“ผู้คนเชื่อเรื่องอะไรก็ได้ที่พวกเขาเชื่อ”
.
เมื่อความเน่าเฟะของวงการสงฆ์ ทำให้ไม่เชื่อในสงฆ์
ความรักจากคู่ชีวิตที่ดูท่าจะไม่ราบรื่น ทำให้ไม่เชื่อในสามี
ความเจ็บป่วยจากโรคซึมเศร้า ทำให้ไม่เชื่อในความหมายของชีวิต
ฯลฯ
.
เมื่อนั้นการเชื่อหมา บูชาหมา และแสดงสัญชาตญาณแบบหมากลายเป็นหนทางยึดเหนี่ยวจิตใจ ผู้คนจึงหันมากราบหมา
…
ด้วยความสงสัยว่ารูปการณ์ใดที่ทำให้ “คนกราบหมา” ต้องโทษกล่าวหาที่รุนแรงอย่าง “หมิ่นทุกศาสนา” มากกว่า 25 ปี เพราะแม้แต่ตัวผู้กำกับและทีมงานเองยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เราจึงต้องเข้าไปหาคำตอบด้วยตัวเอง
.
“คนกราบหมา” เป็นหนังที่อายุมากกว่าเราด้วยซ้ำ แถมยังเป็นหนังอินดี้ตั้งแต่ดูตัวอย่างหนัง เราเลยถอดสมองวางไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าโรง พร้อมให้หนังพาเราเข้าไปสำรวจลัทธิ “ล้างสมอง” ที่จะเล่นตลกกับ “ความเชื่อ” ของเราที่จะกระตุกสำนึกคิดว่าเรานั้นเหมือนหรือต่างกับเหล่าสาวกผู้กราบหมาหรือไม่ อย่างไร
.
ในอาศรมแห่งรักไร้พรมแดน เราอยากจะเรียกว่าโลกนี้เป็น “โลกใหม่” ที่อยู่นอกเหนือศีลธรรมและตรรกะของสังคมทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะในวันที่สังคมไทยยังมีกลุ่มคนที่เชื่อมจิตและรับคลื่นพลังบุญกันอยู่ เราก็คงเป็นอีกหนึ่งเสียงที่พูดว่า “หนังเรื่องนี้ไม่เก่าเลย”
.
ความไม่เก่าเลย แม้จะผ่านไปนานกว่า 25 ปี ในทางหนึ่งหมายถึง หนังเรื่องนี้มีความก้าวหน้าจากหนังเรื่องอื่นในยุคเดียวกันเป็นอย่างมาก ทั้งยังกล้านำเสนอเหตุการณ์ที่จะพาให้คนไม่เชื่อในศาสนาอย่างพระเสพเมถุนกับศพ หลวงเจ๊(?)กับเด็กวัด พระชั้นผู้ใหญ่ที่มองว่าลัททธินี้เป็นเรื่องตลกและไม่ได้จัดการอะไร แถมยังนำองค์ประกอบทางศาสนา รูปเคารพของศาสนาอื่นมาใช้บ้างประปราย ล้วนเสริมความแข็งแรงให้ความตลกร้ายเหนือขึ้นไปอีกขั้น
.
ทว่า ความตลกของผู้กำกับและทีมนักแสดงที่ตั้งใจทำกันด้วยงบไม่กี่บาท กลับไม่ตลกในมุมของกองเซ็นเซอร์ในขณะนั้น จึงถูกแปะป้ายให้กลายเป็นหนัง “หมิ่นทุกศาสนา”
.
แม้เรื่องเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวันหรือตามข่าวมานานหลายสิบปี และนานกว่า 25 ปีแน่นอน แต่ในขณะนั้น เรื่องราวเหล่านี้กลับเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหยิบขึ้นมาอย่าง “ตั้งใจ” เพื่อทำให้เห็นชัดขึ้นได้ พาลให้ คนกราบหมา กลายเป็นหนังที่ถูกขโมยเวลาที่จะได้โลดแล่นในโลกภาพยนตร์ไทยนานถึง 25 ปี
.
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยตัวเนื้อเรื่องที่ดำเนินเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ทำให้คนกราบหมามักถูกผู้ที่สนใจนำไปฉายในต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง นับว่าเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยในมุมมของต่างประเทศ
.
ดังนั้น การปลดข้อกล่าวหาให้ คนกราบหมา จึงเป็นตัวอย่างการแสดงเสรีภาพในการแสดงออกผ่านหนังที่อาจจะเรียกว่าเปิดกว้างขึ้น เนื่องจากยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ประจวบเหมาะพอดีกับการตั้งคำถามว่าพรบ. ภาพยนตร์และวิดิทัศน์ พ.ศ. 2551 และกองเซ็นเซอร์ต้องถูกปรับแก้หรือไม่ เพื่อเสรีภาพของคนทำหนัง
.
และอาจจะเป็นใบเบิกทางไปต่อให้แก่ “เชคสเปียร์ต้องตาย” หนังอีกเรื่องหนึ่งของผู้กำกับที่ตกอยู่ในชะตากรรมไม่ต่างกัน จนถึงขั้นฟ้องร้องศาล และมีข่าวคราวชัยชนะเมื่อกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาฉายให้เราดูเมื่อไหร่
…
ตัวอย่าง #คนกราบหมา #DogGod
https://www.youtube.com/watch?v=y_aS5xcL-p4
สามารถรับชมได้ที่ Cinema Oasis ,House Samyan, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต และเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย
…
อ้างอิง
โพสต์ของคุณมานิต ศรีวานิชภูม – ผู้กำกับภาพและผู้ถ่ายทำ https://www.facebook.com/manit.sriwanichpoom/posts/pfbid02tFHYsbWzWAGzBEvRUrtMBPYtv3Qbie1ro1uzJPHRMfAFhwZCiPRa6sp6ZycSnmEvl