Skip links

เพศหญิงก็ไม่ใช่…เพศชายก็ไม่เชิง คำนำหน้าชื่อ และ Gender X จะช่วยแก้ปัญหา หรือ เพิ่มปัญหา?

ปัญหาที่กลุ่ม LGBTQIA+ ต้องเผชิญปัญหาหนึ่งคือ ทุกครั้งที่ต้องบ่งบอกระบุเพศในเอกสารทางการ และในเอกสารนั้นมีให้เลือกแค่เพศชาย-หญิง แต่ทว่าสำหรับคนที่ไม่ใช่ทั้งผู้ชาย และไม่ใช่ทั้งผู้หญิง เมื่อจำเป็นต้องเลือก จึงส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่สร้างความกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย เพราะไม่รู้จะใช้เพศอะไรดี และปัญหาดังกล่าวยังรวมไปถึงปัญหาเรื่องคำนำหน้าชื่อ ซึ่งบางครั้งก็ชวนปวดหัว และอาจสร้างความอับอายได้เช่นกัน

โดยหนึ่งในทางออกที่หลายประเทศเลือกใช้ในการบ่งบอกระบุเพศที่หลากหลายคือ การใช้ “Gender X” อันเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกล่องระบุเพศที่มีแค่ชายกับหญิง’ สิ่งนี้เป็นทางออกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการระบุเพศ หรือรู้สึกว่าไม่สามารถนิยามตัวตนได้ด้วยเพศชาย-หญิง 

ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศที่เลือกใช้ Gender X ในหนังสือเดินทาง (Passport) มีมากกว่า 17 ประเทศ อาทิ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ออสเตรีย ออสเตรเลีย แคนาดา โคลอมเบีย มอลตา นิวซีแลนด์ ปากีสถาน และอื่นๆ

นอกจากนี้ ในบางประเทศยังมอบเจตจํานงอิสระสำหรับ ‘คำนำหน้าชื่อ’ ซึ่งในแต่ละประเทศมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน บางที่ให้เลือกใช้ได้ตามเพศสภาพ แต่คำว่า “เพศสภาพ” ในความหมายของแต่ละประเทศก็ตีความต่างกันอีก บางแห่งมีเงื่อนไขเยอะ บางที่มีเงื่อนไขน้อย ก็ว่ากันไป หรือในบางดินแดนก็มอบสิทธิให้เต็มที่ ถ้าหากคุณไม่ต้องการใส่คำนำหน้าชื่อก็ย่อมได้ แบบนี้ก็มีด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรเสีย ความเปลี่ยนแปลงนี้ หากมองโดยผิวเผินอาจจะดี แต่เมื่อนำมาปฏิบัติจริงแล้วก็พบปัญหาอยู่เหมือนกัน เฉพาะอย่างยิ่งในหนังสือเดินทาง เพราะอย่าลืมว่าขณะนี้มีเพียง 17 ประเทศเท่านั้นที่มี Gender X ในเอกสารทางการ 

เมื่อผู้ที่มี ‘เพศสภาพ’ ต่างจาก ‘เพศกำเนิด’ พกพา Gender X มาในหนังสือเดินทางและสัญจรมายังประเทศที่ไม่มีสัญลักษณ์นี้ในเอกสารดังกล่าว เมื่อนั้นก็สร้างความสับสน งงงวย แก่เจ้าหน้าที่กันเป็นแถบ บางครั้งกว่าจะปล่อยให้เข้าประเทศได้ ก็กินเวลาใช่ย่อย และยิ่งไม่มีคำนำหน้าชื่อ ก็ยิ่งมึนตึ้บกันไปใหญ่ 

ปัญหานี้เกิดขึ้นจริง และส่งผลกระทบต่อการขอวีซ่า ทั้งยังเป็นการขัดขวางโอกาสในการย้ายถิ่นฐานเพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ ศาสนา หรือความเป็นอยู่ชีวิต 

สำหรับประเทศไทย มีการพูดถึงทั้งเรื่อง ‘คำนำหน้าชื่อ’ และ ‘Gender X’ อยู่ในร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ซึ่ง ณ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการฯ อีกไม่นานคงได้เห็นความกระจ่างในการผลักดันสองเรื่องนี้ว่าจะเป็นไปในแนวทางไหน? การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศในประเทศไทยจะครอบคลุมไปยังเรื่องใดบ้าง? และจะสร้างความเท่าเทียมในทุกกลุ่มชนได้มากเพียงใด? 

และคงต้องกล่าวว่า หากทำสำเร็จ เรื่องนี้จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศไทยได้มิใช่น้อยเลยทีเดียว

 

อ้างอิง: 

https://www.migrationpolicy.org/article/x-marker-trans-nonbinary-travelers?fbclid=IwAR2894qxh93U3t6c1BeP26VzLn2KlDknI-iuE0JZXvzp9BJ6jObAi1K1-UQ

https://www.businessinsider.com/mexico-introduces-non-binary-passport-allowing-gender-written-x-2023-5?fbclid=IwAR2894qxh93U3t6c1BeP26VzLn2KlDknI-iuE0JZXvzp9BJ6jObAi1K1-UQ

https://www.hrw.org/report/2021/12/15/people-cant-be-fit-boxes/thailands-need-legal-gender-recognition?fbclid=IwAR32ldI3Ny3opEJR-osanoLtconS37fD2BDv2UhOnnC7cpdV59Ko42MEjHU

https://www.ilaw.or.th/articles/6227