลากลับไปในยุคนั้นแบบได้อารมณ์ Y2K เราแนะนำให้ลองไปนั่งรื้อเครื่องเล่นดีวีดีมาเปิดดู รับรองฟีลลิ่งยุค 2000 มาเต็มแน่ๆ
แต่ถ้าการทำแบบนั้นมันดูลำบากต่อการใช้ชีวิตประจำวันจนเกินไปก็สามารถรับชมได้ทาง Disney+ อีกทางนะ